8 ก.ค. 2022 เวลา 14:37 • ท่องเที่ยว
#DayoffwithSciboy ep.8.2
" N o n g K h a i D. 2"
สวัสดีพี่น้องป้องปายสุผู้สุคนจ้าาาา กลับมาอีกแล้วนะคะสำหรับ #DayoffwithSciboy วันนี้เราจะมาต่อในส่วนของ ep.8.2 หนองคายวันที่ 2 ค่ะ ถ้าพร้อมแล้วเราไปเริ่มอ่านกันเลยค่าาาาา
เช้าวันที่สองของหนองคาย เราตื่นประมาณ 6 โมงครึ่งค่ะ เดินมาที่ระเบียง สูดอากาศให้เต็มปอด วันนี้ท้องฟ้าไม่สดใสเลยค่ะ เมฆครึ้มมาก ไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ตอนเช้าเลย มองออกไปเห็นผู้คนมาวิ่งออกกำลังกายกัน มองออกไปที่แม่น้ำเห็นชาวบ้านทั้งฝั่งไทย-ฝั่งสปป.ลาว หาปลากันอย่างขมักเขม้น เราว่าเป็นภาพหายากสำหรับเราเลยค่ะ
ท้องฟ้าและแม่น้ำยามเช้า
หลังจากนั้นเราไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วขับมอเตอร์ไซต์ไปที่ "ตลาดโพธิ์ชัย" เพื่อหาข้าวเช้าทานค่ะ
"ตลาดโพธิ์ชัย" อยู่ใกล้ ๆ วัดโพธิ์ชัยค่ะ เป็นตลาดสดขนาดกลาง มีของขายเยอะแยะมากมาย และเมนูเช้านี้เราทาน "ก๋วยจั๊บ" ค่ะ
ซึ่งร้านที่เราไปทานคือร้าน "ก๋วยจั๊บมินเจา" ค่ะ อยู่ภายในตลาดเลยจ้า หาไม่อยาก เราสั่งก๋วยจั๊บมา ราคาก็ไม่แรงนะ ชามละ 40 บาท เครื่องแน่น อร่อยและอิ่มมากกกกก
ก๋วยจั๊บมินเจาหนองคาย อยู่ในตลาดโพธิ์ชัยค่ะ
ในระหว่างทาน เราเลยถามพี่เจ้าของร้านไปว่ามีที่เที่ยวที่ไหนที่เราสามารถไปได้ก่อนเที่ยงบ้าง พี่เจ้าของร้านเลยแนะนำที่ "ศาลาแก้วกู่" หลังจากทานเสร็จ เราเลยเปิด google map ปักหมุดไปที่ศาลาแก้วกู่เลยค่ะ
ซึ่งตอนแรกขับไปขับมา google พาหลงค่ะ เลยถามจากคนข้างทาง กว่าจะมาถูก เล่นเอาเหนื่อยเลยค่ะ 555555555555
"ศาลาแก้วกู่" อุทยานเทวาลัย หรือเรียกอีกชื่อนึงว่า "วัดแขก" เป็นอุทยานที่มีรูปปั้นคอนกรีตเสริมเหล็กกว่า 200 องค์อยู่รวมกัน มีทั้งพระพุทธรูป พระโพธิสัตว์ และอื่น ๆ โดยผู้ก่อตั้งคือ "ปู่บุญเหลือ สุรีรักษ์" ภายใต้ concept "ทุกศาสนาสามารถอยู่ร่วมกันได้" โดยถ้าจะเข้าชมที่นี่จะมีค่าเข้าชม 20 บาทสำหรับผู้ใหญ่ค่ะ
ศาลาแก้วกู่ จังหวัดหนองคาย
ซึ่งที่นี่เปิด 7.00-17.00 ค่ะ ตอนเราไปเราไปประมาณ 8 โมงนิด ๆ เราเดินอยู่ด้านในรู้สึกได้ถึงความสงบค่ะ รู้สึกปลงกับชีวิตแบบบอกไม่ถูกเลยค่ะ และอากาศค่อนข้างดีเลย ร่มรื่น อยากให้ทุกคนมาจริง ๆ ค่ะ
อีกมุมนึงของศาลาแก้วกู่ จ.หนองคายค่ะ
หลังจากเดินชมเทวาลัยที่ศาลาแก้วกู่เสร็จ เราไปกันต่อที่สถานที่ใกล้ ๆ ที่พักเรานั่นก็คือ "พระธาตุหล้าหนอง" หรือ "พระธาตุกลางน้ำ" ค่ะ
"พระธาตุหล้าหนอง" หรือ "พระธาตุกลางน้ำ" ตามประวัติเดิมแล้ว เจดีย์นั้นอยู่ฝั่งริมน้ำจังหวัดหนองคาย ต่อมาถูกกระแสน้ำกัดเซาะจึงอยู่กลางแม่น้ำโขง ห่างจากฝั่งไทย 200 เมตร จะเห็นชัดในฤดูแล้ง ซึ่งตำนานเล่าว่า เป็นพระธาตุที่อยู่ในตำนานอุรังคธาตุที่บรรจุพระบรมสารีริธาตุ โดยประดิษฐานพระบรมธาตุฝ่าพระบาทเก้าพระองค์ แล้วก็ไม่วายค่ะที่เราจะเข้ามาสักการะ ขอพรให้ตัวเอง เอาฤกษ์เอาชัยกับทุกเรื่องที่กำลังจะเข้ามาค่ะ
พระธาตุหล้าหนอง หรือ พระธาตุกลางน้ำ จังหวัดหนองคาย
จากนั้นเรากลับมาที่ที่พักเพื่อเก็บของและ check out ค่ะ เราทำการ check out ออก 10 โมงเช้า พี่เจ้าของที่พักทักทายเราค่ะว่าเมื่อคืนหลับสบายดีมั้ย แถมบอกว่ารอบหน้ามาอีกนะ เรานี่ใจฟูเลยค่ะพี่เค้าน่ารักจริงๆ ร่างกายต้องการคาเฟอีนอีกแล้วค่ะ ก่อนที่จะไปสถานีรถไฟเราขอนั่งชิลเล็กน้อยที่ Beyond Cafe ค่ะ
Beyond Cafe เป็นร้านกาแฟชื่อดังอันดับต้น ๆ ของจังหวัดอุดรธานีค่ะ (ซึ่งเราเคยไปที่อุดรมาแล้ว) คราวนี้ร้านมาเปิดที่หนองคาย ร้านตกแต่งสไตล์ forest เหมือนอยู่ในสวนคล้ายๆของอุดร เมนูที่เราสั่งเป็นชาไทยกับบราวนี่ค่ะ รสชาติโอเคเลยค่ะ
Beyond Cafe หนองคาย
ระหว่างนี้เราก็นั่งชิล ๆ รอขึ้นรถไฟและติดต่อลุงหนุ่ยเพื่อจะส่งรถคืนค่ะ เมื่อใกล้ถึงเวลา เราก็ไปที่สถานีรถไฟเพื่อคืนรถให้ลุงหนุ่ยแล้วซื้อตั๋วรถไฟค่ะ ลุงหนุ่ยแถมทิ้งท้ายไว้ว่า มาหนองคายโทรหาลุง เดี๋ยวลุงมารับ โอ้ยคุณลุงขาาาาาา service ดีขนาดนี้ใจฟูเลยค่าาาาา
เรากลับรถไฟขบวนที่ 418 หนองคาย - นครราชสีมา ค่ะ ราคาตั๋วเท่าขามาคือ 35 บาทค่ะ รถไฟออก 12.55 จะถึงขอนแก่น(รวมหลีก) ประมาณ 4 โมงเย็นค่ะ
ถ่ายกับป้ายสักหน่อยยย
อ้อ ลืมบอกค่ะ สำหรับสถานีหนองคาย นอกจากบัตร ปชช. ที่ต้องใช้ในการซื้อตั๋วแล้ว อย่าลืมแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน COVID-19 ที่ได้รับอย่างน้อย 2 เข็มนะคะ !!!
พอเราซื้อตั๋วเสร็จ เราก็ไปเดินเล่นแถว ๆ สถานีเพื่อเก็บภาพสถานีมาฝากทุกท่านค่ะ
สถานีรถไฟหนองคาย
เมื่อถึงเวลา เราก็ขึ้นรถไฟค่ะ วันนี้คนเยอะมากๆเลย
ขบวนที่เรากลับค่ะ ใช้รถดีเซลราง RHN ซึ่งจะพบเห็นแค่สายอีสานเท่านั้นนะคะ
สามชั่วโมงที่เรารอคอย ในที่สุดเราก็ถึงขอนแก่นแล้วค่าาา
สถานีรถไฟขอนแก่น
ทริปนี้เป็นทริปที่เรา backpack ไปเที่ยวคนเดียวครั้งแรก บอกเลยว่าตื่นเต้นและท้าทายมาก ๆ และสนุกมาก ๆ ค่ะ และสิ่งที่สอนเราในทริปนี้เลยก็คือ "การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าค่ะ" ทำให้เราตัดสินใจและแก้ปัญหาได้เร็ว คนหนองคายใจดีมากกกกกกกกถึงมากที่สุดค่ะ และเมืองนี้เป็นเมืองที่น่าอยู่จริง ๆ ค่ะ slow life สุด ๆ และมันทำให้รู้ว่าการมาเที่ยวคนเดียวไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แล้วเราก็ก้าวออกจาก safe zone ตรงนั้นได้แล้วค่าาาาาา
มาถึงส่วนสำคัญนั่นคือ "ค่าใช้จ่าย" ที่เราจ่ายไปในทริปนี้ มีอะไรบ้าง มาอ่านกันค่ะ
1. ค่ารถไฟ 35 บาท = 35×2 = 70 บาท
2. ค่าที่พัก (+vat & service charge แล้ว) = 556 บาท
3. ค่าเช่ามอเตอร์ไซต์ 1 วัน + รับส่งรถ = 250 บาท
4. ค่าอาหาร day1 (ร้านพริกหวาน+ร้านบ้านทวด+ร้านกิ่งแก้ว) = 287 บาท
5. ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ = 50 บาท
6. ค่าอาหาร day2 (มินเจา + beyond cafe) = 140 บาท
7. ค่าเข้าชมศาลาแก้วกู่ = 20 บาท
8. ค่าน้ำมันรถ = 100 บาท
9. ค่าของฝาก = 200 บาท
***ไม่นับในส่วนของดอกไม้ธูปเทียนที่วัดโพธิ์ชัยกับพระธาตุกลางน้ำนะคะ เพราะทำบุญตามศรัทธาค่ะ***
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับ trip นี้ = 1,673 บาทไทยค่ะ 😁
ใครมาหนองคายแล้วสนใจที่จะเช่ารถลุงหนุ่ยสามารถโทรไปสอบถามได้ที่เบอร์ 081-9754863 เบอร์ลุงหนุ่ยเองเลยค่ะ หรือที่เพจ facebook "Nui motorcycle and bicycle for rent" นะคะ
จบไปแล้วสำหรับ trip หนองคายนี้ อยากให้ทุกคนมาเที่ยวหนองคายกันเยอะ ๆ นะคะ เพราะเมืองนี้ไม่ได้มีแค่พญานาค แต่มีมากกว่านั้น และบ่าวหนองคายใจไม่หลอกลวงแน่นอนค่ะ 5555555 😀
อย่าลืมกด like & share บทความนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้เราในการทำ blog ต่อไปนะคะ
สำหรับวันนี้ขอกล่าวคำว่า
"ขอบคุณและสวัสดีค่ะ" 😀
โฆษณา