Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ห
หลอมจิตวิญญานคมปัญญา
•
ติดตาม
10 ก.ค. 2022 เวลา 10:21 • ธุรกิจ
#เข้าใจกฎธรรมชาติ (ไตรลักษณ์) เพื่อปลูกฝังจิตวิญญานของความมั่งคั่งอย่างมีความสุข
***คนมักตีความไตรลักษณ์เน้นเส้นทางโลกุตาระ(เอาคำสอนสุดท้ายมาสอนกลุ่มโลกิยสุขที่เพิ่งไต่เต้าความสุขทางโลก=โลกิยสุข)
และไปคิดเองว่ากฎธรรมชาติ
ไม่ว่าอริยสัจ4 , ไตรลักษณ์, ปฏิจจสมุปบาท(เหมือนจบป.เอกเอามาปรับใช้ทางโลกิยสุข/เหมือนนักเรียนมัธยมไม่ได้)
ก็เลยทำให้กฎธรรมชาติที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ อยู่แต่วงการแคบๆ รวมทั้งยังคิดว่า ต้องบาลีและสันสกฤติเท่านั้นจึงตีความชัดเจน
คนไทยทั่วไปเลยไม่ค่อยรู้ความหมาย ในสิ่งมี่พุทธองค์ตรัสรู้
ถ้าไม่ได้อ่านพุทธธรรมชองท่าน ป.อ.ปยุตโต(สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์)
ซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้น บางคนอ่านบาลีไม่ออก ไปเก็บวาทะพุทธองค์จากคนนั้นคนนี้ (เกจิอาจารย์ต่างๆค่าย)มาอ้างเป็นพุทธวัจนะไปซะอย่างนั้นเพื่อเรียกความขลัง
สิ่งที่พระไตรปิฎกสังคายนายและบันทึกบาลีบ้าง สันสกฤติบ้างที่เป็นนิกายเถรวาท
ก็เป็นการตีความของคณะเกจิดังสุดสมัยนั้นบันทึกไว้
แค่เรื่องไตรลักษณ์ ยังเถียงกันจะเป็นจะตาย จนทำให้คนคิดลบมองไม่ครบองค์รวม (holistic)
ก็ตีความว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งความทุกข์(ทุกขัง) แทนที่จะมององค์รวมว่า
พุทธศาสนาสอนว่า #ทุกข์อยู่ จิตคิดว่าปัญหานั้นคือทุกข์
แต่พุทธจะเน้นว่า
ปัญหาที่เกิดจะต้องเปลี่ยนเป็นปัญญาเสมอ
ก็เลยไม่รู้จักว่าเมื่อแก้เหตุปัจจัย(สาเหตุหลัก)
จะตอบโจทย์ได้ว่า
ปัญหากลายเป็นปัญญาไป
วิกฤติแปรผันเป็น"โอกาส"ไปในที่สุด
ก็จะรู้ว่าความสุข แท้จริงเป็นอย่างไร
พระพวกตีความ "ลึกเกินพอดีอยากทุกคนในโลกนี้
บรรลุเป้าหมายสุดท้าย
คือหวังดีที่กลายเป็นหวังร้าย
เพราะความ "ไม่เกิดไม่ดับ"นั้น
ต้องบำเพ็ญภาวนานานหลายกัลป์
ไม่ใช่ "ลิงจะกลายเป็นหณุมานไปเลย
เพราะคนบางคนเกิดมาเพื่อ "ยังต้องชดใช้กรรม"
เพราะเพิ่งโผล่มาจากนรก หรือหลัเจากสภาวะความเป็นสัตว์เดรฉาน
บางคนเกิดมามุ่ง "ใช้ชีวิต"
เพราะเพิ่งลิ้มรสขาติความเป็นีนแค่ ครั้งสองครั้ง
จะมีสักเท่าไหร่ที่เกิดมาเพื่อ"สร้างวาสนา" "สร้างบุญบารมี"
พระทีเป็นพระนี้ ก็ชวนคนบวชเป็นพระ เป็นชี
เพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับตนเอง
แทนการปลดทุกข์ตามแนวทางอริยสัจ4ได้
ถ้าพระเยอะชีแยะ แล้วจะมีฆราวาสเป็นทหารตำรวจพ่อค้าได้อย่างไีร
#ทุกขังนั้น เมื่อแก้ได้หมดปัญญาง่ายๆ ไม่ใข่จะหมดปัญหาเลย กลับมีปัญหาที่ยุ่งยากสลับซับซ้อน
เพราะ "ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว"
กลุ่มโลกิยสุขจึงต้องฝึกฝนความเป็นมนุษย์
ด้วยการสร้างโอกาสใหม่ๆ
หาเส้นทางใหม่ที่ดีกว่าเดิม/S-curve
มาเติมเปลี่ยนชีวิตใหม่ให้รวยให้สุขกว่าเดิม เมื่อผ่านการตอบโจมย์เดิมมาแล้ว
ไม่ใช่จะ "งอมืองอตีนยอมรับคิดว่าเป็นวิบากกรรม"
โดยไม่เข้าใจว่า พุทธองค์ตรัสว่า
#มนุษย์เท่าเทียมกันในการกำหนดชะตาชีวิตตนเอง
คนมามืด(ตามวิบากรรมในบรรพชาติก็แค่1/3)
ก็ไปสว่างได้(ตามกุศลกรรมใหม่ในภพปัจจุบัน=2/3)
ชีวิตมนุษย์จึงมีทั้งขึ้นมีทั้งลงตามกรรม(การกระทำทั้งกุศลและอกุศลกรรม)
จึงต้องมี #อนัตตา คือการไม่ติดยึดในตัวตน(คนคือธาตุดินน้ำลมไฟ
ที่ต้อง "ปลูกฝังจิตวิญญาน"
ไว้ที่ เจตสิก=เปลือกหุ้มของจิต
ประหนึ่งการเปลี่ยน "ดีเอนเอ"บางส่วนใหม่ ที่ดีกว่าเก่าสม่ำเสมอเพื้อภพต่อไป
จะติดตัวมาเกิดด้วย
#จิตที่แม้ไม่มีรูป=อรูป
กลับเป็นพลังงานที่เชื่อมกับ "จิตจักรวาล"
ที่ถือเป็นพลังจักรวาลที่มนุษย์ที่ฝึกฝนจิตแล้วถูกต้อง
จะได้ดึงพลังมาใช้
จึงเน้นว่า อย่าติดยึดตัวตนเพราะไม่เที่ยง
บางคนก็บอกปล่อยวาง(หนักก็วางซะ)
บางคนก็บอกทำจิตว่าง(มนุษย์นั้นจิตเกิดดับๆๆๆๆตลอด)
จะทำให้จิตว่างได้ก็ต้องเป็นอรหันตร์ที่วิญาณ/ใจยังคงรับรู้เสมือรจิตเป็นรอยมีดกรีดที่น้ำ แต่ชั่วแว๊ปปิ๊ง จิตก็ว่างเปล่า คนธรรมดาทำได้แค่ รอยมีดกรีดที่หินปนับจิตใจตนเป็นรอยมีดกรีดที่ทรายสำหรับกลุ่มโลกิยสุขที่ฝึกฝนจิตแล้ว
หรือประหนึ่ง "รอยมีดกรีดที่น้ำ"ของคนกลุ่ม "ไม่เกิดไม่ดับ"
เพราะความเป็นมนุษย์ยังคงมี "ความรู้สึก "โลภโกรธหลง"
แต่ก็ชั่วแว๊ปเพราะการฝึกปลดกิเลศตัณหามาแล้ว
**โดย ศ.ดร.ดิเรก ฤกษ์หร่าย 10 กรกฏาคม 2565
www.blockdit/direkrekrai
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย