7 ก.ค. 2022 เวลา 05:20 • การตลาด
🏳️‍🌈 ข้อมูลจาก Think with Google เผยให้เห็นว่า เทรนด์การค้นหาบน Google Search ล่าสุด ผู้คนมีมุมมองเกี่ยวกับเพศวิถี (Sexuality) และเพศสภาพ (Gender) ที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
.
🌈 การค้นหาคำว่า “unisex” และ “gender neutrality” (การไม่ระบุเพศใดเพศหนึ่ง)
ของผู้คนทั่วโลกเพิ่มขึ้น 43% และ 57% ตามลำดับในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
สำหรับประเทศไทยนั้น การค้นหาคำว่า "unisex" เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ เทรนด์การค้นหายังชี้ให้เห็นว่าผู้คนกำลังให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์ที่เปิดกว้างทางเพศมากขึ้น เช่น การค้นหาคำว่า "เสื้อผ้า unisex" ในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นถึง 54% ในปีที่ผ่านมา
จาก ผลวิจัยจาก Kantar ยังมีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ คือกลุ่มที่มีมุมมองเกี่ยวกับเพศวิถีและเพศสภาพเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน โดยคนอายุ 16-24 ปี มีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับบทบาททางเพศ (Gender Role) น้อยกว่าคนอายุ 35-54 ปีถึง 23%
ซึ่งหากแบรนด์ต้องการก้าวให้ทันการเปลี่ยนแปลงมุมมองด้านความหลากหลายทางเพศ จะต้องหันมา ทบทวน การใช้เพศเป็นตัวกำหนดประเภทของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้แบรนด์สื่อสาร และสร้างสัมพันธ์กับกลุ่ม LGBTQ+ ได้ตลอดทั้งปี
เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าการสร้างแคมเปญ Pride Month ในช่วงเดือนมิถุนายนเพียงอย่างเดียวนั้นอาจไม่พอ ดังนั้น การสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ+ จึงต้องวางแผนและลงมือทำให้ตรงจุดและต่อเนื่องตลอดทั้งปี ด้วยแนวทางดังนี้
🌈 สร้างการมีส่วนร่วมด้วยการตลาดแบบไม่แบ่งแยก (Inclusive Marketing)
แบรนด์สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่ม LGBTQ+ ที่ปรับเปลี่ยนอยู่เรื่อย ๆ และเพิ่มการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ (Brand Engagement) ที่มีความหมายต่อคนกลุ่มนี้ได้ตลอดทั้งปี ด้วยการสร้างความหลากหลายทางการตลาด การใช้ภาษาที่เป็นกลางทางเพศ และนำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เปิดกว้างต่อนิยามของเพศสภาพให้มากยิ่งขึ้น
🌈 ขยายประเภทและนิยามของผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความยืดหยุ่นทางเพศมากขึ้น
ธุรกิจที่สร้างบนฐานของนิยามทางเพศอย่างธุรกิจแฟชั่น จะเชื่อมโยงกับกลุ่ม LGBTQ+ ได้ดีขึ้นก็ต่อเมื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับเพศที่มีความยืดหยุ่นหรือมีนิยามที่เปิดกว้างมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น Levi’s ได้ เปิดตัวคอลเลกชันที่ไม่ระบุเพศ ซึ่งคัดสรรโดยพนักงาน Levi’s และเครือข่ายกลุ่ม LGBTQ+ เพื่อแสดงออกถึงจุดยืนการสนับสนุนความยืดหยุ่นทางเพศ และอิสระในการแสดงออกถึงตัวตนที่แท้จริงของพนักงาน และลูกค้าของแบรนด์
ผู้ค้าปลีก และแบรนด์ที่แบ่งประเภทผลิตภัณฑ์ตามเพศชายหรือหญิง สามารถปรับการจัดประเภทผลิตภัณฑ์ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น หากเว็บไซต์ของแบรนด์เสื้อผ้าจัดประเภทสูทไว้ในหมวดเสื้อผ้าชายและกระโปรงไว้ในหมวดเสื้อผ้าหญิง แบรนด์ก็จะพลาดโอกาสในการโปรโมตความหลากหลายทางเพศและการไม่แบ่งแยก รวมไปถึงโอกาสในการเข้าถึงผู้คนที่มีมุมมองทางเพศที่ยืดหยุ่น
🌈 ใช้ภาษาที่ไม่แบ่งแยก เพื่อให้ทุกคนรู้สึกว่าตนเองได้รับการยอมรับ
แม้ว่าเพศสภาพ (gender) และเพศวิถี (sexuality) จะไม่ได้เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของผลิตภัณฑ์ของคุณ แต่การใช้ภาษาที่ไม่แบ่งแยกเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับลูกค้าก็จะช่วยให้กลุ่ม LGBTQ+ รู้สึกมีตัวตนและปลอดภัย
ซึ่งนี่คือวิธีที่เว็บไซต์โรงแรมสำหรับคู่รักในอินเดียอย่าง StayUncle ที่มีตัวกรองการค้นหาสำหรับกลุ่ม LGBTQ+ โดยเฉพาะ นอกเหนือจากตัวกรองทั่วไปสำหรับคู่รักที่แต่งงานแล้วและยังไม่ได้แต่งงาน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาโรงแรมที่ต้อนรับทุกคน ไม่ว่าวิถีทางเพศจะเป็นแบบใดก็ตาม
แบรนด์ควรใช้ภาษาที่ไม่แบ่งแยกในทุก Touchpoint ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ หรือโฆษณา ตรวจสอบทุกคำโฆษณา การสื่อสาร และโฆษณาผ่านมุมมองของกลุ่ม LGBTQ+ และหลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคำพร่ำเพรื่อตามกระแส โดยไม่พิจารณาก่อนว่าผู้อ่านจะรู้สึกอย่างไร
🌈 แสดงออกถึงการสนับสนุน LGBTQ+ อย่างชัดเจน
ผู้บริโภคค้นหาเกี่ยวกับการไม่แบ่งแยกอย่างจริงจัง โดยการค้นหาคำว่า “LGBTQ+ friendly” (เป็นมิตรกับ LGBTQ) พุ่งขึ้นถึง 1200% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ดังนั้น แบรนด์จึงต้องทำให้ผู้คนรับรู้และค้นพบได้ง่ายๆ ว่าแบรนด์สนับสนุนกลุ่ม LGBTQ+ โดยแบรนด์ต่างๆ สามารถติดเครื่องหมาย “LGBTQ+ friendly” (เหมาะสำหรับ LGBTQ+) และ Transgender safe space (พื้นที่ที่ยอมรับบุคคลข้ามเพศ) ได้แล้วบน Google Business Profile ของตน
เมื่อแบรนด์พยายามทำความเข้าใจ และปฏิบัติตามคำพูดที่ตนสื่อสารออกไปเพื่อสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ+ แบรนด์ก็จะมีบทบาทในการส่งเสริมการไม่แบ่งแยกมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่เพียงจะเป็นสิ่งที่ดีต่อแบรนด์เท่านั้น แต่ยังดีต่อเพื่อนมนุษย์ทุกคนอีกด้วยค่ะ 😊👍💕
Source
.
#DigitalTipsAcademy #DigitalMarketing #การตลาดออนไลน์ #SME #ผู้ประกอบการ
#เจ้าของธุรกิจ #DigitalSME #การตลาดดิจิทัล #Upskill #WhatsNew
🌟 พบกับคลาสสอนสด!! เดือน กรกฎาคม - สิงหาคม
สมัครด่วน รับจำนวนจำกัด 🔥
✅ กลยุทธ์ปั้นแบรนด์ให้ปัง! ใน Instagram Marketing วันที่ 9 ก.ค.
✅ เพิ่มรายได้10เท่า ด้วยคอร์ส Facebook Marketing 101 วันที่ 23 ก.ค.
✅ เจาะลึกการยิงแอดแบบมืออาชีพ Facebook Advertising วันที่ 20-21 ส.ค.
📌สถานที่เรียน: Victor Club, Sathorn Square ชั้น 8 (BTS ช่องนนทรี)
========================
🌟อย่าลืม กด See First เพื่อ
#อัปเดตความรู้การตลาดออนไลน์ก่อนใคร
ช่องทางติดตามอื่นๆ
LINE: @DigitalTips
Instagram: @Digitaltips_Academy
TikTok: @thedigitaltips
โฆษณา