3 ก.ค. 2022 เวลา 11:23
#พระผงพรายพ่อท่านเจิมep8
#เสียงโหวกแวกโวยวายตะโกนถามหาพ่อท่านเจิมตะวันไกล้ถึงยอดมะพร้าวแล้ว พ่อท่านยังปลงดินเจ็ดป่าช้าลบผงอยู่อย่างขมักเขม่น
จนมีลูกศิษย์วิ่งไปตามบอกว่า มีเรือแจวมาล่มอยู่เลยวัดไปไม่ไกลมากผู้หญิงสองคนจมหายไปแต่เช้าแล้วยังหาไม่เจอเลย พ่อท่านแหงนดูตะวันหยิบผ้าสังฆาฏิมาพาดบ่าแล้วออกเดินไปไปดูกันหน้าท่า
#ลุงมิตรเอาตำราที่เหลืออยูที่พ่อท่านเจิมให้มาเก็บไว้ส่วนมากจะเป็นตำรายาแผนไทย และตำราการต่อกระดูก บันทึกอยู่บนใบลานหนังสือบุดสมุดข่อย ผมสอบถามถึงตำราสร้างผงพรายสมุทร์
ลุงมิตรเล่าว่าสืบทอดมาจากสมภารต้อม อดีตเจ้าอาวาสวัดหอยรากก่อนหน้าพ่อท่านเจิมสองรุ่นและมีศักดิ์เป็นอาหลวงพ่อเจิม เป็นอาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชาไสยศาสตร์ให้พ่อท่านเจิม ส่วนพ่อท่านนุ่มวัดคงคาสวัส พระอุปัฌชา ได้ถ่ายทอด กอขอกอกา บาลี และพุทธมนต์ต่างๆ ลุงมิตรมองดูกองสมุดข่อยที่เหลือแล้วทอดถอนใจ เสียดายนะในข้อบัญญัติในการทำพระผงพรายสมุทร์กำหนดให้เผาตำาราพรายสมุทร์ใส่รวมไปในมวลสารพระ เลยไม่มีใครสืบทอดวิชาต่อ
ผมถามต่อว่าต้องใช้ภูติใช้พรายเหมือนผงพรายกุมารหรือไม่ ลุงมิตรบอกว่าก็ไม่เหมือนกันทีเดียว เพราะพระผงพรายสมุทร์สร้างก่อนผงพรายกุมารนานหลายสิบปี ผงพรายที่ใช้เป็นหัวใจหลักเป็นผงขี้เฒ่าคนตายวันเสาร์เผาวันอังคาร พ่อท่านบอกว่าเป็นวันแรง เราจะเอาเขามาใช้สุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้
เว้นช่วงไปอีกพักหนึ่งเหมือนกำลงเรียบเรียงภาพจำเก่าๆเพื่อจะบอกเล่าให้ละเอียดที่สุดของคนอายุเก้าสิบกว่าโดยประมาณ พ่อท่านว่าวันคารกับวันเสาร์เป็นวันแรงคนแต่แรกถ้าตายวันเสาร์เค้าไม่ให้เผาวันคาร เราต้องถ้าให้คนที่ถูกกำหนดให้มาเป็นพ่อพรายแม่พรายมาเอง
การรวบรวมมวลสารเพื่อจัดสร้างพระผงพรายที่แต่เดิมเรียกพรายสมุทรเริ่มไกล้กำหนดการการทำพิธีล้างอาถรรพ์มวลสารเข้ามาทุกทีมวลสารและวัตถุอาถรรพ์บ้างใส่กระสอบบ้างใส่ใหเก่าวางกองหน้ากุฎิหลวงพ่อมากขึ้นเรี่อยๆ พวกเถาไม้ใบว่านก็มอบหมายให้พระเณรจัดการหั่นซอยให้เล็กลงพระเณรจะต้องทำกันในวงล้อมสายสิญจ์ ถ้าฆารวาสพวกครูศิลปะหรือผู้มีวิชาช่างอยู่บ้างจะมาร่วมทำก็ต้องนุ่งขาวห่มขาวและต้อถือศีลแปดจึงจะเข้ามาร่วมในวงล้อมสายสิญจ์ใด้
เสียงโหวกแวกโวยวายตะโกนถามหาพ่อท่านเจิมตะวันไกล้ถึงยอดมะพร้าวแล้ว พ่อท่านยังปลงดินเจ็ดป่าช้าอยู่ลบผงอย่างขมักเขม่น
จนมีลูกศิษย์วิ่งไปตามบอกว่า มีเรือแจวมาล่มอยู่เลยวัดไปไม่ไกลมากผู้หญิงสองคนจมหายไปแต่เช้าแล้วยังหาไม่เจอเลย พ่อท่านแหงนดูตะวันหยิบผ้าสังฆาฏิมาพาดบ่าแล้วออกเดินไปไปดูกันหน้าท่า
ผู้คนยังมุงกันอยู่สองฝั่งอย่างห่างห่างมีพวกเรือจ้างแจวเรือออกมาหาดูเผื่อจะช่วยชีวิตหญิงสาวทั้งสองไว้ได วันนั้นเป็นวันเสาร์พวกเจ้าหน้าก็ไม่ค่อยมีซะด้วย สมัยนั้นยังไม่มีหน่วยงานป้องกันภัยพลเรือนหรืออาสาสมัครมูลนิธินักดำน้ำเหมือนสมัยนี้เวลายิ่งผ่านไปความสลดหดหู่ก็เข้ามาครอบงำผู้คนริมสองฝั่งแม่น้ำปากพนังตรงช่วงโค้งเลยวัดหอยรากมาไม่ไกล ไม่มีสัญญานใดๆว่าแม่สาวทั้งสองจะรอดชีวิต
 
ต่อมาผมมีโอกาสได้ถามญาติผู้ใหญ่ที่บ้านอยู่ริมแม่น้ำปากพนัง
จึงได้ความว่า หญิงสาวทั้งสองพายเรือมาจากขางบนเพื่อจะเอาน้ำหวานจากมาขายในตลาดปากพนัง เมื่อพายเรือที่บรรทุกน้ำหวานจากจนเพียบขณะผ่านคุ้งน้ำไกล้ถึงตลาดอยู่แล้วเกิดมีคลื่นขนาดใหญ่กระทบทำให้เรือเสียหลักพลิกคว่ำมีเสียงตะโกนของคนที่เห็นเหตการบอกต่อกันแต่ไม่มีใครไปช่วยเธอได้ทันจึงจมหายไป
เช้าวันนี้พ่อท่านเจิมออกมานั่งที่ศาลาหน้าวัดรอฟังข่าวของหญิงสาวทั้งสอง เข้าวันทีสามแล้วยังไม่มีใครพบศพของญิงสาวทั้งสอง จนกระทั่งมี่ญาติของผู้ที่สูญหายไปมาขอให้พ่อท่านช่วยทำพิธีขอพระแม่คงคาให้คืนร่างเธอทั้งสองเพื่อมาบำเพ็ญกุศลบังสะกุลทำบุญตามพิธีศาสนา วันอังคารหลังเพลพ่อท่านเจิมลอยเรือบริกรรมคาถาโปรยดอกไม้ลงในแม่น้ำเพื่อเป็นการสักการะพระแม่คงคา ยังคงบริกรรมคาถาต่อไปแต่แล้วไม่นานนัก
ก็มีร่างญิงสาวสองคนพี่น้องกอดกันลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำ ผู้คนจึงช่วยกันนำมาที่วัด สามีของผู้ตายเล่าว่าเธอทั้งคู่เป็นพี่น้องกันและรักกันมากจนไม่อาจแยกจากกันต่อมาได้อยู่กินกับตนเยี่ยงสามีภรรยาทั้งสามคนทำมาหากินอยู่กันอย่างมีความสุขเมื่อเสร็จจากนาก็จะทำน้ำผึ้งจากน้ำส้มจากทั้งสองคนจะพายเรือมาขายที่ตลาดปากพนังเป็นเช่นนี้มานานปี
ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายเกิดขึ้น บ้านก็อยู่ย้อนขึ้นไปทางท่าพญาศพที่จมน้ำตายหลายวันคงไม่เหมาะที่จะนำกลับไปทำที่บ้านจึงขอให้พ่อท่านเจิมช่วยทำพิธีสวดมาติกาบังสะกุลและฌาปณกิจให้เลยเพราะสภาพเริ่มไม่สวยงามแล้ว
ญาติพี่น้องบางคนคัดค้าน อ้างว่าตายวันเสาร์วันแรงถ้าจะเผาวันอังคารก็อาจจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นก็ได้ แต่เมื่อถามพ่อท่านเจิมท่านกลับบอกว่าเผาได้ ท่านจะทำพิธีปลงอสุภและสวดโองการมหาหมื่นตามตำรา คือใช้คาถาที่คนโบราณเรียกว่าคาถาถอนโบสถ์คือถ้าสวดในโบถส์ครบหมื่นจบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถืตอยู่ภายในอุโบสถก็จะเสื่อมคลาย ใครมีของดีอยากทำลายก็ให้ใช้คาถาถอนโบถส์
คือคาถาอิติปิโสถอยหลังหมื่นจบก่อนแล้วจึงบรรจุด้วยคาถาสรรเสริญพระพุทธคุณอีกหมื่นจบ แม่ทั้งสองก็จะได้อานิสงค์ที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่นไปเป็นนางฟ้านางสวรรค์ต่อไป เมื่อได้ยินดังนั้นทางญาติก็มอบหมายให้พ่อท่านเจิมดำเนินการได้โดยไม่ติดใจ
เหมือนทุกสิ่งเป็นใจ มวลสารสำคัญที่สุดก็ได้มาแล้ว พ่อท่านเจิมยังคงปฎิบัติเหมือนเช่นเคยคือนำผงเฒ่ากระดูกพี่น้องสองสาวที่เก็บมาจากเชิงตะกอนหลังฌาปนกิจเสร็จสิ้นขึ้นไปสวดโองการมหาหมื่นทำทุกคืน จะกลับลงจากุฏิก็ต้องดูให้ตะวันเคลื่อนคล้อยผ่านเลยต้นมะพร้าวไปแล้ว
เป็นช่วงเวลาที่พระเณรในวัดไม่มีใครอย่างเยียม
กรายมาไกล้กุฏิพ่อท่าน ถ้าท่านจะเรียกใช้พระเณรทำอะไรท่านมักจะบอกว่าพวกสูไม่ต้องขลาด #แม่พรายทั้งสองไม่ให้โทษให้ร้ายใครแล้วมีแต่ให้คุณสะสมบารมีอิไปเป็นเทวดาคอยช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อนแล้ว........
 
 
ติดตามตอนต่อไปครับ
โฆษณา