1 ก.ค. 2022 เวลา 10:00 • ยานยนต์
เอ็มจี วางกลยุทธ์อย่างไรให้ NEW MG5 จากที่ขายดีอยู่แล้ว ให้ขายดีขึ้นอีก ?
MG X ลงทุนแมน
ตลาดรถยนต์ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร นอกจาก ตลาดรถกระบะ แล้วนั้น
รถในกลุ่ม B-Segment ที่มีเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 ลิตร และรถ ECO Car ก็ดุเดือดไม่แพ้กัน
1
โดยในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ มียอดขายรวม 28,049 คัน
เติบโต 78.8% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เลยทีเดียว
สถานการณ์โควิด-19 กระตุ้นความต้องการของผู้คนเรื่องการมีพื้นที่ส่วนตัวขณะเดินทาง หลายคนเริ่มต้องการเป็นเจ้าของรถยนต์ส่วนตัวเพื่อให้การเดินทางปลอดภัยมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ช่วงโรคระบาดก็ได้เพิ่มข้อจำกัดในเรื่องกำลังซื้อของผู้บริโภค
“ความคุ้มค่า” ของรถคันใหม่ จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักๆ ในการตัดสินใจซื้อรถ
1
ส่วน “แบรนด์” กลายเป็นปัจจัยรองของใครหลายคน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่กล้าเปิดรับแบรนด์ใหม่ๆ มากขึ้น
หนึ่งใน Case Study ที่น่าสนใจก็คือแบรนด์ MG โดยเฉพาะรถรุ่น NEW MG5 ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานคนไทยได้ค่อนข้างดี
จนกลายเป็นรถเก๋งที่ประสบความสำเร็จทางด้านยอดขาย
ล่าสุด MG ได้คิดค้นหาวิธีที่จะทำอย่างไรให้ NEW MG5 จากยอดขายที่ดีอยู่แล้ว ดียิ่งขึ้นไปอีก
โดยเฉพาะในวันที่ทุกคนเข้าสู่ ECO โหมด ยอมใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น
จึงเป็นที่มาของการอัปเกรดสเป็กรถ NEW MG5 MY 2022 พร้อมเพิ่มรุ่น D+ ด้วยการเติมฟีเจอร์เพิ่มขึ้น
ทำไม MG5 ถึงกลายเป็นรถที่ประสบความสำเร็จด้านยอดขาย ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง ?
และการอัปเกรดสเป็กรถของ MG จะสร้าง Impact ให้แก่ตลาดมากแค่ไหน ?
ลงทุนแมนจะวิเคราะห์ให้ฟัง
ถ้าถามว่า ตลาดรถกลุ่ม B-Segment และรถ ECO Car แข่งขันกันด้วยอะไร
คงมี 3 เรื่องหลัก ๆ คือ
-ราคาเข้าถึงง่าย
-สมรรถนะในการขับขี่
-ดีไซน์ที่สวยโฉบเฉี่ยว
โดย NEW MG5 ก็มีครบทุกข้อที่กล่าวมา หากใครยังจำกันได้ ก่อนที่รถรุ่นนี้จะเปิดตัวในเมืองไทยได้มีการเปิดตัวในงาน Beijing Auto Show 2020 ที่ประเทศจีนมาก่อน
พร้อมกับการสร้างกระแสข้ามประเทศ เมื่อมีคนไทยหลายคนอยากครอบครอง ด้วยดีไซน์ที่สวย หรู โฉบเฉี่ยว แฝงด้วยความ Luxury จนคว้ารางวัลดีไซน์ระดับโลก Good Design Award 2021
1
ขณะเดียวกันก็มาพร้อมกับสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ดีของเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ CVT แบบ 8 สปีด จึงเป็นรถที่ขับสนุก
1
เมื่อกลายเป็นรถที่หลายคนเฝ้ารอคอย การเปิดตัวในเมืองไทย
จึงสามารถสร้างยอดขายได้เกินความคาดหมาย
โดยในระยะเวลาแค่ 2 เดือน สามารถทำยอดขายแซงหน้ารถคู่แข่งหลายราย
สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นการส่งสัญญาณไปยังอุตสาหกรรมรถยนต์เมืองไทย
สะท้อนสิ่งที่ต่างไปจากอดีตที่พฤติกรรมการซื้อรถของลูกค้าที่มักจะยึดติดกับแบรนด์ยักษ์ใหญ่ กำลังเปลี่ยนไป
เพราะหากค่ายรถยนต์ค่ายไหน สามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และเป็น “ความต่าง” ที่ตอบโจทย์
ข้อจำกัดของคำว่า “แบรนด์” ที่ติดอยู่ในใจลูกค้า ก็อาจถูกทำลายลงในทันที
NEW MG5 จึงสร้างความต่างในเรื่องนี้ได้ชัดเจน ด้วยคุณสมบัติที่ไม่ได้มีดีแค่ดีไซน์สวยหรู และราคาเข้าถึงง่าย เท่านั้น
เพราะหากเปรียบเทียบกับรถคู่แข่งในตลาดเดียวกัน
NEW MG5 จะโดดเด่นในเรื่องเทคโนโลยีที่เหนือกว่า
รู้หรือไม่ว่า.. ล่าสุดทาง MG ได้มีการอัปเกรดสเป็ก NEW MG5 MY 2022 ทุกรุ่นย่อย
พร้อมกับเพิ่มรุ่นย่อยใหม่เข้ามาในไลน์อัปก็คือ D+
วางราคาขายเริ่มต้น 585,000 - 709,000 บาท
ความน่าสนใจของการอัปเกรดครั้งนี้ก็คือ การที่ NEW MG5 MY 2022 จะกลายเป็นรถเก๋งที่เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยรุ่นที่เข้าสู่วัยทำงานได้มากขึ้น ด้วยความเป็นรถยนต์นั่งที่คุ้มค่าด้วยเทคโนโลยี และอ็อปชัน ในขณะที่ดีไซน์ยังคงโดดเด่นเช่นเดิม
1
แล้ว NEW MG5 MY 2022 มีเทคโนโลยีอะไร ที่มาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และการขับขี่บ้าง ?
เริ่มต้นด้วยเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ที่ถูกอัดแน่นมากมายอยู่ในตัวรถ
แต่ที่ถูกใจใครหลายคน ก็น่าจะเป็น กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ
ที่ช่วยให้การขับขี่ในเมือง
หรือแม้แต่ตอนจอดรถตามสถานที่ต่าง ๆ ที่เป็นที่แคบทำได้ง่ายขึ้น
ต่อมาก็คือ แอปพลิเคชันอัจฉริยะที่รถ MG ทุกรุ่นต้องมีก็คือระบบปฏิบัติการ i-SMART
ทำให้เราสามารถสั่งงานต่าง ๆ ในตัวรถได้ด้วยเสียง เช็กสภาพรถว่าพร้อมใช้งานหรือไม่
จนมาถึง ฟังก์ชันไฮไลต์ภายใต้ i-SMART ที่เรียกว่า Digital Key หรือกุญแจดิจิตอล
ที่ปกติมักจะมีอยู่ในรถยุโรปราคาหลักล้านบาทเท่านั้น ก็ถูกใส่เข้ามาใน NEW MG5 MY 2022
ที่เจ้าของรถสามารถสั่งเปิดประตูหรือสตาร์ตรถผ่านทางแอพพลิเคชั่น i-SMART ได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจรถ
ข้อดีของฟังก์ชันนี้คือ ยังช่วยให้เพื่อนหรือญาติที่ต้องการใช้รถของเรา ใช้งานได้สะดวกขึ้น
โดยไม่ต้องเสียเวลาไปส่งกุญแจให้ยุ่งยาก เพียงแค่เจ้าของรถส่งโค้ดให้กับคนที่เราต้องการให้ใช้รถผ่านทางแอพพลิเคชั่น i-SMART
ทีนี้เพื่อนของเราที่มี i-SMART อยู่ในสมาร์ตโฟน ก็สามารถรับโค้ดเพื่อใช้งานรถของเราได้เลย
ส่วนไฮไลต์ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของ NEW MG5 MY 2022 ก็คือ มีการเพิ่มรุ่น D+ เข้ามา
โดยรุ่นนี้จะเพิ่มเติมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกจากรุ่น D ทั้งหลังคาซันรูฟ, หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัล 7 นิ้ว, เบาะปรับไฟฟ้าด้านคนขับแบบ 6 ทิศทาง, ไฟส่องสว่างที่นั่งแถวหลัง, ที่เก็บแว่นตา, ระบบ Cruise Control และกล้องรอบคันแบบ 3 มิติ
โดยกำหนดราคาขายที่ 679,000 บาท ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกที่คุ้มค่าให้กับลูกค้าในการเลือกซื้อ นั่นเอง
โดย NEW MG5 MY 2022 พร้อมให้ลูกค้าได้สัมผัสคันจริงและทดลองขับขี่ได้ที่โชว์รูม MG ทั่วประเทศ
ทีนี้ หลายคนคงสงสัยว่า ทำไม NEW MG5 ทั้งที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน อีกทั้งยังเป็นรถที่ขายดีอยู่แล้ว
ทำไมต้องมีการอัปเกรดสเป็กรถ ?
อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นตลาดรถเครื่องยนต์ 1,500 ลิตรและ ECO Car มีการแข่งขันสูง
ทั้งจำนวนรถที่มีให้ผู้บริโภคเลือกมากมาย อีกทั้งแต่ละค่ายมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ ตลอดเวลา
MG จึงมีอยู่สองทางเลือก..
ทางเลือกแรก นิ่งเฉย รอให้รถค่ายคู่แข่งมาแย่งชิงยอดขาย
ส่วนทางเลือกที่สองคือ อัปเกรด NEW MG5 MY 2022 จากที่ดีอยู่แล้ว ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
แล้ว MG ก็เลือกทางที่สอง.. ด้วยการอัปเกรดสเป็กรถ NEW MG5 MY 2022 ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
โดยตั้งโจทย์การตลาดคือ “รถที่มีดีไซน์สะกดทุกสายตา มาพร้อมเทคโนโลยีเหนือชั้น ในราคาคุ้มค่า”
1
วิธีแก้เกมในครั้งนี้ของ MG
ไม่มีใครรู้หรอกว่า จะเป็นทางเลือกที่จะประสบความสำเร็จในเรื่องยอดขายมากแค่ไหน
แต่ที่แน่ ๆ การทำให้รถของตัวเองมีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา ก็เหมือนเป็นการเสริมความแข็งแกร่งไปในตัว
โดยคนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดในเรื่องนี้ ก็คือ ลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อ NEW MG5 MY 2022 นั่นเอง..
References
-ข้อมูลจาก เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จํากัด
โฆษณา