11 ก.ค. 2022 เวลา 08:30 • นิยาย เรื่องสั้น
โอกาสของหัวใจ พุทธศักราช 2612
1. ณ ห้องผ่าตัดหมายเลข 3 ตั้งอยู่บริเวณชั้นล่างของอาคารสถาบันโรคหัวใจและทรวงอกประชานฤบดี วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2611 เวลา 14.45 น. โคมไฟผ่าตัดในห้องสว่างเจิดจ้า
บริเวณกลางห้องมีคนไข้ชายคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงผ่าตัดชนิดพิเศษที่ฝังเซนเซอร์ตรวจวัดค่าต่างๆของร่างกายไว้พร้อม คนไข้มีผ้าสีเขียวที่ใช้สำหรับผ่าตัดคลุมตั้งแต่ต้นคอลงมาถึงหัวเข่า บนผ้ามีรูรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกว้างแปดนิ้ว ยาวหนึ่งฟุตครึ่ง เผยให้เห็นผิวหนังของคนไข้ตั้งแต่เหนือลิ้นปี่ลงมาเกือบถึงบริเวณสะดือตามแนวกึ่งกลางลำตัว
แขนกลจำนวนสิบแขนถูกยึดติดอย่างมั่นคงกับพื้นห้องรอบเตียงคนไข้ แต่ละแขนมีขนาดความยาวและอยู่ในระดับสูงต่ำแตกต่างกันกำลังหมุนส่ายไปมา ที่ปลายแขนกลแต่ละอันมีข้อต่อ รูปร่างเหมือนคีม หัวสามแฉกและหัวห้าแฉก ซึ่งแต่ละแฉกมีข้อต่อสามข้อที่ขยับไปมาได้คล้ายนิ้วมือมนุษย์
แขนกลทุกอันติดกล้องเปิดไฟส่องสว่างส่งเสียงดัง “วืด... วืด...” เป็นจังหวะเบาๆ ถัดจากแขนกล มีถาดใส่เครื่องมือผ่าตัดขนาดใหญ่สี่ถาด เครื่องมือแต่ละชิ้นถูกจัดวางเป็นระเบียบตามประเภทการใช้งานอยู่บนผ้ารองสีเขียว
ถัดจากนั้นเป็นอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งเครื่องดมยาสลบ เครื่องวัดความดัน เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ เครื่องวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด เครื่องผลิตออกซิเจน เครื่องจี้ไฟฟ้า ปั๊มเลือด รวมถึงเครื่องปอดและหัวใจเทียมที่จะทำหน้าที่แทนหัวใจและปอดของคนไข้ระหว่างศัลยแพทย์ทำการผ่าตัด วางเรียงรายตามตำแหน่งอยู่รอบห้องอย่างครบครัน
บนชั้นสองของตัวอาคารเป็นห้องควบคุมการผ่าตัด ตั้งอยู่ตรงกับห้องผ่าตัดหมายเลข 3 ที่อยู่ชั้นล่างพอดี ในห้องศาสตราจารย์ นายแพทย์กำพล ตันนุรักษ์ หัวหน้าสาขาวิชาศัลยศาสตร์และทรวงอก สถาบันโรคหัวใจและทรวงอกประชานฤบดี เป็นศัลยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัด พร้อมด้วยรองศาสตราจารย์ นายแพทย์อ่อง เทียมทัน ศัลยแพทย์ผู้ช่วย นายแพทย์ประสงค์ สุจริต วิสัญญีแพทย์ วิสัญญีพยาบาลและพยาบาลห้องผ่าตัดอีกห้าคน ยืนอยู่กลางห้องที่มีรูปทรงและขนาดเท่ากับห้องผ่าตัดหมายเลข 3
บริเวณผนังห้องแต่ละด้านมีกล่องขนาดหนึ่งลูกบาศก์ฟุตติดอยู่กึ่งกลางเหนือพื้นห้องราวหนึ่งฟุต ที่ด้านข้างกล่องมีเลนส์ฉายแสงขนาดเท่าหัวเข็มหมุดสามตัวมัดติดกันจำนวนสามชุดโผล่ออกมา ส่วนผนังห้องและเพดานมีเซนเซอร์อัจฉริยะฝังกระจายกันอยู่จำนวน 120 ตัว แต่ละตัวสามารถจับความเคลื่อนไหวได้ละเอียดในระดับเศษหนึ่งส่วนพันของมิลลิเมตร ซึ่งในห้องนี้แม้กระทั่งมีมดเดินแค่ก้าวเดียวเซนเซอร์ก็จับความเคลื่อนไหวได้แล้ว
นายแพทย์กำพลหันไปพยักหน้ากับเจ้าหน้าที่ในห้องควบคุมระบบบนชั้นลอย เจ้าหน้าที่กดปุ่มสีเหลืองขนาดเท่าลูกกอล์ฟบนแผงควบคุม
ทันใดนั้น เลนส์แต่ละตัวในกล่องแต่ละใบ ส่องลำแสงสีแดง เหลืองและน้ำเงิน ความเข้มสูงออกมา ตอนแรกลำแสงแต่ละเส้นมีขนาดเพียงหนึ่งมิลลิเมตร แต่อึดใจต่อมา ลำแสงแต่ละเส้นกลับกระจายออกเป็นลำแสงเล็กๆ เท่าเส้นผมจำนวนนับหมื่นแผ่ขยายออกไปเหมือนวงกระเพื่อมของน้ำ ลำแสงนั้นสอดประสานกันเกิดเป็นภาพสามมิติภายในห้องผ่าตัดหมายเลข 3 ไม่ผิดเพี้ยนฉายไปทั่วห้อง ราวกับว่าทีมผ่าตัดทุกคนได้ยืนอยู่ในห้องผ่าตัดหมายเลข 3 ในเวลาเดียวกัน
นายแพทย์กำพล นายแพทย์อ่อง และคนอื่นๆ เดินเข้าประจำที่เตรียมผ่าตัด เมื่อเข้าประจำที่แล้ว นายแพทย์กำพลพยักหน้าให้เจ้าหน้าที่บนห้องควบคุมระบบอีกครั้ง คราวนี้ เจ้าหน้าที่กดปุ่มสีเขียวบนแผงควบคุม มีเสียง “ปี๊บ” ดังออกมาสามครั้งจากกล่องข้างผนัง นายแพทย์กำพลลองทดสอบเอามือข้างซ้ายแตะไปที่แขนท่อนล่างข้างขวาของคนไข้ จนรู้สึกได้ว่ามีแรงต้านหยุ่นมือคล้ายสัมผัสกับผิวหนังคนจริงๆ แต่พอออกแรงกดที่นิ้วหัวแม่มือบนผิวหนังคนไข้มากขึ้นจนเกินแรงต้านนั้น นิ้วหัวแม่มือของนายแพทย์กำพลกลับจมหายลงไปในผิวหนังของคนไข้
นายแพทย์กำพลพยักหน้าให้ทีมผ่าตัดแล้วพูดขึ้นว่า “เวลา 15.00 น. เริ่มการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจและทำบายพาสหัวใจ คนไข้ชื่อนายปรเมษ อินทัช อายุ 68 ปี”
นายแพทย์ประสงค์ วิสัญญีแพทย์ เริ่มให้คนไข้ดมยาสลบ ซึ่งไม่ว่าเขาปรับหรือหยิบจับเครื่องมือและอุปกรณ์ดมยาสลบใด เหล่าแขนกลที่อยู่ในห้องผ่าตัดก็จะทำตามไม่มีผิดเพี้ยน ไม่นานเมื่อคนไข้สลบแล้ว นายแพทย์กำพลรับมีดผ่าตัดจากพยาบาลเพื่อกรีดผิวหนังเปิดหน้าอกคนไข้ ในห้องผ่าตัดแขนกลอันหนึ่งที่อยู่ใกล้ถาดใส่อุปกรณ์ก็หยิบมีดผ่าตัดส่งให้แขนกลอีกอันที่มีหน้าที่ผ่าตัดไปพร้อมๆ กัน
เมื่อนายแพทย์กำพลกรีดคมมีดลงบนผิวหนังระหว่างช่องอกของคนไข้ยาว 8 นิ้วจากบนลงล่าง แขนกลอันนั้นก็กรีดลงบนผิวคนไข้ในตำแหน่งเดียวกัน ที่ความยาวและลึกเท่ากัน
โดยนายแพทย์กำพลไม่มีความกังวล เพราะแขนกลถูกควบคุมด้วย Super AI Version 2 ที่พัฒนาโดยสถาบันเทคโนโลยีแขนกลแห่งประเทศไทยมานานกว่า 15 ปี จึงไม่มีทางที่แขนกลจะกรีดผิวหนังผิดตำแหน่งหรือลึกเกินไปจนเป็นอันตรายกับคนไข้ และแม้แต่นายแพทย์กำพลจะพลั้งมือทำพลาดไปบ้างเล็กน้อยก็ตาม Super AI Version 2 จะคำนวณให้ตำแหน่งและความลึกที่กรีดมาอยู่ในตำแหน่งและความลึกที่ถูกต้องได้เอง
ต่อมาเมื่อนายแพทย์กำพลกรีดผิวหนังเปิดหน้าอกคนไข้แล้ว นายแพทย์อ่องรับช่วงต่อนำเครื่องถ่างขยายแผลผ่าตัดใส่ลงไประหว่างผิวหนังที่เปิด หมุนเกลียวเพื่อขยายแผลออกแล้วล็อคให้แน่น
จากนั้นนายแพทย์กำพลใช้แสงเลเซอร์ความเข้มต่ำตัดกระดูกที่ประสานหน้าอกคนไข้แล้วทำการตัดและต่อหลอดเลือดดำที่เข้าสู่หัวใจให้ไปผ่านเครื่องปอดและหัวใจเทียมเพื่อเติมออกซิเจนในเลือดและนำคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา
ต่อมาทำการผ่าเนื้อเยื่อหัวใจออกทีละชั้น โดยใช้คีมถ่างเนื่อเยื่อออกแล้วตัดลิ้นหัวใจที่รั่วออกมาแล้วนำลิ้นหัวใจเทียมใส่แทน เสร็จแล้วเย็บเนื้อเยื่อหัวใจทีละชั้น ต่อหลอดเลือดดำให้เข้าสู่หัวใจตามเดิม
หลังจากนั้นเข้าสู่การทำบายพาสหัวใจ โดยนายแพทย์กำพลผ่าเอาเส้นเลือดแดงจากอกคนไข้มาทำทางเบี่ยงข้ามหลอดเลือดแดงที่ตีบ โดยทำการต่อปลายหลอดเลือดข้างหนึ่งเข้ากับหลอดเลือดแดงใหญ่ที่ไปเลี้ยงหัวใจ ส่วนปลายหลอดเลือดอีกข้างหนึ่งจะต่อเข้ากับหลอดเลือดแดงใต้บริเวณเส้นเลือดที่ตีบ
เมื่อเสร็จแล้ว นายแพทย์กำพลเย็บกระดูกหน้าอกด้วยลวดให้กระดูกติดกัน ก่อนที่จะเย็บชั้นของผิวหนังกลับสู่สภาพเดิม และเป็นเช่นเดียวกับทุกครั้ง เมื่อนายแพทย์กำพลและทีมผ่าตัดลงมือทำสิ่งใดในห้องควบคุมการผ่าตัด แขนกลในห้องผ่าตัดที่ 3 ก็ทำงานพร้อมกันไปอย่างแม่นยำในเวลาเดียวกัน
หลังจากผ่าตัดนานถึงหกชั่วโมง การผ่าตัดก็เสร็จสิ้นไปด้วยดี “ขอบคุณทุกคนมากครับ” นายแพทย์กำพลเอ่ย “ครั้งหน้าอีกแค่ครั้งเดียว” นายแพทย์กำพลพูดเสียงเบาเหมือนพูดกับตัวเอง ซึ่งไม่มีเจ้าหน้าที่ผ่าตัดคนใดเข้าใจว่านายแพทย์กำพลหมายถึงอะไร ยกเว้นแต่นายแพทย์อ่องที่เข้าใจความหมายนั้นดี ก่อนจะตอบว่า “ครับอาจารย์” จากนั้นไม่นานไฟที่แสดงว่ากำลังผ่าตัดคนไข้ ที่อยู่หน้าห้องผ่าตัดและห้องควบคุมการผ่าตัดดับลงพร้อมกัน
..........................................................
2. ที่ร้านกาแฟชั้นล่าง อยู่ปีกด้านซ้ายของอาคารคนละฝั่งกับห้องผ่าตัด นายแพทย์กำพลและนายแพทย์อ่อง นั่งจิบกาแฟร้อนอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งริมกระจก ทั้งคู่สนทนากันอย่างสนิทสนมประสาอาจารย์และลูกศิษย์ ก่อนที่ช่วงหนึ่งนายแพทย์อ่องเอ่ยขึ้นว่า
“อาจารย์ครับ หัวใจของอาจารย์เป็นยังไงบ้าง”
“ไม่ค่อยดีเท่าไร บางที ผมก็เหนื่อยง่าย ดีที่วันนี้ไม่มีอาการอะไร” นายแพทย์กำพลตอบเสียงเรียบๆ พลางนึกไปในอดีตที่ตนเองเป็นโรคหัวใจรั่วอย่างแรงจนต้องเข้ารับการผ่าตัดใส่หัวใจเทียมเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว
อาจารย์นายแพทย์ไพโรจน์ที่ผ่าตัดให้บอกว่า “กำพล อาจารย์เลือกหัวใจเทียมที่ดีที่สุดใส่ให้เธอ เป็นแบบที่สามารถควบคุมพลังงานแบตเตอรี่จากนาฬิกาข้อมือได้ เพื่อช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ แต่ถึงอย่างไรอายุแบตเตอรี่ก็อยู่ได้ไม่เกิน 25 ปี อีกอย่าง เธอมีภูมิคุ้มกันต่อต้านอวัยวะเทียมสูงแบบที่ไม่พบในคนทั่วไป พบได้เพียงแสนละหนึ่งคน เธอต้องกินยากดภูมิตามที่อาจารย์สั่งทุกวัน”
จนเมื่อสองปีที่แล้ว เขาไปเยี่ยมอาจารย์นายแพทย์ไพโรจน์เหมือนทุกปี อาจารย์บอกเขาว่า “ ถ้าแบตเตอรี่หมด เธอจะไม่สามารถเปลี่ยนใส่หัวใจเทียมในร่างกายได้ เพราะมันจะไปกระตุ้นภูมิต้านทานในร่างกายเธอให้สูงขึ้นเกินจะควบคุมได้ ยากดภูมิก็เอาไม่อยู่ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจนหัวใจหยุดเต้น ดังนั้นเธอต้องใส่หัวใจเทียมไว้นอกร่างกายเท่านั้น เธอจึงจะรอด”
พอความคิดของนายแพทย์กำพละกำลังจะเตลิดไปไกล เสียงของนายแพทย์อ่องก็ดังขึ้นทำให้เขาพ้นจากภวังค์ “อาจารย์ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ งานนี้ ผมจะรอดูอาจารย์ทำให้สำเร็จ”
นายแพทย์กำพลพยักหน้า “ครับ อ่อง ขอบใจเธอมาก” นายแพทย์กำพลพูดทิ้งท้าย
.......................................................................
3. ศาสตราจารย์ นายแพทย์กำพล ตันนุรักษ์ จบจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวัชรศิรินทร์ สาขาวิชาศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอก ภาควิชาศัลยศาสตร์ เมื่อปี พ.ศ. 2575 และได้ทุนรัฐบาลไทยไปเรียนจบสาขาวิชาเดียวกัน จากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงติดอันดับหนึ่งในสามของประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อปี พ.ศ. 2578
หลังจากนั้นนายแพทย์กำพลกลับมารับราชการเป็นแพทย์ศัลยกรรมโรคหัวใจและทรวงอกที่โรงพยาบาลวัชรศิรินทร์ มีความสนใจและค้นคว้าการผ่าตัดในรูปแบบใหม่โดยใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วย
แต่ในปี พ.ศ. 2591 นายแพทย์กำพลเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจเทียม จึงต้องลาออกจากโรงพยาบาลวัชรศิรินทร์ และมาเป็นศัลยแพทย์ที่สถาบันโรคหัวใจและทรวงอกประชานฤบดี ที่เป็นสถาบันวิจัยทางการแพทย์สำหรับโรคหัวใจและทรวงอกของเอกชน
เพราะสถาบันเห็นว่า แม้นายแพทย์กำพลจะได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจเทียมมาก็ตาม แต่เนื่องจากวิวัฒนาการทางการแพทย์เจริญก้าวหน้าไปมาก ประกอบกับนายแพทย์กำพลเป็นแพทย์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสามของแพทย์ในประเทศไทยที่มีความรู้และเชี่ยวชาญในสาขาศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอกมากที่สุด จึงได้อนุญาตเป็นกรณีพิเศษ
นับตั้งแต่นายแพทย์กำพลรับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจเทียมมาถึงบัดนี้ (พ.ศ. 2611) ผ่านมายี่สิบปีแล้ว แบตเตอรี่ในหัวใจเทียมของนายแพทย์กำพลกำลังจะหมดลงไม่เกินห้าปีข้างหน้า
ดังนั้นนายแพทย์กำพลจึงไม่มีทางเลือก จำเป็นต้องเร่งรัดโครงการพัฒนา Super AI Version 3 ร่วมกับศาสตราจารย์พิษณุ กำเนิดดี แห่งสถาบันเทคโนโลยีแขนกลแห่งประเทศไทย ให้สามารถทำการผ่าตัดหัวใจและโรคทรวงอก ด้วยการใช้แขนกลที่ควบคุมด้วย Super AI Version 3 โดยไม่ต้องอาศัยศัลยแพทย์เป็นผู้ทำการผ่าตัดให้แล้วเสร็จก่อนที่นายแพทย์กำพลจะทำการเปลี่ยนหัวใจเทียมชนิดที่ต้องติดภายนอกร่างกาย
เพราะถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้น โครงการพัฒนา Super AI Version 3 ที่ทุ่มเททำมาจะต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน เนื่องจากนายแพทย์กำพลจะไม่สามารถทำการผ่าตัดในห้องควบคุมการผ่าตัดเพื่อเก็บข้อมูลสำหรับการพัฒนา Super AI Version 3 ได้อีกต่อไป เพราะลำแสงความเข้มสูงอาจทำให้หัวใจเทียมเสียหายและเสี่ยงที่ตัวเขาจะเสียชีวิต
เมื่อสิบปีก่อน นายแพทย์กำพลได้รับการฝัง”ชิบ”ในสมองสองตัว ทุกครั้งที่นายแพทย์กำพลทำหน้าที่เป็นศัลยแพทย์ในห้องผ่าตัด “ชิบตัวแรก” จะส่งข้อมูลคลื่นสมองที่เป็นตัวกำหนดความคิดที่ใช้ในการแก้ปัญหาของนายแพทย์กำพลระหว่างการผ่าตัด
ส่วน “ชิบตัวที่สอง” จะส่งข้อมูลคลื่นสมองที่เป็นการตัดสินใจเลือกอุปกรณ์การผ่าตัด ตลอดจนการเลือกและลำดับขั้นตอนในระหว่างการผ่าตัดว่าอะไรต้องทำก่อนหรือหลัง
ส่วนเซนเซอร์ที่ติดอยู่ในห้องควบคุมการผ่าตัด จะวัดและรวบรวมข้อมูลการเคลื่อนไหวของนายแพทย์กำพลในระหว่างทำการผ่าตัด ซึ่งรวมถึงข้อมูลการกรีดมีดผ่าตัดกระทำลงด้วยความเที่ยงตรงและมีแรงกดเท่าใด มุมเอียงของมีดที่ทำกับผิวหนังหรืออวัยวะในขณะกรีดหรือตัดเป็นกี่องศา การพลิกและหมุนข้อมือในการใช้กรรไกรและคีมผ่าตัดแต่ละชนิดเป็นอย่างไร การเย็บกระดูกและเย็บแผลมีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ระหว่างการเย็บอวัยวะภายในเช่นหัวใจและการเย็บผิวหนังของคนไข้ในแต่ละชั้น
รวมทั้งการดำเนินการผ่าตัดคนไข้เพศชายและเพศหญิงในแต่ละช่วงอายุ มีการปฏิบัติที่เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
ข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้ จะถูกรวบรวมและป้อนเข้าสู่ระบบ Super AI และทุกครั้งที่มีข้อมูลเข้าสู่ระบบ ระบบ Super AI มิได้แต่เพียงนำข้อมูลไปวิเคราะห์กำหนดวิธีการผ่าตัดเท่านั้น แต่มันมีความฉลาดเฉลียวมากกว่าสมองมนุษย์ถึงหนึ่งพันเท่า ที่จะเรียนรู้ ฝึกหัดการคิด และลองผิดลองถูก ภายใต้มันสมองดิจิทัลของตัวมันเอง และเมื่อเวลาผ่านไปมันจะฉลาดขึ้นเรื่อยๆ แบบทวีคูณ
ดังนั้น จึงไม่แปลกเลย ที่ในช่วงแรกของการผ่าตัดที่ใช้ Super AI version 1 เป็นตัวช่วย นายแพทย์กำพลจะพบข้อผิดพลาดอยู่บ้าง เป็นต้นว่า ศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัดไม่สามารถรับรู้สัมผัสเสมือนจริงต่อผิวหนัง อวัยวะภายในและสารคัดหลั่งใดๆ ที่ออกมาจากร่างกายคนไข้ ซึ่งส่งผลต่อสมองของศัลยแพทย์ทำให้ไม่สามารถกำหนดและสร้างวิธีการ รวมทั้งการลงมือผ่าตัดให้มีความถูกต้องแม่นยำเท่าที่ควรจะเป็น
ยกตัวอย่างเช่น การผ่าตัดครั้งหนึ่ง เกิดความผิดพลาดของระบบ Super AI ดังที่ว่า ทำให้การกรีดมีดผ่าตัดของนายแพทย์กำพลเพื่อเปิดผิวหนังของคนไข้รายหนึ่ง มีความคลาดเคลื่อนจากแนวที่กำหนดไปกว่าหนึ่งเซนติเมตร
ครั้งนั้นนายแพทย์กำพลต้องวิ่งออกจากห้องควบคุมฯ ลงไปที่ห้องผ่าตัดชั้นล่างเพื่อปิดระบบ Super AI แล้วรีบเย็บแผลคนไข้ที่คลาดเคลื่อน เสร็จแล้วทำให้แผลสมานกันทันทีด้วยสารละลายเซลส์ จากนั้นกรีดมีดเปิดชั้นผิวหนังของคนไข้ใหม่ให้ตรงแนวผ่าตัดที่ได้ลากเส้นไว้แล้ว โดยมีศัลยแพทย์ผู้ช่วยและเจ้าหน้าที่ประจำห้องผ่าตัดวิ่งตามลงมาร่วมผ่าตัดที่ห้องชั้นล่าง จนกระทั่งผ่าตัดเสร็จ นายแพทย์กำพลถึงกับกล่าวกับทุกคนว่า “เกือบไปแล้ว ถ้าผมลงมาช้าอีกเพียงสองสามนาที คนไข้คงไม่รอด”
ความผิดพลาดในครั้งนั้น ทำให้นายแพทย์กำพลและศาตราจารย์พิษณุ มีงานที่ท้าทายความสามารถมากขึ้น ทั้งสองและทีมงานต่างทุ่มเทเวลาในการพัฒนาระบบและอุปกรณ์ต่างๆ บางวันถึงกับทำการทดลองตั้งแต่ตอนหัวค่ำจนถึงรุ่งสางของวันใหม่
ภรรยาของนายแพทย์กำพลห้ามปรามไม่ให้ทำงานหนักเพราะเสี่ยงต่อหัวใจหยุดเต้นแต่เขาไม่เคยฟัง ช่วงหลังไม่รู้จะห้ามปรามอย่างไร ก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย โดยเธอทำอาหารสุขภาพสำหรับมื้อเที่ยงและเย็นให้นายแพทย์กำพลติดไม้ติดมือเอามาทาน และแล้วความพยายามอย่างสุดโต่งนั้นก็ประสบความสำเร็จ สามปีที่แล้วทั้งคู่สามารถพัฒนา Super AI Version 2 ได้สำเร็จ ระบบมีความถูกต้องและแม่นยำกว่าเดิม รวมทั้งสามารถแก้ไขให้ลำแสงมีความเข้มสูงเพียงพอจนศัลยแพทย์รับรู้สัมผัสเสมือนจริงได้แทบไม่ต่างจากการสัมผัสกับคนไข้จริงๆ
การผ่าตัดหลังจากนั้นจึงเต็มไปด้วยคุณภาพและแทบจะไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ อีกเลย ดังนั้นการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาจากการผ่าตัดของนายแพทย์กำพลได้ดำเนินต่อมาจนใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ ระบบ Super AI Version 2 ได้ผ่านการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองมากว่าเจ็ดปี จนใกล้ที่จะไปสู่ Version 3
ก่อนการผ่าตัดคนไข้นายปรเมษ อินทัช ศาสตราจารย์พิษณุบอกกับนายแพทย์กำพลว่า “หลังจากผ่าครั้งนี้แล้ว คุณผ่าตัดเคสเปลี่ยนหัวใจอีกแค่ครั้งเดียว งานของเราจะสำเร็จ”
“จริงหรือ พิษณุ อีกครั้งเดียว ผมจะได้ไปบอกอ่อง เขาคงดีใจ” นายแพทย์กำพลพูดเสียงเปี่ยมด้วยความหวัง
แต่แล้วพอนายแพทย์กำพลผ่าตัดคนไข้นายปรเมษสำเร็จด้วยดี ก่อนวันนัดผ่าตัดคนไข้คนสุดท้ายเพียงสามวัน ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประวิตร วิภูมิพัช ผู้อำนวยการใหญ่ สถาบันโรคหัวใจและทรวงอกประชานฤบดี เชิญนายแพทย์กำพลไปพบที่ห้องพัก
“คุณกำพล ผมได้ยินว่าอีกสามวันคุณจะผ่าตัดเคสเปลี่ยนหัวใจเทียม” ก่อนพูดไม่รอคำตอบว่า “ผมได้ยินมาว่า Super AI Version 3 จะเสร็จสมบูรณ์หลังจากนั้นใช่ไหม? ถ้าเสร็จก็บรรลัย”
“ใช่ครับ แต่ผู้อำนวยการพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดี ขอโทษนะครับที่ผมพูดตามตรง”
“ผมขอพูดกับคุณตามตรงเช่นกัน” นายแพทย์ประวิตรเอ่ยปาก “ไอ้ AI บ้าบอของคุณกับพิษณุที่ทำขึ้น ผมไม่เห็นว่าจะมีประโยชน์ตรงไหน? ”
นายแพทย์กำพลตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด “มีประโยชน์แน่ๆครับ มันช่วยให้ผู้ป่วยโรคหัวใจที่ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาจากแพทย์ ไม่ว่าในประเทศไทยหรือที่แห่งใดในโลกได้รับการรักษาทันท่วงที ไม่ต้องรอคิว และการผ่าตัดเป็นระบบปิดจึงไม่มีความเสี่ยงการติดเชื้อในขณะผ่าตัด ทำให้ลดอัตราการเสียชีวิต”
“แต่คุณก็รู้ มีแรงกดดันมาจากศัลยแพทย์หัวใจทั่วประเทศ รวมทั้งสมาคมโรงพยาบาลเอกชนที่ให้ทุนวิจัยกับเราไม่น้อย แม้แต่ที่ต่างประเทศ ศัลยแพทย์หลายคนต่างคัดค้านโครงการของคุณมาได้สองปีแล้ว คุณกำพลไม่เห็นใจพวกเขาเลย เหรอ อย่าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ อ้อ...อีกอย่างพวกโรงพยาบาลเอกชนขู่ว่าถ้าคุณเดินโครงการต่อ พวกเขาจะงดช่วยเหลือเงินทุนวิจัยให้สถาบันของเราทันที”
“ไม่เลยครับ ผมไม่สน ผมทำโครงการนี้ ด้วยความทุ่มเทมาทั้งชีวิตของผม ลำพังการขาดรายได้ของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นหมอและโรงพยาบาลไปบ้างคงไม่ถึงตาย แต่ที่ควรคำนึงถึงคือการรักษาชีวิตของคนไข้มากกว่า ผมไม่เอามาใส่ใจและยืนยันที่จะทำต่อไป” นายแพทย์กำพลพูดเสียงเรียบแต่หนักแน่น
“ยังงั้น ผมขอสั่งคุณก็แล้วกัน ให้คุณงดการทำโครงการต่อ หากดันทุรัง ผมจะตั้งกรรมการสอบสวนและไล่คุณออกจากสถาบัน”
“ตามใจ เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ ” นายแพทย์กำพลตัดบท ก่อนจะผลุนผลันเดินออกจากห้อง
...........................................................
4. ในวันผ่าตัดคนไข้รายสุดท้าย มีเพียงพยาบาลสองคนเท่านั้นที่ถอนตัวเพราะกลัวคำสั่งห้ามจากผู้อำนวยการสถาบัน
วันนี้ศาสตราจารย์พิษณุมาดูการผ่าตัดด้วย การผ่าตัดดำเนินไปด้วยดีและอีกไม่นานจะแล้วเสร็จ แต่แล้วในระหว่างที่นายแพทย์กำพลกำลังจะหยิบหัวใจเทียมใส่ในช่องอกคนไข้ เขารู้สึกแขนขาอ่อนแรง จึงยกนาฬิกาข้อมือที่เป็นตัวควบคุมพลังงานของหัวใจเทียมขึ้นดู สเกลพลังงานในแบตเตอรี่ลดลงอย่างรวดเร็ว อัตราการเต้นของหัวใจของเขาลดลงเหลือ 45 ครั้ง/นาที และกำลังลดลงเรื่อยๆ การผ่าตัดหยุดชะงักลง นายแพทย์อ่องละล่ำละลักพูดกับนายแพทย์กำพลว่า
“อา...อาจารย์ เป็นอะไรไปครับ”
ขณะนั้นทุกคนในห้องควบคุมการผ่าตัดมีแววตาตระหนก นายแพทย์กำพลไม่ตอบแต่พยักหน้าให้ช้าๆ พร้อมกับปลดกระดุมเสื้อตัวในออก มือขวาล้วงเอาปากกาทำด้วยโลหะด้ามหนึ่งออกมาจากเสื้อกาวน์
นายแพทย์กำพลดึงปลอกด้านบนแล้วหมุนเอาใส้ปากกาออก จากนั้นใช้ปลอกปากกาด้านล่างเอาส่วนแหลมแทงลงไปใต้ลิ้นปี่ค่อนไปทางซ้ายเล็กน้อยแล้วคาไว้ มีเลือดซึมออกจากแผลทันที
นายแพทย์กำพลไม่รอช้าหยิบสายรัดอกที่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจขนาดเล็กกว่าฝ่ามือติดอยู่ออกมาจากเสื้อกาวน์ คาดสายรัดไว้กับหน้าอกแล้วหนีบสายเครื่องกระตุ้นหัวใจกับปลอกปากกาทันที
ทันใดนั้นนาฬิกาข้อมือของนายแพทย์กำพลดัง “ปี๊บ” เขารู้สึกแขนขาที่อ่อนแรงมีกำลังมากขึ้น ยกนาฬิกาขึ้นดู ระดับสเกลพลังงานเพิ่มขึ้นพ้นขีดอันตราย อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มมาที่ 65 ครั้ง/นาที ตอนนี้ ทุกคนในห้องไม่มีใครพูดอะไร นายแพทย์กำพลพูดเบาๆว่า “เริ่มการผ่าตัดต่อไป”
แม้ว่าทุกคนจะเป็นห่วงนายแพทย์กำพล แต่คนไข้รอการเปลี่ยนถ่ายหัวใจไม่อาจรอได้ การผ่าตัดได้ดำเนินต่อไป ต่อมาอีกหนึ่งชั่วโมงการผ่าตัดจึงแล้วเสร็จ ทุกคนในห้องรู้สึกโล่งอก
พอหุ่นยนต์พยาบาลเข็นเตียงคนไข้ไปยังห้องฉุกเฉินเพื่อรอดูอาการ นายแพทย์ กำพลล้มฟุบลงไปกับพื้นควบคุมการผ่าตัด ก่อนสิ้นสติได้ยินเสียงอื้ออึงแยกไม่ออกว่าเป็นเสียงใคร “อาจารย์... อาจารย์...” จากนั้นสติสัมปชัญญะของนายแพทย์กำพลก็ดับวูบไป
...........................................................
5. ในห้องผู้ป่วย โรงพยาบาลศิริกมล อาจารย์นายแพทย์ไพโรจน์ ศาสตราจารย์ พิษณุ นายแพทย์อ่อง ยืนอยู่หน้าเตียง นายแพทย์กำพลลืมตาขึ้นมามองดูทุกคน พยายามขยับตัว รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกจนต้องร้องครางออกมา “อูย... อูย...”
“ไม่เป็นไรแล้วกำพล ไม่ต้องขยับตัว อาจารย์ซ่อมระบบหัวใจเทียมด้วยเครื่องควบคุมภายนอกและเย็บปิดแผลให้เธอแล้ว” อาจารย์นายแพทย์ไพโรจน์พูด
“ขอบคุณครับ อาจารย์” นายแพทย์กำพลตอบ
“คุณกำพล ผมเอาข้อมูลการผ่าตัดครั้งสุดท้ายของคุณไปประมวลผลแล้ว” ศาตราจารย์พิษณุเอ่ยขึ้น ก่อนพูดว่า “คุณรู้ไหม มันดีกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก มันทำงานได้ดีมากเชียวหล่ะ”
“เหรอคุณพิษณุ ขอบคุณมากนะครับ และขอบคุณทุกคนมาก อ่องด้วย”
“ไม่เป็นไรครับอาจารย์” นายแพทย์อ่องตอบ “ขอให้อาจารย์หายไวๆครับ”
เมื่อทุกคนกลับออกไป นายแพทย์กำพลเอนตัวนอนลงบนเตียง หุ่นยนต์พยาบาลหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตาญี่ปุ่นเข้ามาในห้องนำยามาให้ “คนไข้ หมอกำพล ทานยาด้วยค่ะ หมอกำพลทานยาด้วยค่ะ”
หุ่นยนต์พูดเสียงอู้อี้เหมือนคนเป็นหวัด นายแพทย์กำพล หยิบยามากลืนลงคอตามด้วยน้ำเปล่าครึ่งแก้ว ก่อนหุ่นยนต์ออกไปมันพูดว่า “คนไข้ หมอกำพล กรุณาพักผ่อนด้วยค่ะ” นายแพทย์กำพล ยิ้มน้อยๆ มองจากเตียงไปที่หน้าต่างเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาไกลไปถึงคุ้งน้ำวัดอรุณราชวราราม
หนึ่งเดือนต่อมา ศาตราจารย์นายแพทย์กำพล และศาตราจารย์พิษณุ ร่วมกันแถลงข่าวผ่านระบบเครือข่ายดิจิทัลถึงความสำเร็จในการพัฒนา Super AI Version 3 มีการถ่ายทอดไปทั่วโลก
อีกสองเดือนถัดมา รัฐบาลของบางประเทศในทวีปอาฟริกา เช่น อาฟริกาใต้ แทนซาเนีย ไนจีเรีย โตโก รวันดา กาบอง และบางประเทศในทวีปเอเชีย เช่น ศรีลังกา อาฟกานิสถาน เนปาล กัมพูชา และไทย กับประเทศในทวีปยุโรป ได้แก่ ฮังการรี โปแลนด์และตุรกี รวมแล้ว 42 ประเทศทั่วโลก ติดต่อนายแพทย์ กำพล ขอความอนุเคราะห์ปัญญาประดิษฐ์ Super AI Version 3 แบบพิมพ์เขียวของห้องผ่าตัด แขนกล และอุปกรณ์ควบคุม เพื่อนำไปจัดสร้างรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจ
วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2612 เมตามีเดีย สื่อสารออนไลน์อันดับหนึ่ง เผยแพร่ข่าวและภาพเสมือนจริงว่า เจ้าหน้าที่ปราบปรามไซเบอร์ของไทย ได้เข้าจับกุมประธานโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในไทย ข้อหาจ้างวานนายเดช ทิวสน ทำการแฮกระบบคุมควบพลังงานหัวใจเทียมของศาสตราจารย์ นายแพทย์กำพล ตันนุรักษ์ เมื่อกลางปีที่แล้ว ขณะนี้รอส่งฟ้องต่อศาล
....................................................
6.นายแพทย์กำพล อยู่ในห้องทำงาน ที่ประตูห้องมีป้ายเขียนว่า “ศาสตราจารย์ นายแพทย์กำพล ตันนุรักษ์ หัวหน้าสาขาวิชาศัลยศาสตร์และทรวงอก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวัชรศิรินทร์”
ภายในห้อง นายแพทย์กำพลยืนกอดอกอยู่ริมกระจกมองออกไปภายนอกแลเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ไม่ไกล บนโต๊ะทำงานมีหนังสือราชการของมหาวิทยาลัยฉบับหนึ่ง มีข้อความแต่งตั้งให้ศาสตราจารย์ นายแพทย์กำพล ตันนุรักษ์ ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าสาขาวิชาศัลยศาสตร์และทรวงอก มหาวิทยาลัยวัชรศิรินทร์ และให้ได้รับทุนวิจัยจากมหาวิทยาลัยทำหน้าที่หัวหน้าโครงการพัฒนา Super AI Version 4 ให้เกิดผลดีที่สุด
ที่นอกกระจกบานนั้น หากใครสามารถมองเข้ามาได้ จะเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและเอาจริงเอาจังของนายแพทย์คนหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยตั้งแต่หนุ่ม จนถึงวันนี้ที่เขามีอายุได้ 62 ปีแล้ว
......................................................
ขอบคุณภาพจาก isranews.org
โฆษณา