1 ก.ค. 2022 เวลา 03:25
วิธีทำสีน้ำจากดอกไม้แบบง่ายๆ ที่จะทำให้คุณได้เปิดใจมองดอกไม้รอบตัว
1
แนะนำวิธีทำสีน้ำจากดอกไม้ง่ายๆ พร้อมเคล็ดลับในการปรับสีอ่อน สีเข้ม และการรักษาสีให้อยู่ได้นานกว่าเดิม แล้วชวนให้นำผลงานออกไปถ่ายรูปเพิ่มสีสันให้กับสิ่งต่างๆ อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
ประเทศไทยมีภูมิอากาศร้อนชื้น ทุกฤดูจึงมีดอกไม้สลับกันเบิกบานให้เราได้ชมกันทุกวัน ดอกมะเขือต้นโค้งงอในฤดูร้อน ฤดูหนาวกับดอกกุหลาบสีสันสดใสช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ลีลาวดีที่ออกดอกแฮปปี้ตอนฤดูฝน ดังนั้นเราจึงเห็นดอกไม้แต่ละสายพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี แต่บางครั้งการอยู่ในเมืองที่ล้อมรอบไปด้วยถนนและตึกคอนกรีต ก็ทำให้หาต้นไม้ดอกไม้ชื่นชมได้ยากขึ้นทุกที
ตอนเด็กๆ เมื่อเห็นดอกไม้ริมรั้วร่วงหล่น เรามักจะเก็บมาเล่น ทำอาหารบ้าง ใช้เป็นเงินแลกเปลี่ยนตอนเล่นขายของบ้าง เป็นสิ่งเล็กๆ ที่ทำให้มีความสุขได้ในช่วงวัยนึง แต่พอโตมาเรากลับรู้สึกว่าดอกไม้เป็นเรื่องจริงจังที่ต้องบรรจงตัดแต่งหรือซื้อหามาประดับแจกัน แต่จริงๆ แล้วเรายังสามารถสนุกกับดอกไม้ เพื่อเติมความทรงจำที่แตกต่างจากวัยเด็กได้ด้วยการนำมาสร้างสรรค์เป็นสีน้ำด้วยนะ
มาดูกันสิว่า การบดสีน้ำจากธรรมชาติทำเองครั้งแรก ที่ตั้งใจพาทุกคนย้อนกลับไปสู่วิถีของการทำสีแบบธรรมชาติ จะนำไปพบเสน่ห์ของสีที่ได้จากดอกไม้และใบไม้แบบไหน ยิ่งตอนนำมาลงสีแล้วพาผลงานออกไปเติมสีสันให้กับสิ่งรอบตัวแล้ว จะสร้างรอยยิ้มให้กับเราได้บ้างไหม ไปเริ่มกันเลย
เตรียมวัตถุดิบและอุปกรณ์ดังนี้
1. ดอกไม้ที่สนใจ หรือดอกไม้ใกล้บ้าน เช่นดอกอัญชัน ดอกทองอุไร ดอกเฟื่องฟ้าสีบานเย็น และใบไม้
2. ผ้าขาวบาง
3. กรรไกร
4. ครกและสาก
5. จานสี
6. น้ำเปล่า ไว้ผสมสีกับดอกไม้
7. กระดาษร้อยปอนด์
8. พู่กัน
ขั้นตอนการทำสีจากธรรมชาติ
1. ทำความสะอาดดอกไม้ ใบไม้ พร้อมตัดก้านออกด้วยกรรไกร หรือจะใช้มือทั้งสองเด็ดดอกไม้ก็ได้ เพราะอีกไม่กี่ขั้นตอนเราก็ต้องนำดอกไม้ไปบดสีอยู่แล้ว
2. ตัดผ้าขาวบางด้วยกรรไกร สำหรับกรองเศษดอกไม้ ขนาดผ้าขาวบางไม่เล็กเกินไป เพื่อให้สามารถห่อดอกไม้แล้วมือจับได้พอดี จะได้ไม่ต้องเลอะเทอะมือมาก
3. นำดอกไม้มาบดในครกด้วยสาก ค่อยๆ บดไปเรื่อยๆ ขั้นตอนนี้ใช้กำลังแขนอย่างดีเลยเชียว
4. เมื่อสีจากดอกไม้ค่อยๆ ออกมา เติมน้ำเปล่าลงไปผสม แล้วบดต่อไปอีกนิด ถ้ารู้สึกใส่น้ำเปล่าเยอะไปก็เติมดอกไม้ลงไปบดเพิ่ม หรือถ้าดอกไม้ไม่ค่อยมีสีออกมาให้ค่อยๆ เติมน้ำลงไปอีก ขั้นตอนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนทำอาหารเลย ประมาณว่า อ่อนเค็มไปก็ใส่เกลือ อ่อนหวานไปก็ใส่น้ำตาล
5. นำสีดอกไม้ที่เราบดได้มากรองลงจานสีด้วยผ้าขาวบาง และลองเทสต์สีที่ได้ด้วยพู่กัน
6. สีน้ำจากธรรมชาติพร้อมละเลงลงไปในกระดาษแล้ว แต่ถ้าใครอยากนำสีดอกไม้ไปทำอย่างอื่น เช่น นำสีจากดอกไม้ไปทาเล็บ ก็ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปวัยเด็กไปอีกแบบ
เคล็ดไม่ลับที่อยากบอกต่อ
เราไม่รู้เลยว่าสีน้ำที่ได้จากธรรมชาติจะเหมือนกับสีดอกไม้ที่เก็บมาไหม แต่พอเราเป็นคนบดทำสีเองแล้วนั้น เราสามารถปรับโทนสีด้วยส่วนผสมที่หาได้ง่ายๆ ดังนี้ เติม เบกกิ้งโซดา ลงไปผสม สีที่ได้จะเข้มขึ้นเพราะเบกกิ้งโซดามีคุณสมบัติเป็นเบส ส่วนถ้าเราอยากให้สีสดขึ้นหรืออ่อนลง คุณสมบัติความเป็นกรดของ น้ำส้มสายชู ไปผสมก็จะช่วยได้
สีน้ำจากธรรมชาติย่อมเหี่ยวเฉาร่วงโรยลงเหมือนกับที่มาของสี เราเลยต้องหาวิธีที่ทำให้สีน้ำจากธรรมชาติติดทนนานยิ่งขึ้นด้วย กัมอารบิก ยางไม้จากธรรมชาติ 100% ที่มาจากต้นไม้ประเภทอะคาเซียเซเนกัล (Acacia Sanegal) แต่เนื่องด้วยการทำสีน้ำจากธรรมชาติครั้งแรกการหาวัตถุดิบกัมอารบิกเป็นเรื่องที่ยาก เราเลยจะแนะนำวัตถุดิบที่หาได้ง่ายๆ ภายในบ้าน นั้นก็คือ น้ำผึ้ง ความเหนียวและใสที่คล้ายกันจะช่วยเคลือบสีน้ำจากธรรมชาติของเราให้ติดทนนานได้ยิ่งขึ้น
ความสวยของดอกไม้ที่เห็นอยู่ขณะนี้ เมื่อเวลาผ่านไปดอกไม้ที่หมดอายุขัยก็ต้องร่วงหล่นลงมาแล้วแห้งเหี่ยวไป เหมือนกับสีน้ำจากธรรมชาติที่เราได้ทำเองกับมือ จากสีสันของดอกไม้ที่สดใสจะค่อยๆ เปลี่ยนไปกลายเป็นสีน้ำตาล เราเลยอยากชวนทุกคนมา เก็บความทรงจำของดอกไม้จากธรรมชาติที่เราได้วาดภาพระบายเอาไว้ ด้วยนำผลงานออกไปถ่ายรูปคู่กับสถานที่ที่เราอยากเพิ่มเติมความสดใสให้ไปด้วยกัน
หลังจากที่ลงมือทำสีน้ำจากธรรมชาติครั้งแรก มันทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปเมื่อครั้งยังเป็นเด็กที่ได้เรียนรู้อะไรหลายสิ่งด้วยตัวเอง มันไม่ง่ายเลยที่จะได้สิ่งหนึ่งมา เเต่ขณะเดียวกันก็ไม่ยากเกินความพยายามที่เราจะทำมัน เราได้ลองทำสิ่งใหม่ เปิดใจให้กว้าง ออกห่างจากการตัดสิน เรียนรู้โดยไม่มีคำว่าถูกหรือผิด มีแต่การจินตนาการเเละความคิดสร้างสรรค์เท่านั้น นี่เองคงเป็นเสน่ห์ของธรรมชาติที่เราไม่รู้เลยว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร
หากลองนำวิธีของเรามาทำสีน้ำจากธรรมชาติครั้งแรกแล้ว อย่าลืมแบ่งปันความสดใสส่งต่อความสุขให้กันใน #happeningmakeyousmile หวังว่าจะคุณจะสนุกไปกับทุกขั้นตอนและซึมซับความเป็นเด็กอีกครั้ง แล้วออกไปแต่งแต้มสถานที่รอบตัวให้มีสีสันอย่างมีความสุขกัน
อ่านบทความฉบับเต็มได้ทาง >> https://happeningandfriends.com/article-detail/399?lang=th
โฆษณา