โดยที่ฝั่ง Call และ Put จะแบ่งกลุ่ม Strike ออกได้ฝั่งละ 3 ส่วน คือ In the money (ITM) ออปชั่นที่มีกำไร, At the money (ATM) ออปชั่นที่ราคาตลาด, Out of the money (OTM) ออปชั่นที่ยังไม่มีกำไร
ในทุกๆ Strike ทั้งฝั่ง Call / Put นั้น เทรดเดอร์สามารถเลือกเป็นได้ทั้ง ผู้ซื้อ (Long) หรือ ผู้ขาย (Short) ดังนั้น เทรดเดอร์จึงสามารถทำการ Long Call / Short Call หรือ Long Put / Short Put ที่ Strike ใดก็ได้
.
จึงเป็นที่มาของ 4 กลยุทธ์เทรดพื้นฐาน ดังนี้
Long Call (LC) - สำหรับเทรนด์ขาขึ้น / ขาดทุนจำกัด กำไรไม่จำกัด
Short Call (SC) - สำหรับเทรนด์ขาลง / ขาดทุนไม่จำกัด กำไรจำกัด
Long Put (LP) - สำหรับเทรนด์ขาลง / ขาดทุนจำกัด กำไรไม่จำกัด
Short Put (SP) - สำหรับเทรนด์ขาขึ้น / ขาดทุนไม่จำกัด กำไรจำกัด
กรณีขาดทุนจำกัด (Limited Loss) ที่ดัชนี SET50 (Spot) = มูลค่าพรีเมียม x จำนวนสัญญา x 200 บาท
กรณีกำไรไม่จำกัด (Unlimited Gain) ที่ดัชนี SET50 (Spot) = มูลค่าพรีเมียม x จำนวนสัญญา x (ดัชนี SET50 – Strike สัญญาที่ถือ) x 200 บาท