สงครามที่มีผู้เสียชีวิตกว่า “1 ใน 6” ของประชากรโลก
“สงครามโลก” คือสงครามที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากมายมหาศาล และหนึ่งในความขัดแย้งที่อาจจะไม่ใช่สงครามโลก หากแต่สร้างความเสียหายมหาศาล ก็คือ “กบฏอันหลู่ซาน (An Lushan Revolt)” ซึ่งเริ่มตั้งแต่ค.ศ.755-763 (พ.ศ.1298-1306)
เหตุการณ์นี้เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่นองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยในปีค.ศ.754 (พ.ศ.1297) มีคนอาศัยอยู่ในประเทศจีนราว 52 ล้านคน แต่หลังจากเหตุการณ์กบฏจบลงในปีค.ศ.764 (พ.ศ.1307) จำนวนประชากรในจีนกลับเหลือเพียง 16.3 ล้านคน
มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เกือบ 36 ล้านคน ซึ่งเกือบเท่า 1 ใน 6 ของประชากรโลกในเวลานั้น และใกล้เคียงกับจำนวนผู้เสียชีวิตจากสงครามโลกครั้งที่ 1
และถึงแม้นักประวัติศาสตร์จะถกเถียงกันว่าในระยะเวลาเพียงประมาณ 10 ปี จะทำให้มีผู้เสียชีวิตได้เยอะขนาดนั้นจริงหรือ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์กบฏอันหลู่ซานก็เป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดเหตุการณ์หนึ่งในประวัติศาสตร์
เราลองมาดูเรื่องราวของเหตุการณ์นี้กันครับ
“ราชวงศ์ถัง” ได้เข้าปกครองประเทศจีนตั้งแต่ปีค.ศ.618 (พ.ศ.1161) โดยมี “จักรพรรดิถังเกาจู่ (Gaozu of Tang)” เป็นจักรพรรดิพระองค์แรก และราชวงศ์ถังก็ได้พิชิตชนเผ่าเตอร์กิก และดึงให้ชนเผ่าเข้ามาหลอมรวมกับสังคมจีน
จักรพรรดิองค์ที่สอง คือ “จักรพรรดิถังไท่จง (Emperor Taizong of Tang)” นอกจากจะได้ชื่อว่าเป็น “โอรสสวรรค์” พระองค์ยังเป็นที่รู้จักในนามของ “ข่านแห่งสวรรค์” ทำให้พระองค์เป็นจักรพรรดิองค์แรกที่พวกเตอร์กิกยอมรับว่าเป็นข่าน
ชนเผ่าเตอร์กิกได้เข้ามาหลอมรวมกับสังคมจีน และกลายเป็นชาติพันธุ์ที่มีจำนวนมากเป็นอันดับสอง รองจากชาวฮั่น ซึ่งนอกจากสองชนชาตินี้ ก็ยังมีชนชาติอื่นๆ ในจีน เช่น เปอร์เซีย อาหรับ เกาหลี และญี่ปุ่น
จักรพรรดิถังเกาจู่ (Gaozu of Tang)
องค์จักรพรรดินั้นทรงชื่นชมที่จีนมีหลากหลายเชื้อชาติ หากแต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะคิดเช่นนั้น
จากบันทึกโบราณ ซึ่งเขียนโดยชาวเตอร์กิกในช่วงต้นศตวรรษที่ 8 ก่อนเหตุการณ์กบฏอันหลู่ซานไม่กี่ปี ได้บรรยายถึงการกดขี่ของราชวงศ์ถังที่กระทำต่อชนเผ่าเร่ร่อน
ในปีค.ศ.751 (พ.ศ.1294) “หลี่ลินฟู (Li Linfu)” อัครมหาเสนาบดี ได้โน้มน้าวให้ “จักรพรรดิถังเสวียนจง (Emperor Xuanzong of Tang)” แต่งตั้งให้นายพล “อันหลู่ซาน (An Lushan)” ขึ้นเป็นแม่ทัพแห่งกองทัพภาคเหนือ ควบคุมทหาร 164,000 นาย
อันหลู่ซาน (An Lushan)
อันหลู่ซาน มีบิดาเป็นชาวซอกเดีย มารดาเป็นชาวเตอร์กิก เขาสามารถพูดได้ถึงหกภาษา และก้าวสู่อำนาจในเวลาต่อมา
นอกจากจะเป็นแม่ทัพฝีมือฉกาจ เขายังเป็นนักการเมืองที่ปราดเปรื่อง สามารถชนะใจอัครมหาเสนาบดี แม้แต่ “หยางกุ้ยเฟย (Yang Guifei)” สนมเอกขององค์จักรพรรดิก็ยังชื่นชอบในตัวเขา
และด้วยแรงสนับสนุนของหยางกุ้ยเฟย ทำให้องค์จักรพรรดิก็ทรงสนับสนุนอันหลู่ซาน ทำให้เขาทั้งมั่งคั่งและมีอำนาจ
แต่ดูเหมือนโชคของอันหลู่ซานจะอยู่ได้ไม่นาน เนื่องจากเมื่อหลี่ลินฟูเสียชีวิตในปีค.ศ.753 (พ.ศ.1296) อัครมหาเสนาบดีคนใหม่ นั่นคือ “หยางกั๋วจง (Yang Guozhong)” ก็ตั้งใจจะถอดถอนอันหลู่ซาน
หยางกุ้ยเฟย (Yang Guifei)
หยางกั๋วจงได้เป่าหูองค์จักรพรรดิว่าอันหลู่ซานคิดจะก่อกบฏ และเริ่มกำจัดผู้สนับสนุนอันหลู่ซานในราชสำนักทีละคน
เหตุการณ์นี้ได้สร้างความโกรธแค้นให้แก่อันหลู่ซานเป็นอันมาก และนำไปสู่ความวุ่นวาย
ในเวลานั้น อันหลู่ซานเป็นแม่ทัพที่เป็นที่เคารพนับถือของเหล่าทหาร จึงได้ทำการประกาศอิสรภาพในปีค.ศ.755 (พ.ศ.1298) และตั้งราชวงศ์ขึ้นใหม่ นั่นคือ “ราชวงศ์หยาน (Yan Dynasty)” และเริ่มรุกไปเพื่อยึดครองเมืองหลวง ก่อนจะยึดลั่วหยาง เมืองหลวงทางตะวันออกของราชวงศ์ถังได้ในเดือนมกราคม ค.ศ.756 (พ.ศ.1299)
กลุ่มกบฏอยู่ไม่ไกลจากฉางอาน องค์จักรพรรดิจึงทรงส่งแม่ทัพฝีมือดีไปต้านทัพกบฏ หากแต่การเมืองภายในก็ทำให้แม่ทัพทั้งสองถูกประหารก่อนจะได้ออกทัพ
จากนั้น อัครมหาเสนาบดีก็ได้ทรงส่งแม่ทัพเตอร์กิกไปพิทักษ์ด่านตงกวน หากแต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อกองทัพของอันหลู่ซาน
เมื่อเป็นอย่างนี้ ทำให้องค์จักรพรรดิและองค์รัชทายาทต้องเสด็จหนีตายไปคนละทาง และก็ได้เกิดเหตุขัดแย้งภายในกองทัพราชวงศ์ถัง เมื่อทหารในกองทัพจับกุมตัวหยางกั๋วจงและหยางกุ้ยเฟย และโทษว่าสาเหตุของความพ่ายแพ้มาจากสองคนนี้ และขอให้มีการประหารชีวิตคนทั้งคู่
จักรพรรดิถังเสวียนจงทรงยอมทำตามและยอมสละบัลลังก์ ทำให้บัลลังก์ตกเป็นของ “จักรพรรดิถังซู่จง (Emperor Suzong of Tang)” พระราชโอรสของพระองค์
จักรพรรดิถังซู่จงทรงเป็นผู้ที่มีพระปัญญาหลักแหลม อีกทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน พระองค์จึงทรงขอความช่วยเหลือจากอุยกูร์คากาเนต ซึ่งอยู่ทางเหนือของจีน โดยทรงสัญญาว่าจะตอบแทนพวกอุยกูร์ด้วยของล้ำค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผ้าไหม ทองคำ และทรงอนุญาตให้เข้าปล้นเมืองแถบชายแดน
จักรพรรดิถังซู่จง (Emperor Suzong of Tang)
นอกจากอุยกูร์ รัฐเคาะลีฟะฮ์อับบาซียะฮ์ ซึ่งเป็นรัฐเคาะลีฟะฮ์ราชวงศ์ที่สามของศาสนาอิสลาม ก็ได้ส่งทหารมาช่วยอีก 4,000 นาย
ด้วยความช่วยเหลือเหล่านี้เอง ทำให้ผลของสงครามเริ่มเปลี่ยนไป
ในปีค.ศ.757 (พ.ศ.1300) “อันชิงซู (An Qingxu)” ลูกชายของอันหลู่ซาน ได้ทำการลอบสังหารอันหลู่ซาน และการสังหารนี้ ก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ
ค.ศ.759 (พ.ศ.1302) “ซือซื่อหมิง (Shi Siming)” หนึ่งในคนสนิทของอันหลู่ซาน ก็ได้ทำการสังหารอันชิงซู
แต่ต่อมา ในปีค.ศ.761 (พ.ศ.1304) “ซือจ้าวยี (Shi Chaoyi)” ลูกชายของซือซื่อหมิง ก็ได้สังหารบิดาตนเอง ซึ่งต่อมา เมื่อพ่ายแพ้ต่อกองทัพราชวงศ์ถัง ซือจ้าวยีก็ได้ฆ่าตัวตายในปีค.ศ.763 (พ.ศ.1306)
ภายในปีค.ศ.764 (พ.ศ.1307) เหตุการณ์กบฏอันหลู่ซานก็ได้จบลง
มีการประเมินว่าจากเหตุการณ์นี้ มีผู้เสียชีวิตระหว่าง 13-36 ล้านคนเลยทีเดียว
- 8
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
