6 ก.ค. 2022 เวลา 12:28 • กีฬา
จากจุดเริ่มต้นสู่การล่มสลายของอาณาจักร และการกลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่
ถอดบทเรียนจากทีมบาสเกตบอล NBA – Golden State Warriors (Part 1/2)
  • ทีมต้องการความเปลี่ยนแปลง
ถ้าคุณอยากเห็นสายรุ้ง ก็ต้องรับมือกับฝนให้ได้
ออกัสทัส - รัฐบุรุษชาวโรมัน
เมื่อพูดถึง NBA ลีคบาสเก็ตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดโลก ทุกคนอาจมองถึงความเข้มข้นของการแข่งขันทั้งในแง่ของเกมส์กีฬา และในแง่ของการตลาด
ทีมบาส 30 ทีม (จากฝั่งตะวันตก 15 ทีม และฝั่งตะวันออก 15 ทีม) แข่งขันกันหาทีมที่ดีที่สุด 8 ทีมจากทั้ง 2 ฝั่ง (รวมเป็น 16 ทีม) เพื่อเข้ารอบตัดเชือก (รอบเพลย์ออฟ) และแข่งขันแบบแพ้คัดออกจนกว่าจะได้ทีมที่ดีที่สุดของทั้ง 2 ฝั่ง มาแข่งชิงแชมป์กันใน NBA Finals
Warriors ทีมที่เข้ารอบเพลย์ออฟเพียงหนเดียวในรอบ 14 ปี (1995-2008) พวกเขาถูกมองว่าเป็นตัวตลกในสายตาแฟนบาส และโดนปรามาสว่าเคยชินกับความพ่ายแพ้และยากที่จะกลับมาประสบความสำเร็จ
หลังจบ NBA ฤดูกาล 2008-2009 ทีม Warriors มีสถิติชนะ 29 เกม และแพ้ไปถึง 53 เกม พวกเขาไม่ได้เข้ารอบเพลย์ออฟอีกเช่นเคย ซึ่งหากพวกเขากลัวฝนก็คงไม่มีวันเห็นสายรุ้ง ฤดูกาลต่อไปก็คงล้มเหลวเหมือนกันกับฤดูกาลที่ผ่านมา ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจึงเริ่มขึ้น และมันเกิดขึ้นที่หลังบ้านของพวกเขา
ทีมวอริเออส์ เริ่มเปลี่ยนแปลงจากหัวเรือใหญ่ของทีมงานหลังบ้าน โดยพวกเขาเปลี่ยนตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป (General Manager) จาก คลิส มัลลิน เป็น แรร์ลี่ ไรลี่ และแต่งตั้งผู้ช่วย GM คนใหม่ คือ บ๊อบ มายเออส์
  • การมาถึงของเสือตัวที่สอง - สเตฟเฟน เคอร์รี่
ในเกมส์กีฬาของอเมริกันนั้น ผลการแข่งขันที่ไม่ดีก็มีประโยชน์อยู่บ้าง นั่นคือยิ่งทีมมีอันดับสถิติชนะ-แพ้ แย่แค่ไหน พวกเขาก็จะยิ่งได้สิทธิในการเลือกผู้เล่นหน้าใหม่เข้าสู่ทีมก่อนทีมอื่นสูงขึ้นเท่านั้น (สิทธิดราฟต์) และจากสถิติที่แย่ในฤดูกาล 2008-2009 ก็มอบสิทธิดราฟต์อันดับที่ 7 ในปี 2009 แก่พวกเขา
งานแรกของ แรร์ลี่ และ บ๊อบ ในการบริหารทีมคือการดราฟต์ผู้เล่นหน้าใหม่เข้าสู่ทีม ซึ่งเหล่านักวิเคราะห์และแฟนๆ ต่างคาดการณ์ว่า ทีมวอริเออส์จะเลือกผู้เล่นที่มีความแข็งแกร่งทางร่างกายมาช่วยเสริมผู้เล่นตัวหลักของเขาในฤดูกาลที่ผ่านมาอย่าง มอนเต้ เอลลิส ซึ่งเป็นทั้งคนคุมบอลและตัวทำแต้มหลักของทีม
ในสิทธิดราฟต์อันดับ 5 และ 6 ก่อนหน้าของทีมวอริเออส์เป็นของทีมทิมเบอวูฟ (สิทธิอันดับ 5 นั้นทีมทิมเบอวูฟขอแลกมาจากทีมวิซาร์ด) และพวกเขาก็เลือกตำแหน่งการ์ดตัวคุมบอล (Point Guard) ที่ถูกมองว่าดีที่สุด อันดับ 1 และ 2 ที่เข้าร่วมคัดตัวในปี 2009 อย่าง ริคกี้ รูบิโอ และ จอนนี่ ฟลินน์ ไปแล้ว
ดังนั้นจึงไม่จำเป็นเลยที่วอริเออร์จะเลือก เคอร์รี่ ตำแหน่ง Point Guard ผู้เล่นแบบเดียวกันกับ มอนเต้ เอลลิส เข้ามา แต่ผู้บริหารของทีมเห็นต่าง และยังคงใช้สิทธิอันดับ 7 เลือกเคอร์รี่เข้ามาพร้อมกับเสียงโห่และเสียงด่าของแฟนๆ แทบจะทันที
เคอร์รี่ (ขวา) และแรร์ลี่ ไรร์ลี่ GM ของทีมวอริเออส์ (ซ้าย)
  • เจ้าของทีมคนเก่าจากไป คนใหม่เข้ามา
แม้ว่าปีแรกของเคอร์รี่ใน NBA จะทำผลงานส่วนตัวได้ดีจนกลบเสียงด่าผู้บริหารจากแฟนๆ ไปได้บ้าง แถมยังคว้าตำแหน่งอันดับ 2 ของผู้เล่นหน้าใหม่ยอดเยี่ยม ไปได้อีกด้วย
แต่ว่าภาพรวมของผลงานทีมวอริเออส์ยังทำผลงานได้ย่ำแย่อีกเช่นเคย พวกเขาจบฤดูกาล 2009-2010 ด้วยสถิติชนะ 26 และแพ้ 56 เกม เป็นอีกปีที่ไม่ได้เข้ารอบเพลย์ออฟ
ก่อนเริ่มฤดูกาลใหม่ ทีมวอริเออส์ใช้สิทธิดราฟต์อันดับที่ 6 เลือก เอคเป้ ยูโด ผู้เล่นร่างใหญ่ตำแหน่งเซนเตอร์ รวมถึงคว้าผู้เล่นร่างใหญ่อีกคนอย่าง เดวิด ลี เข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการเล่นวงในอีกคน
แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้พวกเขาทำผลงานได้ดีขึ้นมากนัก ศรัทธาและความหวังในทีมเริ่มค่อยๆ มอดไป ไม่ใช่แค่ในตัวของแฟนบาส แต่รวมถึงเจ้าของทีมอย่าง คริส โคแฮนน์ ด้วยเช่นกัน
คริส โคแฮน เจ้าของทีม GSW ได้ตัดสินใจขายทีมให้กับปีเตอร์ กูเบอร์ และโจ ลาคอบ ในราคา 450 ล้านเหรียญ เจ้าของใหม่ที่เข้ามาพร้อมกับความกระหายในชัยชนะ
ถ้าคุณมองขึ้นไปบนนั้น มันมีธงแชมป์แค่ผืนเดียวถูกแขวนเอาไว้อย่างเหงาๆ (แชมป์ฤดูกาล 1975) ที่ผมจะบอกคือ เราต้องการธงแชมป์อีกผืน
โจ ลาคอบพูดระหว่างการพูดเปิดตัวเจ้าของทีมคนใหม่
แม้ว่าสิ่งที่โจพูดไปวันนั้นในสนามจะสร้างเสียงหัวเราะให้กับแฟนๆ แต่มีอยู่หนึ่งคนที่ตั้งใจและมั่นใจว่าจะทำแบบนั้นได้จริงๆ ซึ่งก็คือตัวของ โจ ลาคอบ เอง
  • จะชนะศึกใหญ่ต้องใช้แผนการ
ทั้งกูเบอร์ และ ลาคอบ ต่างรู้ดีว่าแค่ Passion ในความต้องการชัยชนะอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอที่จะพาทีมที่เคยชินกับความพ่ายแพ้ไปสู่แชมป์ NBA ได้ พวกเขาต้องการใครสักคนที่รู้เรื่องบาสเกตบอลเป็นอย่างดี และพวกเขารู้จักอยู่คนหนึ่ง นั่นคือ เจอรี่ เวสต์
เจอรรี่ เวสต์ คือ ตำนานผู้เล่นของทีม แอลเอ เลกเกอร์
เขาคือชายที่อยู่บนโลโก้ของ NBA
เขาคือคนที่พาแชคมาเล่นคู่กับโคบี้ซึ่งได้สร้างสถิติมากมายให้ทีมเลกเกอร์
และกูเบอร์ กับ ลาคอบ อยากให้ให้เวสต์ ทำมันอีกครั้งกับทีมวอริเออส์ และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่เวสต์เข้ามาสู่ทีมวอริเออส์ในตำแหน่งที่ปรึกษาของทีมบริหาร
นอกจากเวสต์ที่เข้ามาเป็นที่ปรึกษาของทีมแล้ว เจ้าของทีมทั้งสองยังนำผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านเข้ามายังแผนกต่างๆ ของทีมอีกด้วย และงานแรกของทีมบริหารก่อนเริ่มฤดูกาลคือการดราฟต์ผู้เล่นหน้าใหม่เข้าสู่ทีม
พวกนายต้องเลือกเคลย์ ธอมสัน
เจอร์รี่เวสต์กล่าวอย่างหนักแน่นในวอร์รูมการดราฟต์ผู้เล่น ปี 2011 ของทีมวอริเออส์
จากผลงานฤดูกาลที่ผ่านมา ทำให้ทีมวอริเออส์ได้สิทธิดราฟต์อันดับ 11 ซึ่งเคลย์ผู้เล่นตำแหน่งการ์ดตัวแม่นมีโอกาสที่จะโดนตัดหน้าไปโดยทีมอื่นใน 10 อันดับแรก แต่เหมือนฟ้าลิขิต ผู้เล่นตำแหน่งการ์ดหลายคนโดนเลือกตัวไป แต่ว่าเคลย์ยังอยู่จนถึงคิวของทีมวอริเออส์ และทีมก็เชื่อในตัวเวสต์ พวกเขาเลือกเคลย์ เข้ามาเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ของทีม
เคลย์ ธอมสัน ถูกดราฟต์โดยทีมวอริเออส์ในอันดับที่ 11
ฤดูกาล 2011-2012 พวกเขาก็ยังไม่สำเร็จในการเข้ารอบเพลย์ออฟ เนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บของเคอร์รี่ และปัญหาหลักเดิมของทีมที่ยังแก้ไม่หาย คือตัวหลักของพวกเขา ทั้งมอนเต้ เอลลิส และ เคอร์รี่เป็นผู้เล่นแบบเดียวกัน
เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้
สุภาษิตจีน
เจ้าของทีมและผู้บริหารจำเป็นที่จะต้องตัดสินใจด้วยความลำบากว่าพวกเขาจะเก็บใครไว้ระหว่าง เอลลิส ที่เป็นที่รักของแฟนๆ ทีม แต่เริ่มจะมีอายุมากแล้ว กับ เคอร์รี่ เด็กหนุ่มไฟแรง แต่ก็มีปัญหาบาดเจ็บบ่อยครั้ง
ซึ่งทีมตัดสินใจเก็บเคอร์รี่ไว้ และนั่นทำให้แฟนๆ โกรธเป็นอย่างมาก และทำการบ่นด่าเจ้าของทีมและผู้บริหารทีมทุกครั้งที่พวกเขามีโอกาส โดยพวกเขาได้ทำการแลก เอลลิสกับผู้เล่นในทีมอีก 2 คน เพื่อแลก แอนดรู โบกัท ผู้เล่นวงในจากทีมมิลวอกกี้ บัคแทน
นอกจากนี้ ทางทีมยังได้ตัดสินใจเลื่อนตำแหน่งของ บ๊อบ มายเออร์ จากผู้ช่วยขึ้นมาเป็นผู้จัดการทั่วไป (GM) และงานแรกของ บ๊อบในตำแหน่ง GM คือการต่อสัญญา เคอร์รี่ออกไป 4 ปี ทั้งที่แฟนๆ มองว่าค่อนข้างเสี่ยงกับผู้เล่นที่เจ็บบ่อยอย่างเคอร์รี่ แต่บ๊อบเองมองว่าเป็นการเสี่ยงที่คุ้มค่า
  • ทหารเสือคนสุดท้าย เดย์มอน กรีน
ในการดราฟต์ผู้เล่นหน้าใหม่ก่อนเริ่มฤดูกาล 2012-2013 ทีมวอริเออส์ใช้สิทธิอันดับที่ 7 เลือก แฮริสัน บาร์น ผู้เล่นที่ยิงระยะกลางและยืนตำแหน่งได้ดี เพื่อเข้ามาเติมเต็มชุดตัวจริง 5 คนแรก และใช้สิทธิอันดับที่ 35 เลือก เดรย์มอน กรีน ผู้เล่นที่เวสต์ถึงกับสงสัยว่าทีมอื่นปล่อยหลุดรอดมาถึงทีมเขาได้อย่างไร
ซึ่งอันที่จริงก็ไม่น่าแปลกใจที่ กรีน จะไม่ได้ถูกเลือกไปโดยทีมอื่น เพราะเขาเป็นผู้เล่นที่ครึ่งๆ กลางๆ ร่างกายไม่ใหญ่พอที่ทีมจะคาดหวังให้ไปยืนคอยเก็บลูกที่พลาดคืนกลับมาให้ทีม หรือทะลวงวงในของคู่ต่อสู้ เข้ายิงระยะกลางและจ่ายบอลได้โอเค แต่ก็ไม่ได้เด่นด้านนี้ไปกว่าพวกผู้เล่นตำแหน่งการ์ดที่ชำนาญในด้านนี้โดยเฉพาะ
ในฤดูกาลปี 2012-2013 ทีมวอริเออส์เริ่มเป็นรูปร่าง และมีแนวทางที่ชัดเจนมากขึ้น พวกเขามีเคอร์รี่ที่ขึ้นมาเป็นผู้เล่นหลักของทีมอย่างเต็มตัวเป็นคนถือบอล สั่งแผน และโจมตีวงนอกจากจุด 3 คะแนน ร่วมกันกับเคลย์ ธอมสัน จนได้ฉายาร่วมกันว่า Splash Brothers (เสียงลูกบอลผ่านห่วงลงไปโดนตาข่ายจะมีเสียงคล้าย สแปลช จึงมาเป็นฉายาของทั้งสองคนเหมือนพี่น้องจอมแม่น) พวกเขายังมีบาร์น คอยโจมตีจากระยะกลาง โบกัท และ ลี ที่คอยโจมตีวงใน และเก็บลูกที่ไม่ลงห่วงคืนมาให้กับทีม และยังมี กรีน ที่พร้อมออกมาช่วยทีมจากม้านั่งสำรอง
พวกเขาปิดฤดูกาลปกติด้วยสถิติชนะ 47 และแพ้ 35 เกมส์ พร้อมเข้าสู่รอบเพลย์ออฟได้ในที่สุด แต่สุดท้ายด้วยประสบการณ์ในรอบเพลย์ออฟที่ยังน้อยของผู้เล่นในทีม พวกเขาแพ้ต่อความเก๋าเกมส์ของทีมสเปอร์และตกรอบไปในเพลย์ออฟรอบที่ 2
  • เกาให้ถูกที่คัน
ทีมวอริเออส์ พวกเขารู้ตัวดีว่าที่พวกเขาตกรอบนั้นเป็นเพราะพวกเขาขาดประสบการณ์ ในฤดูกาลปี 2013-2014 ทีมวอริเออส์ตัดสินใจดึงตัว แอนเดร อิกัวโดลา หรือ อิกกี้ เข้ามาช่วยทีมในตำแหน่งของแฮริสัน บาร์นที่ยังเป็นมือใหม่ อยู่ ก่อนที่พวกเขาจะชนะได้ถึง 51 เกมส์ ในฤดูกาลนั้น และเข้าสู่รอบเพลย์ออฟได้สำเร็จอีกครั้ง แต่ก็ไปแพ้ทีมแอลเอ คลิปเปอร์ ตกรอบแรกของเพลย์ออฟ
หลังจบฤดูกาลนั้น แฟนๆ ที่กำลังจะลืมความโกรธที่ทีมปล่อยตัว มอนเต้ เอลลิส ออกจากทีมไป เจ้าของทีมวอริเออส์ก็สร้างความแปลกใจให้แฟนๆ อีกครั้ง ด้วยการไล่หัวหน้าโค๊ชของทีมอย่าง มาร์ค แจคสัน ออก ทั้งที่เขาพึ่งพาทีมเข้าเพลย์ออฟได้ 2 ปีติด แล้วไปแต่งตั้ง สตีฟ เคอร์ ที่ไม่เคยมีประสบการณ์คุมทีมไหนใน NBA มาก่อนเลย ขึ้นมาเป็นหัวหน้าโค๊ชแทน ซึ่งนั่นทำให้แฟนๆ กลับมาด่าเจ้าของและเหล่าผู้บริหารทีมอย่างสาดเสีย เทเสีย อีกครั้ง
  • แชมป์เปียนในที่สุด
ก่อนจะเริ่มฤดูกาล 2014-2015 พวกเขาเกือบจะเทรดแลกตัว เคลย์ ธอมสัน ออกจากทีมไปเพื่อแลกตัวกับ เควิน เลิฟ แต่ เจอร์รี่ เวสต์ ที่ปรึกษาของทีมได้ห้ามไว้ และบอกว่าถ้าพวกเขาปล่อยตัวเคลย์ออกไป ตัวของเวสต์เองก็จะลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาของทีมด้วย เพราะเวสต์มองว่านั่นจะทำให้ทีมเดินถอยหลัง ซึ่งนั่นทำให้ที่เก็บตัวของเคลย์ไว้
ด้วยผู้เล่นตัวหลักชุดเดิมของทีมวอริเออส์ พวกเขาต้องปรับตัวเข้ากับปรัชญาในการทำทีมของหัวหน้าโค๊ชคนใหม่อย่างสตีฟ เคอร์
เคอร์ ได้นำแนวคิดใหม่อย่าง Small Lineup เข้ามาใช้อย่างจริงจังใน NBA เขาเลือกที่จะดรอป เดวิด ลี ผู้เล่นร่างใหญ่ตำแหน่ง Center เป็นสำรอง และเลือกที่จะใช้กรีน ผู้เล่นตัวเล็กกว่า แต่มีความหลากหลายในระยะที่ยิงได้ลงเป็นตัวจริงแทน
และแนวคิดนี้ได้เปลี่ยนรูปแบบของการทำทีมใน NBA ไปอย่างสุดโต่งในทันที จากแต่ก่อนที่ทุกทีมต้องพึ่งผู้เล่นตัวใหญ่ในการนำบอลเข้าไปใกล้ห่วงมากที่สุดเพื่อความชัวร์ในการทำแต้ม เปลี่ยนเป็นการถ่ายบอลไปให้ทุกคนจนกว่าจะมีคนว่างที่สุด แล้วจึงปิดสกอร์ไม่ว่าจะเป็นใคร และอยู่ที่พื้นที่ไหนของสนาม โดยเฉพาะพื้นที่ยิง 3 คะแนน
ผมไม่ชอบทีมที่เอาแต่กระโดดยิง คุณไม่มีวันเป็นแชมป์ได้กับทีมที่เอาแต่กระโดดยิง
ชาลล์ บาร์คเลย์ อดีตผู้เล่น NBA และนักวิเคราะห์ พูดขึ้นหลังเห็นแนวทางการเล่นของทีมวอริเออส์
และแผนนี้นอกจากเดวิด ลี ที่ถูกปรับเป็นตัวสำรองแล้ว อิกกี้ ยังเป็นผู้เล่นตัวจริงอีกคนที่ เคอร์ ขอให้เขาเป็นตัวสำรอง และส่งให้ลงในเวลาจำกัดแต่ละเกม โดยหน้าที่หลักคือลงมาป้องกันผู้เล่นทำแต้มตัวหลักของฝั่งตรงข้ามในเวลาจำเป็น และคอยประคองน้องๆ ในทีมสำรอง
ในฤดูกาลแรกของการคุมทีมโดยสตีฟ เคอร์ ผู้เล่นทุกคนในทีมเหมือนเครื่องจักรที่ เคอร์ มีคู่มือการใช้ โดยเฉพาะ เคอร์รี่ ที่ระเบิดฟอร์มจนคว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าของฤดูกาลไปได้
พวกเขาผ่านเข้าไปเล่นรอบเพลย์ออฟด้วยสถิติที่ดีที่สุดในขณะนั้นคือชนะ 67 เกม และแพ้เพียง 15 เกม พี่น้อง Splash Brothers ทำลายสถิติการยิงต่างๆ เป็นว่าเล่น และในที่สุดพวกเขาก็ผ่านเข้าไปชิงแชมป์กับทีมคลีฟแลนด์ ซึ่งนำทัพมาด้วยสุดยอดผู้เล่นอย่างเลอบรอน เจมส์ ไครี เออวิ่ง และเควิน เลิฟ ผู้เล่นที่เกือบจะได้มาอยู่กับทีมวอริเออส์
เหล่านักรบสะพานทองทำการดับฝันของเลอบรอน และคว้าแชมป์ NBA ได้ตั้งแต่การคุมทีมฤดูการแรกของเคอร์ และนี่เป็นการรูดม่านปิดฉากฤดูกาลอย่างสวยงามด้วยถ้วยและแหวนแชมป์ของทุกคนในทีม
GSW แชมป์ NBA ปี 2015
เส้นทางของเหล่านักรบสะพานทองในการคว้าแชมป์นั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาย พวกเขาต้องมีความเชื่อมันในแนวทางที่เขาเลือก และอดทนต่อเสียงบ่นด่ามากมายกว่าจะมาถึงจุดนี้ และนี้คือเส้นทางจากจุดเริ่มต้น สู่วันที่พวกเขาคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ธงแชมป์ผืนเดิมที่แขวนอยู่เหนือกองเชียร์จะไม่เหงาอีกต่อไปแล้ว
โฆษณา