10 ก.ค. 2022 เวลา 13:40 • ธุรกิจ
ติดอาวุธธุรกิจยุคดิจิทัล โดย พี่นำเข้า
EP1 ผลตอบแทนต่อความโชคดี/โชคร้าย (Return on Luck: ROL)
1
เพื่อนๆ ที่เป็นเจ้าของธุรกิจ, ทีมงานที่ดูแลการลงทุนของบริษัท และนักลงทุน คงจะพอคุ้นเคยกับตัวเลข ผลตอบแทนต่อการลงทุน (Return on Investment: ROI) หรือผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (Return on Equity: ROE) กันมาบ้าง
2
แต่พอดีช่วงสุดสัปดาห์ ที่ผ่านมา แอดมินได้มีโอกาสไปเข้าร่วม Workshop ที่รวมสตาร์ตอัพดาวรุ่งของไทย 18 บริษัท (ดีใจที่บริษัทสตาร์ตอัพที่แอดมินทำงานอยู่ ก็ได้เข้าเป็นหนึ่งใน 18 ทีมนั้นด้วย)
1
และแอดมิน ได้มีโอกาสพูดคุยกับเพื่อนผู้ประกอบการ ที่มีความเชี่ยวชาญในหัวข้อที่แอดมิน กำลังสงสัย อยากหาคนให้คำปรึกษาพอดี!
ในมุมหนึ่ง แอดมินก็คิดว่า ตัวเองท่าจะเป็นคนที่โชคดีมากๆ
อีกมุมหนึ่ง ก็มานั่งคิดว่า คนเราทำธุรกิจให้สำเร็จ จะอาศัย “โชค” หรือ “Luck” เป็นหลัก มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
คำว่าโชค นั้นมีทั้งโชคดี (Good Luck) และโชคร้าย (Bad Luck) แต่จริงๆแล้ว ไม่ว่าจะโชคดี หรือ โชคร้าย ก็อาจมี “โอกาส” ที่ซ่อนอยู่
3
บทความนี้แอดมินจะมาเล่าให้ฟังถึงแนวคิด ผลตอบแทนต่อความโชคดี/โชคร้าย (Return on Luck: ROL) ให้เพื่อนๆ ฟัง
แนวคิดดังกล่าว มาจากหนังสือ Great by Choice ที่เขียนโดย Jim Collins ผู้เขียนหนังสือธุรกิจ ชื่อดังอย่าง Good to Great และ Built to Last
จุดเริ่มต้นของหนังสือเรื่อง Great by Chance มาจากคำถามที่ว่า “ในขณะที่โลกอยู่ในยุคที่มีแต่ความไม่แน่นอน และยุ่งเหยิง ทำไมบางบริษัทถึงเจริญรุ่งเรืองได้ ในขณะที่บางบริษัทกลับล้มเหลว”
Jim Collins และทีมวิจัยของเขา ทำการวิเคราะห์บริษัทกว่า 20,400 บริษัท และคัดเลือกบริษัทระดับท๊อป มาทั้งสิ้น 7 บริษัท ตัวอย่างเช่น Microsoft และ Southwest Airlines เป็นต้น และเรียกบริษัทเหล่านี้ว่า “แก๊งค์ 10 เท่า” คือ เป็นกลุ่มบริษัทที่ทำผลงาน ชนะคู่แข่ง เกิน 10 เท่า ตลอดช่วงเวลา 15 ปีย้อนหลัง ที่ Jim ทำการวิเคราะห์
ผลตอบแทนต่อความโชคดี/โชคร้าย หรือ Return on Luck คืออะไร หากพร้อมแล้วไปติดตามกันเลย
=====================
นำเข้าความรู้ ส่งออกความคิด
ติดตาม นำเข้าส่งออกสุดขอบฟ้า
=====================
ตัวอย่างกรณีศึกษา ที่ Jim Collins ให้มุมมองเอาไว้ ก็เป็นบริษัท ที่หลายๆ คนรู้จักแน่นอน นั่นก็คือ Microsoft
แน่นอนว่า Jim Collins จัดให้ Microsoft อยู่ใน “แก๊งค์ 10 เท่า” หรือ 10Xer ที่เรียกได้ว่าปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ในช่วงปี 1980-2000
มองมุมหนึ่ง ผู้ก่อตั้ง Microsoft อย่าง Bill Gates ดูจะเป็นคนที่โชคดีมาๆ เกิดในครอบครัวชนชั้นกลางค่อนไปทางสูง (รวย) ที่สหรัฐอเมริกา ได้รับการศึกษาในโรงเรียนชั้นนำของประเทศ และเกิดในยุคที่เริ่มมีการพัฒนาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลพอดีเป๊ะ!
หาก Bill Gates เกิดก่อนหน้า 10 ปี หรือเกิดช้าไป 5 ปี ก็คงไม่ได้รับโอกาสดีๆ แบบนี้
แต่กลับกัน หากลองตั้งคำถามว่า
Bill Gates เป็นคนเดียวในโลก ที่เกิดในครอบครัวอเมริกัน ชนชั้นกลางค่อนไปทางสูง ใช่หรือไม่?
Bill Gates เป็นคนเดียวในโลก ที่เกิดช่วงปี 1950 ที่มีโอกาสเข้าถึงคอมพิวเตอร์ตอนเรียน มัธยม ใช่หรือไม่?
Bill Gates เป็นคนเดียวในโลก ที่ได้อ่านบทความในนิตยสาร “Popular Electronics” ที่ได้อ่านบทความเกี่ยว
กับ Microcomputer ที่เป็นต้นแบบของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ใช่หรือไม่?
Bill Gates เป็นคนเดียวในโลก ที่เขียนภาษา BASIC เป็นใช่หรือไม่?
คำตอบที่ได้ก็คือ ไม่ ไม่ ไม่ และไม่
ความแตกต่างระหว่าง Bill Gates กับคนอื่น ไม่ใช่เรื่องของ โชค (Luck) แต่เป็นการสร้างผลตอบแทนจากโชค หรือ Return on Luck ต่างหาก
Jim Collins เสนอแนวคิด โดยให้คิดภาพ กราฟในรูปแบบ 2x2 - ดูรูปประกอบ
โดยแกนนอน คือ โชค ที่เกิดขึ้น (ไม่ว่าจะโชคดี หรือ โชคร้าย)
ส่วนแกนตั้ง คือ การหาผลตอบแทนต่อโชค (ไม่ว่า Return on Luck สูง หรือ Return on Luck ต่ำ)
เราสามารถ แบ่ง รูปแบบเหตุการณ์ ที่อาจเป็นไปได้ เป็น 4 เหตุการณ์ ก็คือ
1
หนึ่ง โชคร้าย และ Return on Luck ต่ำ: สามารถทำให้ธุรกิจล้มได้เลย
สอง โชคดี และ Return on Luck ต่ำ: ธุรกิจไม่ไปไหน รอวันตาย
สาม โชคร้าย และ Return on Luck สูง: พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เป็นจุดเปลี่ยนของ แก๊งค์ 10 เท่า
สี่ โชคดี และ Return on Luck สูง: เป็นสิ่งที่แก๊งค์ 10 เท่า ต้องทำอย่างต่อเนื่อง
Jim Collins สรุปว่า แก๊งค์ 10 เท่า หรือบริษัท ที่ทำผลงานดีกว่าคู่แข่ง เป็น 10 เท่า มีเหนือกว่าบริษัทอื่นๆ ที่ Jim Collins และทีมงานศึกษา ไม่ใช่เกิดจาก
- ไม่ได้เจอเรื่อง โชคดี มากกว่าบริษัทอื่นๆ
- ไม่ได้เจอเรื่อง โชคร้าย น้อยกว่าบริษัทอื่นๆ
- ไม่ได้เจอเรื่อง โชคดี เร็วกว่าบริษัทอื่นๆ
- ไม่ได้เจอเรื่อง โชคดีคั้งใหญ่ เหมือนถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง
สิ่งที่ แก๊งค์ 10 เท่า ดีกว่าบริษัทอื่นๆ ก็คือ คนที่สามารถหาผลตอบแทนต่อโชค Return on Luck ได้ในระดับที่สูงกว่าบริษัททั่วๆ ไป
ซึ่งบริษัท หรือคนที่ประสบความสำเร็จ เหล่านั้น มักจะบอกว่าตัวพวกเขา โชคดี จึงได้พบกับความสำเร็จ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ พวกเขา ไม่ได้เอาแต่โทษสถานการณ์ โทษความโชคร้าย ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขา ล้มเหลว...
สำหรับวิธีการ ที่จะสร้าง Return on Luck ที่สูงก็คือ
(1) สร้างความสามารถ ในการที่จะ zoom out หรือลองมองภาพใหญ่ เพื่อเช็คว่า มีโชคดีหรือโชคร้าย เกิดขึ้นหรือไม่
(2) วิเคราะห์ ว่า โชคดี หรือโชคร้ายที่เกิดขึ้น มีอะไรที่ กระทบแผนงานของเราหรือไม่
2
(3) เตรียมพร้อมรับมือ โชคร้าย ที่เกิดขึ้น อยู่รอดให้ได้
(4) พยายามหาผลตอบแทน หรือ Return จากทั้ง โชคดี และโชคร้ายให้ได้
อย่าลืม ว่า โชคดี หรือ โชคร้ายที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ กลยุทธ์ธุรกิจ
Return on Luck หรือ ผลต่อแทนต่อโชค ต่างหาก ที่เรีกยว่า เป็น “กลยุทธ์” เป็นสิ่งที่เราเลือกที่จะทำได้
จะว่าไปแล้ว เพื่อนๆ ที่เข้ามาติดตามเพจ นำเข้าส่งออกสุดขอบฟ้า ส่วนหนึ่ง ก็น่าจะเริ่มติดตามกัน ช่วงที่มีปัญหา ตู้คอนเทนเนอร์ เมื่อปลายปี 2020 และตามด้วย เรือยักษ์ขวางคลองสุเอซ ช่วงต้นปี 2021
ในมุมมองคนทำคอนเทนต์ ก็ถือเป็นโชค ที่ผ่านเข้ามาจังๆ
แต่ถ้าก่อนเหตุการณ์นั้นๆ แอดมินนั่งเฉยๆ ไม่ได้ทำเพจมาก่อน ไม่ได้เขียนบทความ ไม่ได้ติดตามสถานการณ์
พอมีโชค หรือ “โอกาส” เกิดขึ้น ก็อาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งนั้น คือ โชค หรือ “โอกาส” ครั้งสำคัญที่ผ่านเข้ามา
ความสม่ำเสมอ และการแสวงหา Reture on Luck ในระดับสูงต่างหาก ที่สร้างความแตกต่าง...
และก็ต้องขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านด้วยที่ยังติดตามอ่านกันเสมอมา - เพื่อนๆ รอติดตามผลงานในรูปแบบใหม่ๆ กันได้เลย โดยหากใครชอบ บทความแนวนี้ช่วยกด like และกด share เป็นกำลังใจให้กันด้วย :)
ปิดท้าย Jim Collins สรุปว่า โชคที่สำคัญที่สุด ก็คือ “Who Luck” หรือโชคที่เราได้รู้จักใครสักคน
ทั้งการมี Mentor หรือที่ปรึกษาดีๆ หรือการมีเพื่อนร่วมงาน, เจ้านาย, ลูกน้อง, หรือคู่ครอง ที่ใช่
ให้เราสร้างความสัมพันธ์ ให้หนักแน่น กับคนที่เราอยากที่จะเสี่ยงร่วมกับเค้า และเค้าก็ยินดีที่จะเสี่ยง เดินร่วมทางด้วยกัน…
คำถามที่อยากฝากไว้คือ
“ใครคือคนที่คุณรู้สึกว่าคือ โชคดีที่สุด ของคุณ?”
=====================
ไม่อยากพลาดบทความดีๆ แบบนี้
กด see first ติดตามเพจ “นำเข้าส่งออกสุดขอบฟ้า”
หรือเข้าร่วมกลุ่ม line Openchat
รับข่าวสารกันได้เลย
=====================
1
ประชาสัมพันธ์: เรื่องที่แอดมิน กำลังสนใจ ที่เกริ่มตอนแรก ก็คือ เรื่องการบริหารเงินทุนหมุนเวียนของธุรกิจระหว่างประเทศ ทั้งผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ผู้ให้บริการขนส่งระหว่างประเทศ
เลยขอเชิญเพื่อนๆ ช่วยทำแบบสอบถาม ถือว่าเป็นการ แลกเปลี่ยนมุมมอง เกี่ยวกับเรื่องนี้
โฆษณา