2 ก.ค. 2022 เวลา 12:39 • ไลฟ์สไตล์
ซีรีย์การเงิน - การออมเงิน
ผมอยากเขียนบทความนี้มานานแล้ว แต่ไม่มีเวลาได้เขียนเลย แต่เนื่องจากติดโควิดพอดี เลยถือโอกาสนี้เขียนเลยละกัน !!
เนื้อหาที่เขียนเกิดจากการอ่านหนังสือ/ข่าวทั่วไป/ลุงนิก ❤ และอื่นๆ ร่วมด้วยนะครับ
ที่ผมเปิดเนื้อหาด้วยการออมเงินนั้นเป็นการวางแผนการเงินที่ดีอย่างนึง และผมมองว่าทุกคนสามารถเริ่มได้ง่ายๆ เลยครับผม จาก income ของตัวท่านๆ เอง
เอาล่ะ ผมขอเริ่มจากหัวข้อที่….
ถ้าคุณมีปัญหาด้านการเงินอยู่ คุณหลงเข้ามาถูกที่แล้วครับผม :)
ปัญหาทางการเงินที่ว่า มันยังไงกันนะ ?
คำตอบมันสั้นๆ เลยครับ อยากได้อะไรที่ซื้อด้วยเงินได้ แต่เงินไม่พอ ! อันนี้คือนิยามของคำว่า "มีปัญหาทางการเงิน" ของผมนะครับ
เช่น อยากจ่ายค่าเรียนมวยไทยให้ลูกก็ไม่พอ, อยากกินซูชิจังเลยนะวันนี้ แต่ถ้ากินแล้วพรุ่งนี้อาจจะต้องงดมื้อเช้า
ผมไม่ได้โทษที่ตัวคนอ่านนะครับ ต้องยอมรับว่าประเทศเรามีความเหลื่อมล้ำทางสังคมมาก ซึ่งเป็นปัญหาด้านโครงสร้าง ซึ่งผมไม่อยากพูดถึงในตอนนี้ครับ
เอาเป็นว่าวิธีนึงที่อาจช่วยท่านได้ หนึ่งในนั้นผมมองว่าคือการออม…..
ซึ่งในชีวิตคนเราจะเจอเหตุการณ์ 2 แบบ ครับ
1. เรื่องที่เกิดขึ้นแน่ๆ > แก่, ตาย, เงินเฟ้อ
2. เรื่องที่อาจจะเกิด > ป่วย, อุบัติเหตุ, พิการ, ตายก่อน, ตกงาน
เราลองมาเจาะกันดูทีละหัวข้อกันเลยครับผม
แก่
ยังไงคนเราก็ต้องแก่ แต่แก่มาเราอาจไม่มีแรงไปทำงาน อันนี้ผมอยากให้โฟกัสไปที่สวัสดิการที่เราจะได้ตอนเกษียณ ว่ามันจะเพียงพอต่อการดำรงชีวิตมั้ย ?
ผมมองว่าไม่พอครับ ถ้าพอจริงๆ ต้องทำแบบฝรั่งแก่ๆ ที่มาหาแฟนในไทย เพราะเขาได้เงินต่อเดือนเยอะ
และเมื่อใช้ประโยชน์ของความต่างด้านสกุลเงิน เขาเลยทำได้ครับ แต่ถ้าเราตอบตัวเองไม่ได้จริงๆ ว่าจะอยู่ได้ ไม่ควรมองข้ามการออมเงินครับ
ตาย
การตายเป็นเรื่องปกติ ในเคสผมให้เป็นการแก่ตายแบบสงบไม่มีโรคอะไรที่ต้องใช้เงินรักษา ผมมองว่าถ้าไม่อยากเป็นภาระของลูกหลาน ก่อนตายผมอยากให้ลองศึกษาเรื่องประกันชีวิตดูครับ ช่วยได้เยอะ
เงินเฟ้อ
เรื่องนี้ผมจะขอลงรายละเอียดมากกว่าชาวบ้านหน่อย ใน part แรกนี้, นิยามง่ายๆ ของเงินเฟ้อ คือ "เงินของคุณค่าลดลง เลยต้องเอาจำนวนมาชดเชย"
มันยังไง ?
เช่น สมัยผมขนยังไม่ขึ้น ก๋วยเตี๋ยวถ้วยละ 10 บาท สมัยนี้ถ้วยละ 60 บาท (ถ้านับในปริมาณและคุณภาพเท่าเดิม)
นี่แหละครับเงินเฟ้อ มันน่ากลัวมากๆ เพราะร้านก๋วยเตี๋ยวไม่ได้ขึ้นราคาตาม rate เงินเฟ้อ แต่ขึ้นแบบขั้นบันได ขึ้นแล้วขึ้นเลยไม่เคยลง T^T
ปกติเราจะคำนวณเงินเฟ้ออยู่ที่ปีละ 3% แต่ผมให้เลย 7% สำหรับยุคนี้
เราลองมาทายราคาก๋วยเตี๋ยวในอีก 20 ปี ข้างหน้ากันดีกว่า
เริ่มจากผมบอกว่าเงินจะเฟ้อ 7% โดยให้ปัจจุบันคือ 100% ดังนั้นเงินเฟ้อจะเป็น 1.07 (บวกดื้อๆ แบบนี้แหละ 555) และอยากรู้จังว่าในอีก 20 ปี จะเป็นเท่าไหร่ ก็ง่ายๆ เลย เอา 1.07²⁰ = 3.869 เราจะได้เรทเงินเฟ้อมา สุดท้ายลองคูณกับราคาสินค้า ณ ปัจจุบัน
เช่น ก๋วยเตี๋ยว 60 บาท > 60 x 3.869 = 232.18 บาท :(
แต่ถ้าท่านใดเป็นเคส เดือนชนเดือน รายได้ไม่พอออม ผมแนะนำให้อดทนทำงานไป ค่อยๆ หาลู่ทางไปก่อนครับ ยังไม่ต้องรีบ ซึ่งสิ่งที่คุณสามารถทำได้เลย
คือการศึกษาหาความรู้/วางแผนธุรกิจ/การคิด สิ่งเหล่านี้มีต้นคือ เวลา ที่ทุกคนได้มาฟรีๆ ในทุกวันครับ อย่าเพิ่งคิดว่าบางอย่างต้องแลกมานะ เช่น คอร์สนู้นนี่นั่น ผมมองว่ามีหลายที่ครับที่ให้ฟรี แต่ท่านอาจจะต้องหานิดนึงครับ
ซึ่งมาข้อนี้ผมมองว่า ถ้าอยากจะอยู่รอดในอนาคตแบบไม่อดอยาก พวกเราก็มีทางเลือกหลายอย่างให้เลือก เช่น….
1. มีจำนวนเงินที่มากพอ จนเงินเฟ้อไม่ใช่ปัญหา เช่น มีเงิน 1,000 ล้านบาท ต่อให้ก๋วยเตี๋ยว ถ้วยละ 300 บาท ก็คงไม่ใช่ปัญหาใช่ไหมล่ะครับ ✌️
2. หาที่เก็บเงินที่ชนะเงินเฟ้อ หรือเทียบเท่า ข้อนี้ดูเป็นจริงมากกว่าในชีวิตแบบเราๆ นะครับ 55555 (ตลกร้าย) หลักคิดง่ายๆ ถ้าเงินท่านมีมากขึ้นปีละ 7% แสดงว่าเงินออมท่านนั้น ก็จะมีค่าเท่าเดิมในอนาคตครับ แต่ถ้าอยากได้กำไรสักหน่อย ต้องหาลงทุนเงินต่อเงินให้งอกเงยมากกว่า 7% ครับผม
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนที่เพิ่งรู้เรื่องนี้อาจจะมีความรู้สึกว่า
ชิบหายละกู เงินจะพอแดกไหมเนี่ยยยยยย ; ขอลดระดับภาษาลงเพื่ออรรถรสนะครับ
ในส่วนหัวข้อที่เหลือที่เป็น "เรื่องที่อาจจะเกิด" ผมขอข้ามไปนะครับ มันเป็นเคสที่เรา control ไม่ได้ แต่ทุกหัวข้อรวมกันคือ ถ้ามีแผนสำรอง หรือมีแผนลดความเสี่ยงในปัญหาด้านนั้นๆ แล้ว ผมมองว่าไม่มีปัญหาครับ
เช่น ปัญหาด้านสุขภาพ, อุบัติเหตุ, พิการ, ตาย พวกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าประกันลดความเสี่ยงได้อยู่ครับ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนพร้อมที่จะทำประกันนะครับ ลองปรึกษาตัวแทนให้เขาแนะนำดีกว่าครับ 555555
แต่ถ้าตกงานนี่ ผมบอกเลยว่าเงินเก็สำรองเท่านั้นครับ หรือยุคนี้หลายคนหาอาชีพเสริม (อาชีพที่ 2, 3, 4 ก็ว่าไป) คำถามง่ายๆ ครับ ถ้าธุรกิจ/งานที่ทำที่ทำทุกวันนี้หายไป เราจะยังมีข้าวกินไหม ? ถ้ามี มีกี่วัน ? ลองถามตัวเองกันดูครับผมม
เอาล่ะครับ ไว้มาต่อกันในบทความหน้านะครับผม สวัสดีครับ
โฆษณา