Thor: Love and Thunder ธอร์ ยามเมื่อลมพัดหวน...ด้วยรักและอัสนี
ฮีโร่ก็หัวใจสลายได้ด้วยความรัก กระทั่งในยามเมื่อลมพัดหวน...ด้วยรักและอัสนีจึงต้องมา
หลังจากออกตลุยกาแล็คซี่ร่วมกับทีมการ์เดียนท์เป็นเวลานาน ธอร์ผู้อ้างว้างก็ต้องจากลาก๊วนแสบอวกาศเพื่อไปตามล่าเบาะแส “กอร์...มือล่าสังหารทวยเทพ” ที่ไล่ฆ่าเทพเจ้าทั่วจักรวาล จนมาถึงดินแดนแอสการ์ดบนโลกมนุษย์ ที่นี่ ธอร์ ได้พบกับค้อนโยลเนียร์อีกครั้ง หากแต่มันมีเจ้าของใหม่ที่ชื่อ ไมตี้ธอร์ หรือ เจน ฟอสเตอร์ อดีตรักเก่าที่ไม่เคยลืมเลือนของธอร์ เรื่องรักเรื่องรบและกลิ่นถ่านไฟเก่าที่เริ่มคุไปด้วยรักและอัสนี
‘ธอร์’ เป็นซูเปอร์ฮีโร่คนแรก และน่าจะเป็นคนเดียวของมาร์เวลสตูดิโอที่มีภาคต่อมาถึงภาคที่ 4 แล้ว (น่าจะไล่ไปครบ 6 ) ใน Love and Thunder เป็นการกลับมากำกับอีกครั้งของ ไทกา ไวติติ หลังจากทำได้ดีงามพระรามสามใน Thor: Ragnarok ในภาคนี้ ไวติติ ยังคงแม่นยำกับสัดส่วนของอารมณ์ขันผสมแอ็คชั่นแบบซูเปอร์ฮีโร่เคล้าคลอไปด้วยการใช้เฮฟวี่เมททัล
การเลือกใช้เพลง Sweet Child O’ Mind มาใช้ได้อย่างเหมาะเจาะกับโทนหนัง เพียงแต่เพลงนี้ของวงในตำนาน Gun N’ Roses ที่มาฟังในยุคนี้ ทำไมมันไม่โหดอัดหูเหมือนยุคนั้นก็ไม่รู้...
คริส เฮมเวิร์ธ ยังคงเป็น ธอร์ โอดินสัน ที่เราคุ้นชินแบบเข้าเส้น ก็แหงล่ะ มาถึงเฮมเวิร์ธอยู่กับการเป็นธอร์เดี่ยว 3 ภาค Avengers อีก 4 ภาคแล้วนี่นะ
ที่น่าสนใจคือการกลับมารับบทเป็น ดร.เจน ฟอสเตอร์ ของ นาตาลี พอร์ตแมน เพิ่มเติมคือโหมดแอ็คชั่นจากการเป็น ไมตี้ธอร์ ถ้าจำไม่ผิดพอร์ตแมนแทบจะไม่เคยแสดงแอ็คชั่นเลยด้วย บทหนังเล่าที่มาที่ไปของการได้พลังเทพเจ้าสายฟ้าของเจน พร้อมกับเคลียร์ใจของเธอกับธอร์ในระหว่างภารกิจกู้จักรวาล
คริสเตียน เบลล์ ที่พอย้ายฟากจากดีซีมาเป็นมาร์เวล ก็ขอเป็นวายร้ายประจำภาคนี้ กอร์ นักล่าทวยเทพ อันที่จริงการเลือกเบลล์มารับบทนี้ทำให้คนดูได้เห็นปูมหลังอันบอบช้ำที่ผลักให้กอร์กลายเป็นวายร้ายและเหตุผลทำไมต้องไล่ฆ่าเทพเจ้า แต่จะว่าไปยิ่งเห็นเบลล์ในเมคอัพหน้าขาวแบบนี้ ยิ่งเหมือนพี่น้องวงพรูเข้าไปใหญ่ ดู ๆ ไปก็นึกว่าดูพี่น้อยแสดง
เทซซา ธอมป์สัน กลับมาเป็น วัลคีรี่ อีกครั้ง บทอาจจะไม่เด่น แต่ก็มีช่วงเวลาของตนเอง
ไทกา ไวติติ ยังคงให้เสียงมนุษย์หิน กอร์ก เช่นเดียวกับบรรดาก๊วนการ์เดียนท์ที่มากันครบในช่วงต้นเรื่อง เห็นแล้วยิ่งทำให้คิดถึงอยากดู Guardians of The Galaxy Volume 3 เร็ว ๆ และ ลุงรัสเซลล์ โคร์ว ผู้รักเมืองไทย โผล่ในหนังกับบท ซูส เทพเจ้าสายฟ้ากับเขาด้วย
อ้อ...ไม่พูดถึงคงไม่ได้ สำหรับเจ้าแพะจอมแหกปากทั้งสองที่อ้างอิงจากคอมิคส์ที่อ้างอิงจากเทพปกรณัมเทพเจ้าไวกิ้งอีกที (งงมั๊ย?) ทูธไกรน์เดอร์ และ ทูธแนชเซอร์ ซึ่งเป็นแพะคู่กายของธอร์
ภาพรวมของหนังยังคงสนุกตามมาตรฐานของหนังมาร์เวล ไม่รู้ว่าผมรู้สึกคนเดียวรึเปล่า ตั้งแต่ Dr.Strange ภาค 2 มาแล้ว เริ่มรู้สึกว่า หนังมาร์เวลมันดูจบแล้วก็แล้วกัน เส้นเรื่องไม่ต่างกัน มีหายนะ และซูเปอร์ฮีโร่ต้องกอบกู้ให้สำเร็จ มีแค่นั้นจริง ๆ ส่วนปลีกย่อยนั่นล่ะที่ทำให้ยังต้องตามเข้าไปดู เหมือนในภาคนี้ ความสงสัยที่ว่าทำไมเจน ฟอสเตอร์ถึงได้เป็นเจ้าของค้อนโยลเนียร์
การเจ็บปวดจากความรัก ก็ทำให้ความเจ็บปวดนั้นไม่ว่างเปล่า คนบางคนคือเหตุผลที่ทำให้เรายอมเจ็บปวดจากความรักเพื่อจะค้นพบว่า ครั้งหนึ่งเราเคยรักใครบางคน
สุดท้าย ความรักก็ทำให้เราเข้าใจและเติบโตเสมอ นั่นคือสิ่งที่เราค้นพบใน Thor: Love and Thunder
Thor: Love and Thunder (2022)
Directed: Taika Waititti/Starrring: Chris Hemsworth, Natalie Portman, Christian Bale, Tessa Thompson
ที่มาข้อมูล/ภาพประกอบ: IMDb, Wikipedia, Youtube, Rotten Tomates, disney.co.th, Marvel Thailand, Major Cineplex
วันที่ไปดู Thor: Love and Thunder มีโอกาสได้จับค้อนโยลเนียร์กับเขาด้วย สัมผัสได้ถึงพลังสายฟ้าเลยอ่ะ 😝
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
