I. เราจำเป็นต้องมองเห็นว่า “ความเชื่อเกิดจากการได้ฟัง และการได้ฟังนั้นก็โดยอาศัยพระคำของพระคริสต์” (รม.10:17) เพื่อจะเป็นผู้ที่เต็มด้วยความเชื่อ (ฮร.13:7; กจ.6:5):
1. แหล่งกำเนิดของความเชื่อคือพระคำ แต่เราต้องตระหนักถึงการสรุปรวบยอดของประเด็นนี้; พระคำนั้นมีอยู่สามด้าน:
(1) ด้านแรก พระคำที่ถูกเขียนไว้ของพระเจ้า — พระคัมภีร์ — ยฮ.10:35.
(2) ด้านที่สอง พระคำที่มีชีวิตของพระเจ้า — พระคริสต์ — 1:1.
(3) ด้านสุดท้าย พระคำที่ปรับใช้ของพระเจ้า — พระวิญญาณ — อฟ.6:17; ยฮ.6:63.
2. พระคำที่ถูกเขียนไว้, พระคำที่มีชีวิต, และพระคำที่ปรับใช้ ล้วนชี้ถึงพระเจ้าเอง; พระคำของพระเจ้าที่ถูกเขียนไว้ในพระคัมภีร์กลายเป็นพระคริสต์ในฐานะพระคำที่มีชีวิตซึ่งได้ปรับใช้แก่เราในฐานะพระวิญญาณนั้น เป็นพระคำแห่งพระวิญญาณนั้น; เรายิ่งได้รับตัวของพระเจ้าโดยแนวทางนี้ พระองค์ก็ยิ่งกลายเป็นความเชื่อของเรา.
3. การสรุปรวบยอดของแหล่งกำเนิดแห่งความเชื่อนี้ก็คือพระเจ้าที่อยู่ในพระคำที่ถูกเขียนไว้ของพระองค์ ซึ่งเราได้ติดต่อในฐานะพระคำที่มีชีวิต และเราได้ปรับใช้ในฐานะพระคำแห่งพระวิญญาณนั้น เพื่อเราจะได้รับพระเจ้าตรีเอกภาพผู้ทรงเรียกสิ่งที่ไม่มีให้มีขึ้นและทรงทำให้คนที่ตายแล้วมีชีวิตเป็นขึ้น — รม.4:17.
วันจันทร์ - การบำรุงเลี้ยงแห่งการฟื้นฟูยามเช้า
โรม บทที่ 10 ข้อ 17 เหตุฉะนั้นความเชื่อเกิดจากการได้ฟัง และการได้ฟังนั้นก็โดยอาศัยพระคำของพระคริสต์.
โยฮะน บทที่ 6 ข้อ 63 พระวิญญาณนั้นเป็นที่ให้มีชีวิต เนื้อหนังไม่มีประโยชน์อันใด ถ้อยคำซึ่งเราได้กล่าวแก่ท่านทั้งหลายนั้นก็เป็นวิญญาณและเป็นชีวิต.