2 ก.ค. 2022 เวลา 17:20 • ดนตรี เพลง
"สูดยาดม..ถอนผมขาว..เล่าความหลัง"
บนภาพงามแห่งความทรงจำ…
"แกรนด์เอ็กซ์" ตำนานที่ไม่มีวันตาย
"พี่รู้สึกตัวเมื่อสายเสียแล้ว ปักใจแน่แน่วรักแต่เธอ หลงแต่เธอ ตกเป็นทาสสวาทจนพร่ำเพ้อ ลุ่มหลงแต่เธอ…ผู้เดียวรักเดียว"
1
เย็นย่ำวันหนึ่ง..ในห้วงคำนึงเก่าๆ ผมแว่วเสียงเพลงแสนเศร้าสุดไพเราะสมัยก่อน ชื่อ "ทาสรัก" ของวงดนตรี "แกรนด์เอ็กซ์" พลางเหลียวมองรอบกาย..เอ..ผู้ใดเป็นผู้เปิด ช่างโดนใจกระไรนี่ แต่ช่างเถอะ..จะเป็นใครผมก็ยินดี อย่างน้อยก็รู้ว่าแถวนี้ยังมีคนคอเพลงเดียวกัน แค่นี้ก็แสนชุ่มฉ่ำหัวใจ
สำหรับผม วงดนตรีวงนี้ถือว่าเป็น "ที่สุดแห่งความทรงจำ" และเป็น "ที่สุดในดวงใจ" คงไม่มีวงไหนมาแทนที่วง "แกรนด์เอ็กซ์" ได้ เคยได้ยินไหม..เขาว่ากันว่ารักเผื่อเลือกนั้นเน้นคบที่จำนวนมาก แต่ "รักแท้" ต่างหากที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและมีเพียงหนึ่งเดียว (อือม…แล้วมันเกี่ยวอะไรกันกับเพลงขอรับมิทราบ)
ครอบครัวแกรนด์เอ็กซ์
ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่วัยแรกรุ่นจวบจนปัจจุบันที่ร่วงโรยเข้าสู่วัยรุ่นแรก ผมก็ยังฟังเพลงของวงดนตรีวงนี้มาโดยตลอด ใครว่าเพลงจะเก่าหรือว่าคนจะแก่เพียงใดผมก็ไม่สน ยังสุขล้นยามได้ฟัง เพราะรู้สึกว่าภาพบรรยากาศความหลังครั้งอดีตมันผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ สุข เศร้า เหงา และรัก มีหมดทุกอารมณ์ แกรนด์เอ็กซ์เขาผสมให้อย่างกลมกล่อม
ภาพคลาสสิคกับวงดนตรีในดวงใจ
ย้อนเวลานิดนึง ช่วงที่ผมและคนที่อยู่ในวัยเดียวกัน มีรสนิยมคล้ายกัน เริ่มรู้สึก "อิน" มากๆกับแกรนด์เอ็กซ์น่าจะเป็นช่วงที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น อัลบั้มที่ดังกระจายก็นี่เลย "แกรนด์เอ็กซ์โอ" อันนี้ไม่ต้องสาธยายอะไรมาก เปิดกันทั่วบ้านทั่วเมือง ขายกันล้านกว่าตลับ คู่ควรกับคำว่า "ปรากฏการณ์" เลยก็ได้ในยุคนั้น ผมนี่ฟังจนจะท่องจำเนื้อร้องได้ดียิ่งกว่าจดจำตำราเรียนเสียอีกนะ..ดังไม่ดังก็คิดเอาละกัน
ตำนานล้านตลับ
ตามติดด้วยชุด "บุพเพสันนิวาส" ต่อมาก็ชุด "นิจนิรันดร์" สานด้วยชุด "พรหมลิขิต" จนกระทั่งมาถึงชุด "เพชร" ที่มีเพลงเอก "เพียงสบตา" ที่ถูกอกถูกใจวัยรุ่นในสมัยนั้นยิ่งนัก เรียกว่าฟังกันมาเรื่อยมิรู้จักเหน็ดจักเหนื่อย นับว่าวง "แกรนด์เอ็กซ์" ได้ครองหัวใจคน ส.ว.อย่างผมมาอย่างยาวนาน ถ้าเปรียบดั่งหนุ่มสาวก็ถือได้ว่าความรักนั้นเจริญเติบโตงอกงามเบ่งบานสะพรั่ง รักกันอย่างดูดดื่ม รักกันอย่างยั่งยืนเลยทีเดียวเชียวล่ะ
แกรนด์เอ็กซ์ยังออกอัลบั้มต่อมาอีกหลายชุดซึ่งก็มีเพลงดังๆฮิตติดหูมาโดยตลอด จะสาธยายไปก็เชยเพราะคนคงเอ่ยกันไปเยอะละ ถึงแม้ในช่วงหลังๆจะเป็นช่วงผลัดใบของวงก็ตาม โดยแยกหน่อแตกกอกันไปเป็นวง "เพื่อน" บ้าง วง "พลอย" บ้าง และแกรนด์เอ็กซ์เดิมก็เสริมเอาเด็กๆวัยรุ่น (สมัยนั้น) อย่าง จอห์นนี่ แอนโฟเน่ (ต่อมาเป็นดาราชื่อดัง) ,ไอศูรย์ วาทยานนท์ , ไก่ สุธี แสงเสรีชน เข้ามาสร้างความสดใหม่
แต่เชื่อไหม…ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดๆ หรืออยู่ภายใต้ชื่อไหนๆ ผมมีความรู้สึกว่ากลิ่นอายของแกรนด์เอ็กซ์ดั้งเดิมยังคงสิงสถิตและมีอิทธิพลอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย เหมือนมีมนต์ขลังอะไรซักอย่างที่ตราตรึงอยู่ภายใต้ชื่อแบรนด์นี้
โดยเฉพาะ "พี่แจ้" ดนุพล แก้วกาญจน์ นักร้องนำ ที่ถึงแม้จะแยกไปเป็นศิลปินเดี่ยว ซึ่งก็นับว่าประสบความสำเร็จทีเดียวในอัลบั้มยุคต้นๆ แต่ในความรู้สึกส่วนตัวของผมนะ พี่แจ้สมัยอยู่แกรนด์เอ็กซ์ผมว่ามีความเป็น "แจ้" มากกว่าที่แยกตัวออกมา ซึ่งผมมองว่าความเป็น "วง" มันได้หล่อหลอมเอาตัวตน เอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละบุคคลเข้าด้วยกันกับกลิ่นอายโดยรวมของความเป็น "แกรนด์เอ็กซ์ " จนเกิดสูตรสำเร็จอันกลมกล่อม ประดุจดั่งทีม "อเวนเจอร์" อันเก่งฉกาจ เมื่อมีใครคนใดคนหนึ่งแยกตัวออกมา พลังก็ลดน้อยถอยลงไป…อะไรประมาณนั้น(มั้ง)
"แจ้" แกรนด์เอ็กซ์ กับ "แจ้" ตอนที่ออกมาเป็นศิลปินเดี่ยวในความรู้สึกของผมจึงต่างกันพอสมควร
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร "พี่แจ้" ก็ยังคงเป็น "พี่แจ้" วันยังค่ำ เพราะคนเก่งมีความสามารถ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนใครเขาก็ชื่นชมศรัทธา
"พี่แจ้" สมัยวัยยังเอ๊าะๆ
ผมพูดอย่างไม่อายเลยว่า "แจ้" คนนี้นี่แหละที่ทำให้ผมต้องเสียน้ำตา..เปล่านะ..เขาไม่ได้มาทำอะไรให้ผมเสียใจหรอก แต่ผมรู้สึก "อิน" กับเสียงร้องของเขาต่างหาก(อะไรจะขนาดนั้น)ไม่อยากบอกว่าเพลงไหนที่ทำให้น้ำตาร่วง เพราะมันก็เกือบๆจะทุกเพลงนะแหละที่เป็นเพลงช้าๆ…เสียงของพี่ท่านช่างบาดอุราจริงๆ
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับพี่แจ้อยู่เรื่องหนึ่งซึ่งทำให้ผมรู้สึกประทับใจมาก กล่าวคือต้องย้อนวันวานกลับไปหลายเพลาเลยทีเดียว…โน่น…ตอนที่ผมเรียนอยู่ประมาณ ม.ปลาย แต่จำไม่ได้แน่ชัดว่า ม. 4 - 5 - หรือ 6 เพราะนานมากแล้ว ตอนนั้นผมและเพื่อนๆบ้าดนตรีมาก มีวงของตัวเอง ตกเย็นเลิกเรียนก็ชวนกันไปเช่าห้องซ้อมดนตรี หุ้นตังค์กัน สนุกกันตามประสา และเพลงเอกที่ต้องเล่นกันทุกคราก็คือเพลง "เพียงสบตา"
เล่นกันที่ห้อมซ้อมยังไม่พอ ผมยังกลับมาต่อที่บ้าน วันหนึ่งผมรู้สึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรก็ไม่รู้ ร้องเพลงและเล่นกีต้าร์อัดลงเทปเปล่าคาสเซ็ทส่งให้พี่แจ้เฉยเลย เพลงที่จัดไปจำได้ว่าเป็นเพลง my sweet lady ของ john denver ซึ่งผมเคยฟังพี่แจ้ร้องในคอนเสิร์ต ไพเราะมาก ผมเลยกะจะเลียนแบบพี่แจ้สักหน่อยที่เป็นไอดอลในดวงใจ(มานึกอีกทีก็ขำตัวเองว่า..ช่างกล้าทำไปได้เยี่ยงไร)
"ผลปรากฏว่า…อีกไม่กี่วัน พี่แจ้ส่งไปรษณียบัตรมาถึงผม ข้อความในนั้นลักษณะเป็นการให้กำลังใจ บอกให้พยายามต่อไปนะ พี่แจ้เอาใจช่วย แถมลงท้ายด้วยลายเซ็นต์อีกต่างหาก"
ผมนี่บอกตรง โคตะระปลื้มและโคตะระตื่นเต้นเลย นี่เป็นถึงนักร้องระดับซุปตาร์ของเมืองไทยเลยนะ ส่งไปรษณียบัตรมาถึงไอ้เด็กบ้าตัวเล็กๆ…เป็นไปได้ไง???
ช่วงนั้นผมเลยเดินยืด ตัวแทบลอย เพราะว่าคนเขารู้กันหมด…เหตุเกิดจากไปรษณียบัตรใบนั้นดันไปตกค้างอยู่ที่บ้านท้ายซอย ก่อนที่มันจะมาถึงมือผมน่ะสิ!! ณ บ้านหลังนั้น จดหมายหรืออะไรที่มันไปค้างอยู่ก็ประดุจดั่งได้กระจายข่าวโดยโทรโข่งดีๆนี่เองเพราะเจ้าของบ้านเป็นคนเปิดเผย(มากไปป่ะ) และก็แปลก..ส่งถูกไม่ถูกบุรุษไปรษณีย์ก็มักเอาไปฝากไว้ที่บ้านหลังนั้นซะด้วยสิ
แต่คิดไปคิดมาก็เท่ดีเหมือนกันนะ ผมเลยถูกแซวว่า โอ้โห..เดี๋ยวนี้มีเพื่อนเป็นศิลปินซะด้วย(ฮา)
พี่แจ้แกรนด์เอ็กซ์กับพี่จี๊ดวงรอยัลสไปรท์ส
นั่นแสดงให้เห็นว่า "พี่แจ้" ใส่ใจในทุกรายละเอียดจริงๆ เรื่องเล็กๆน้อยๆก็ไม่ลืม เพราะถ้าจะแกล้งทำเมินไม่รู้ไม่ชี้ไม่เห็นก็ทำได้ แต่พี่แจ้เลือกที่จะไม่ทำ
ในช่วงนั้นผมเลยร้องเพลง "พบรัก" อีกหนึ่งเพลงซึ้งของพี่แจ้ทุกวัน…มิใช่ไปพบรักกับสาวที่ไหนหรอกครับ แต่พบรักกับพี่แจ้นี่แหละ..แหม..ทำไปได้...ขอบคุณจากใจเลยครับถึงแม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านไปนานแสนนาน แต่ผมคงไม่มีวันลืม
กลับมากล่าวถึงภาพรวมของวงแกรนด์เอ็กซ์กันต่อซึ่งผมอยากจะบอกว่านี่มันไม่ใช่แค่วงดนตรีที่ร้อง เล่น เอนเตอร์เทน เสร็จแล้วก็จบกัน หรือบ้านใครบ้านมัน แต่แกรนด์เอ็กซ์มีมากกว่านั้น
ผมว่าวงนี้เปรียบเหมือนสถาบันครอบครัวสถาบันหนึ่ง ซึ่งมีสายใยยึดโยง ผูกพัน ระหว่างหมู่มวลสมาชิก แกรนด์เอ็กซ์มีนิตยสารที่จัดทำขึ้นเป็นของตัวเองวงแรกของประเทศชื่อ IQ หรือ GX' ผมเองก็เป็นแฟนคลับตัวยง เวลาที่หนังสือออกก็ยินดีควักกระเป๋าตังค์จ่ายอย่างไม่เสียดาย นิตยสารเล่มนี้แกรนด์เอ็กซ์สามารถใช้สื่อสารกับแฟนคลับได้เป็นอย่างดี เนื้อหาก็โอเค มีทั้งสาระและบันเทิง ที่ชอบใจคือสมาชิกในวงลงทุนแสดงแอ๊คติ้งต่างๆเองเลย บางครั้งก็แต่งตัวตลกๆแฟนตาซีเพื่อให้แฟนคลับได้ผ่อนคลายสมองหรือเฮฮาตามสมควร
อีกทั้งแกรนด์เอ็กซ์ยังมีการจัดรายการวิทยุเป็นของตัวเอง มีผู้จัดรายการที่เป็นผู้ใหญ่คอยให้คำแนะนำดีๆกับน้องๆวัยรุ่น(สมัยนั้น)ให้รู้จักการดำรงตนอยู่ในสังคมอย่างถูกต้อง ตอนเล่นคอนเสิร์ตก็ไม่เคยมีเรื่องมีราวอะไร ทุกคนน่ารัก มีความสุขแบบพี่ๆน้องๆ แบบครอบครัว อย่างมากก็ปรบมือยักย้ายส่ายเอวกันนิดหน่อย ไม่แสดงออกในทางก้าวร้าวรุนแรงแต่อย่างใด ทุกคนจึงเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม มีแต่ความรักความผูกพันและสามัคคี คอนเสิร์ตแต่ละทีก็ยากที่จะหาที่ว่าง คนเต็มทุกครั้ง
"ไม่น่าเชื่อว่าวงดนตรีวงหนึ่งจะสามารถสร้างสายใยเหล่านี้ขึ้นมาได้"
ดังนั้น นอกจากบทเพลงจะไพเราะ นักดนตรีมากด้วยฝีมือ สิ่งสำคัญคือการสร้างความผูกพันระหว่างกัน สิ่งเหล่านี้เมื่ออยู่ถูกที่ถูกเวลาก็เต็มไปด้วยความคิดที่สร้างสรรค์จรรโลงใจ
เฮฮาในหนังสือ IQ
ปัจจุบัน สมาชิกวงแกรนด์เอ็กซ์ต่างก็แยกย้ายกันไปตามวิถีทางแห่งชีวิตของแต่ละคน ด้วยวัยและสังขาร อันถือเป็นสัจธรรม และเป็นที่น่าเสียใจว่า มือทรัมเป็ต "พี่แดง" เสน่ห์ ศุภรัตน์ ได้เสียชีวิต แต่เชื่อแน่ว่าความทรงจำอันงดงามระหว่างแฟนคลับกับพี่แดงจะคงอยู่ตลอดไป
ผมนั่งสูดยาดมอีกทีหนึ่ง พลางถอนผมหงอกอีกเส้น…นึกถึงภาพงามแห่งความทรงจำกับบทเพลงแห่งความไพเราะ รวมถึงคอนเสิร์ตยุคแรกๆจนกระทั่งถึงคอนเสิร์ตสุดท้าย…
"แกรนด์เอ็กซ์จะไม่มีวันตายไปจากใจผม"
ศาสตรา สุมาลยศักดิ์/เรื่อง
เครดิตภาพจาก/facebook วงแกรนด์เอ็กซ์ official
โฆษณา