3 ก.ค. 2022 เวลา 16:03 • การศึกษา
เทคนิคการพัฒนาตนเอง พิชิตเป้าหมายสู่ความสำเร็จของชีวิต
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีเป้าหมายในชีวิต มีความฝันที่ต้องการพิชิต มีจุดมุ่งหมายที่ต้องทำให้ได้ หลักการสำคัญที่จะทำให้คุณไปอยู่ตรงจุดนั้นได้ก็คือ ทักษะในเรื่องความรู้และความสามารถซึ่งเกี่ยวข้องกับการพัฒนาตนเอง พวกเราทุกคนจึงต้องมุ่งหาแนวทางในการการพัฒนาตนเองให้สามารก้าวไปอยู่ในจุดที่ดีกว่าเดิม จุดที่ตั้งเป้าหมายไว้ได้สำเร็จ การพัฒนาตนเองนั้นก็เพื่อเป็นแรงพลักดันให้เราไม่ต้องอยู่กับที่ การสร้างความก้าวหน้าในตนเองนั้นอาจจะไม่ได้หมายถึงการเลื่อนตำแหน่งงาน หรือความร่ำรวยเท่านั้น
แต่การพัฒนาตนเองยังรวมไปถึงการเป็นคนที่ดีกว่าตัวเราเองในเมื่อวานนั้นเอง ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่อยากอยู่กับที่ ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการเพิ่มขีดความสามารถให้ตัวเอง เพื่อตัวคุณเองที่ดีกว่าเมื่อวาน เพื่อความก้าวหน้าของชีวิต ..ขอเตือนว่า คุณจะต้องรีบอ่านเทคนิคการพัฒนาตนเองก่อนคนอื่นจะแซงคุณ
ความหมายของการพัฒนาตนเอง
การพัฒนาตนเอง (Self-development) หมายถึง บุคคลปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงตนเองให้มีการพัฒนาที่ดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง หรือสอดคล้องความต้องการของสังคม สามารถดำเนินกิจกรรมที่ต้องการได้อย่างบรรลุเป้าหมาย เกิดแรงจูงใจต่อจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้รวมทั้งมีการพัฒนาตนเองทางด้านสังคมที่อยู่เพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม สร้างประโยชน์ต่อสังคมและผู้อื่นได้
การพัฒนาตนเองจึงเป็นไปด้วยความหมายในเช่นบวก ที่ทำให้เกิดการพัฒนาด้านศักยภาพที่มีในตนเอง ทำให้ตนเองมีสมรรถนะขีดความสามารถที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้บุคคลมีการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยการเปลี่ยนแปลงครอบคลุมทั้งพฤติกรรมการกระทำที่ดีขึ้น ทางวาจา รวมทั้งความคิดของบุคคล ดังนั้นความหมายของการพัฒนาตนเองจึงมีหลายความหมาย และเป็นความหมายในเชิงกว้างของบุคคล
growthmindset
พัฒนาตนเองด้วย 3 เก่ง
เก่งตน คือ การที่บุคคลจะพัฒนาความสามารถส่วนใดควรเริ่มจากรู้จัดพัฒนาความสามารถของตนเองก่อน เติมความรู้ความสามารถให้เท่าทันกับยุคสมัย เพื่อบุคคลจะได้นำความรู้ความสามารถต่อยอดสู่ความสำเร็จได้ ดังคำกล่าวที่ว่ารู้อะไรไม่สู้รู้จักตน บุคคลจะเก่งได้ไม่ได้เกิดจากผู้อื่นหรือคนอื่นมาบังคับเรา แต่บุคคลจะต้องพากเพียรด้วยตนเอง พัฒนาตนเองทั้งเรื่องความประพฤติ ทางวาจา และอารมณ์ ล้วนศักยภาพที่ต้องพัฒนาให้เกิดขึ้นควบคู่กันไป การที่จะพัฒนาศักยภาพใน
ตนเองได้ต้องมาจากความเพียรพยายามของตนเองอย่างแท้จริง บุคคลควรให้เวลาอยู่กับตนเองเพื่อฝึกฝน เข้าใจและเรียนรู้ตนเองเพื่อสามารถประเมินตนเองให้ได้ก่อนว่าเรามีจุดแข็งหรือจุดอ่อนด้านใดบ้าง เพื่อที่จะพัฒนาต่อยอดความสามารถได้อย่างตรงตามบุคลิภาพของบุคคลนั้นได้เป็นอย่างดี เช่น ฝึกให้ตนเองมีสมาธิ มีสติ มีความกระตือรือร้น มีทักษะความสามารถเฉพาะให้เชี่ยวชาญมากขึ้น เป็นต้น
เก่งคน คือ การที่บุคคลต้องรู้จักสังคมรอบข้างที่อยู่ให้ดี รู้จักมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในสังคมที่อยู่ สามารถทำความรู้จักกันมีความสัมพันธ์ที่ดีรอบข้าง รวมทั้งสามารถประเมินบุคลิกภาพของผู้อื่นได้ เพื่อที่จะสามารถพัฒนาต่อยอดได้ว่าควรมีปฏิสัมพันธ์ไปในทิศทางใด กล่าวคือความสามารถในการเก่งคน ต้องอาศัย
ประสบการณ์ในการอยู่ร่วมกับผู้คนในสังคม เพื่อรู้จักเข้าสังคมอย่างมีมารยาทและการเทศะ ซึ่งบุคคลที่อยู่ร่วมกันในสังคมก็จะมีผลประโยชน์ร่วมกันเพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข หากเกิดความขัดแย้งระหว่างบุคคล ไม่สามารถเป็นกัลยานิมิตรที่ดีต่อกันได้ก็จะนำมาซึ่งการทะเลาะเบาะแว้ง มีปัญหาในองค์กร เพื่อนร่วมงาน สังคม ดังนั้นบุคคลจึงต้องเก่งคน เพื่อสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้นั้นเอง เช่น บุคคลจะต้องมีน้ำใจต่อผู้อื่น เข้าสังคมและปรับตัวได้ง่ายและรวดเร็ว มีความยินดีต่อควาสำเร็จของผู้อื่น เป็นต้น
เก่งงาน คือ การที่บุคคลต้องเข้าใจและมีทักษะความรู้ความสามารถในด้านการดำเนินงานที่จะต้องประพฤติ ปฏิบัติ เพื่อสามารถขับเคลื่อนการปฏิบัติหน้าที่ในทำงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมายของตนเองและหน่วยงานองค์กรได้ บุคคลจะต้องเข้าใจขอบเขตหน้าทาการปฏิบัติงานเป็นอย่างดี กล่าวคือบุคคลจะต้องพัฒนาตนเองในด้านการปฏิบัติงานนั้นให้มีความรู้จนเกิดความเชี่ยวชาญ และชำนาญในที่สุด เมื่อบุคคลสามารถปฏิบัติงานอย่างมีความชำนาญแล้วจึงจะถือได้
ว่าบุคคลนั้นเป็นผู้มีความเก่งงานอย่างแท้จริง การจะก่อให้เกิดความสามารถในการเก่งเรื่องานได้จึงต้องอาศัยทั้ง ความมานะพากเพียรในการประพฤติ ปฏิบัติบ่อยครั้ง มีความอุตาสาหะ ทุ่มเทให้กับการทำงาน สำหรับบุคคลที่ประสบความสำเร็จเรื่องนี้จะมีความรักในองค์กร เป็นที่ต้องการและมีคุณค่าต่อหน่วยงานองค์กร เจ้านายจะมี
ความเชื่อใจและไว้ใจในการปฏิบัติหน้าที่เฉพาะทางเป็นอย่างดี
หากบุคคลมีความสามารถมีความรู้เรียกว่าเก่งตนแล้ว มีความเข้าใจและมีควาสัมพันธ์อันดีต่อผู้อื่นแล้ว แต่ไม่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างตรงตามเป้าหมาย ก็ไม่อาจจะประสบผลสำเร็จในด้านหน้าที่การงานได้ ดังนั้น 3 เก่ง จึงต้องถูกพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อที่จะสามารถประสบผลสำเร็จในเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Growth Mindset กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ
หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า Mindset ที่พูด ๆ กัน แท้จริงแล้ว Mindset คืออะไร?
Mindset คือ กรอบความคิดของเราเอง กรอบความคิดที่หมายรวมถึง ทัศนคติทั้งเชิงบวกและเชิงลบ ที่ส่งผลมาจากปัจจัยภายนอกที่เราได้มีประสบการณ์ร่วมบางอย่าง ผ่านกระบวนการทางสมอง ได้ประมวลผลออกมาเป็นกรอบความคิดของบุคคล ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ทางด้านทักษะความรู้ มุมมอง ทัศนคติ ความเชื่อส่วนบุคคล ความเข้าใจ ฯลฯ เป็นต้น นำมาหล่อหลอมรวมกันและตกผลึกออกมาเป็น กรอบความคิดหรือ Mindset ที่เรามีนั้นเอง
แล้ว Growth Mindset ละคืออะไร ?
เราจะสามารถแบ่งกรอบความคิดหรือ Mindset ของเราได้เป็น 2 รูปแบบคือ แบบ Fixed Mindset และ Growth Mindset นั้นเอง ตามหลักการของ Carol Dweck ซึ่งเป็นนักวิชาการ ด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด โดย Fixed Mindset และ Growth Mindset จะเป็นกรอบหรือแนวความคิดที่อยู่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง สามารถให้ความหมายได้ดังนี้
Fixed Mindset คือ กรอบแนวความคิดที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดใด ยึดติดกับความเข้าใจเพียงรูปแบบเดียว เป็นกรอบความคิดเดียว ความคิดรูปแบบเดิมเท่านั้น ไม่ยอมรับและไม่ต้องการเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ซึ่งมีผลเชิงลบส่งผลให้บุคคลไม่สามารถพัฒนาต่อได้ เรียกง่าย ๆ ว่าพวกที่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงอะไรได้รับ Input ความคิดมาแบบใด ก็จะเชื่อและต้องการรับรู้เพียงแค่นั้น ไม่ให้ Input ใหม่มาเปลี่ยนแปลงความคิดเดิมได้ บุคคลที่มี Fixed Mindset จึงอยู่กับที่และไม่เกิดการพัฒนานั้นเอง
Growth Mindset คือ กรอบแนวความคิดของบุคคลที่มุ่งพัฒนาเปลี่ยนแปลง ชอบการเปิดรับอะไรใหม่ ๆ มองหาและเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ อยู่เสมอ มี Input เข้ามามากและนำมาปรับเปลี่ยนความเชื่อความเข้าใจเพื่อให้เกิดประสบการณ์ที่มากขึ้น
บุคคลที่มี Growth Mindset จึงมีบุคลิกภาพที่อยากเรียนรู้อยู่เสมอ ต้องการปรับตัว และเชื่อว่าคนเราสามารถพัฒนาตนเองได้ เรียกง่าย ๆ ว่าบุคคลที่มี Growth Mindset จะเป็นบุคคลที่มีทัศนคติเชิงบวกสามารถพัฒนาตนเองต่อยอดให้สามารถบรรลุเป้าหมายและประสบความสำเร็จได้ง่าย และรวดเร็วนั้นเอง
ตัวอย่างการเปรียบเทียบระหว่าง Fixed Mindset และ Growth Mindset ที่จะทำให้เป็นภาพได้ชัดเจนเลยคือ
ด้านความท้าทาย
Fixed Mindset : จะไม่ชอบเผชิญกับความท้าทาย หลีกเลี่ยงความท้าทาย
Growth Mindset : มองความท้าทายใหม่ ๆ มองว่าเป็นเรื่องที่น่าลอง น่าสนใจและรู้สึกตื่นเต้น
เมื่อเจออุปสรรค
Fixed Mindset : ไม่ต่อสู้อุปสรรค และยอมแพ้ง่าย ๆ
Growth Mindset : จะมุ่งมั่น อดทน จะลุยต่อ และมองว่ามันต้องผ่านไปได้
ด้านความพยายาม
Fixed Mindset : ไม่เห็นความสำคัญของการพยายามเลย มุมมองว่าการพยายามคือแปลว่าตอนนี้ไม่ดี
Growth Mindset : มองว่าความพยายามจะทำให้นำไปสู่สำเร็จ เป็นสิ่งที่สำคัญที่ขาดไม่ได้
ด้านการวิจารณ์
Fixed Mindset : ไม่ชอบการถูกวิจารณ์เชิงลบ หรือไม่ยอมรับคำวิจารณ์ฝ่ายตรงข้ามเด็ดขาด
Growth Mindset : มองการวิจารณ์เป็นโอกาสให้ได้ปรุงปรุง พัฒนา จะเปิดรับ และเรียนรู้คำวิจารณ์ผู้อื่น
ด้านความสำเร็จของผู้อื่น
Fixed Mindset : ไม่ยินดีความสำเร็จของผู้อื่น มักจะอิจฉาและถากถางในความสำเร็จที่ไม่ใช่ของตน
Growth Mindset : มองสำเร็จของผู้อื่นเป็นแรงบันดาลใจ รู้จักเรียนรู้ปรับใช้จากความสำเร็จของผู้อื่นได้ดี
ดังนั้น ในเชิงของการทำงานหรือการอยู่ร่วมกันในสังคมบุคคลจะขาดกรอบแนวความคิดเชิงบวกไปไม่ได้ เป็นถือได้เป็น Growth Mindset เป็นกุญแจที่สำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในอนาคตหากบุคคลต้องการบรรลุเป้าหมายในการทำงาน ตลอดจนการใช้ชีวิตประจำวันให้ดี บุคคลนั้นจะต้องปรับ Mindset หรือกรอบความคิดให้เป็นแบบ Growth Mindset เพื่อที่จะสามารถพัฒนาตนเองให้มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ในเชิงบวก ส่งผลให้บุคคลสามารถขับเคลื่อนขีด
ความสามารถและศักยภาพองค์รวมของตนเองให้ก้าวกระโดด ไม่ติดอยู่กับความคิดเดิมและกรอบแนวความคิดเชิงลบ
การพัฒนาตนเองเป้าหมายในการทํางาน 1
วิธีคิดพัฒนาตนเองให้สามารถปรับเป็น Growth Mindset และประสบความสำเร็จได้
ก่อนอื่นบุคคลจะต้องลองมีมุมมองความคิดเชิงเปรียบเทียบ ระหว่าง Fixed Mindset และ Growth Mindset ก่อน มีเจอปัญหาหรืออุปสรรคให้ตระหนักก่อนว่าเราจะมีมุมมองความคิดเชิงไหน และค่อย ๆ ปรับแนวความคิดให้เป็นเชิงบวกหรือ
Growth Mindset เพื่อสามารถเผชิญและเอาชนะอุปสรรคได้ คิดว่าเราจะต้องฝ่าฟันปัญหาอุปสรรค ไม่ยอมแพ้ ต่อสู้และลุยต่อกับปัญหาที่เกิดขึ้น ให้โอกาส
ตนเองในการเรียนรู้ความผิดพลาด ไม่มองว่าความผิดพลาดเป็นสิ่งที่ให้อภัยไม่ได้ แต่ต้องลุกขึ้นมาแก้ไขปรับปรุงตนเองเพื่อให้สามารถผ่านพ้นไปได้ มองว่าความผิดพลาดเป็นโอกาสให้เราสามารถเรียนรู้เพื่อจะไม่ผิดพลาดในเรื่องเดิม บุคคลจะต้องให้โอกาสตัวเราเอง ทำความเข้าใจว่าไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบไปทุกอย่าง ไม่ควรหยุดพัฒนาตนเอง ดังนั้นความผิดพลาดจึงเป็นบทเรียนที่สำคัญเพื่อให้บุคคลเกิดการพัฒนาตนเองได้นั้นเอง
ในด้านการทำธุรกิจหากไม่ปรับ Mindset ให้เป็น Growth Mindset ก็ไม่ต่างอะไรจากเหยื่อที่รอให้นักล่ามาช่วงชิงโอกาสไป เมื่อไรก็ตามที่เรามีแนวคิดแบบ Fixed Mindset ก็เตรียมตัวตายอยู่กับที่ได้เลย เพราะยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง คนในสังคม
มีการพัฒนา แข่งขันที่สูงขึ้น คนที่อยู่รอดได้ในสังคมจึงต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ กล่าวได้ว่าไม่ใช่แค่คนที่ไม่ต้องการพัฒนาที่จะอยู่รอดไม่ได้ แต่คนที่หยุดพัฒนาก็จะไม่สามารถเอาตัวรอดได้เช่นกัน ลองดูธุรกิจที่เคยประสบความสำเร็จในอดีตที่ผ่านมา หลายธุรกิจล้มเหลวเพียงเพราะหยุดพัฒนา ไม่ใช่ว่าธุรกิจนั้นไม่ดี แต่เพราะปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยไม่ได้นั้นเอง
การพัฒนา
พัฒนาตัวเอง
การพัฒนาตนเองชุมชนสังคม
การพัฒนาตนเองเป็นการพัฒนาเพื่อให้บุคคลมีความสามารถของตนเอง แต่การที่ชุมชน สังคมตลอดจนภาคส่วนใหญ่ ๆ สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้คือบุคคลจะต้องมีความรู้ความเข้าใจ มีการเผยแพร่ข้อมูลอันประโยชน์ต่อส่วนร่วม เพื่อให้สังคมได้รับการพัฒนาต่อ หลักการสำคัญคือต้องมีส่วนร่วมตั้งแต่ในภาคส่วนของครอบครัว ชุมชน ไปจนถึงสังคม การทำความเข้าใจบทบาทหน้าที่ผู้นำ ผู้ตามในชุมชนเพื่อ
พัฒนาอย่างยั่งยืนร่วมกัน อาศัยความร่วมมือเป็นหลัก เทคนิคการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วมจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องจัดเก็บข้อมูล และนำมาวิเคราะห์ต่อยอดรวมกัน คนในชุมชนจะต้องมีการทำแผนพัฒนาตนเอง ชุมชนและสังคม การให้ความรู้เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างเป็นกลางและความเข้าใจร่วมกัน ทั้งนี้การพัฒนาสามารถนำ Growth Mindset มาปรับใช้ร่วมกันได้
“บุคคลมีศักยภาพ ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง สังคมสามารถขับเคลื่อนได้มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน”
โฆษณา