13 ก.ค. 2022 เวลา 12:00 • ไลฟ์สไตล์
ไม่ว่าเศรษฐกิจของประเทศจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่เรื่องปากท้องหรืออาหารการกินของคนเรานั้นก็ยังมีความสำคัญอยู่ดี...
จากสภาพเศรษฐกิจและสถานการณ์ต่างๆที่ส่งผลกระทบทำให้รายได้และเงินมีค่าน้อยลงเพราะสินค้าต่างๆมีราคาสูงขึ้นกว่าเดิมนั้น...
ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องนึกถึงเรื่องความประหยัดกันมากขึ้น เช่นการงดซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย หรือหันมาให้ความสำคัญกับการวางแผนเพื่อใช้เงินและเก็บเงินมากขึ้นกว่าเดิม
แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเราทุกคนไม่สามารถงดจ่ายได้คือเรื่องอาหารการกินนั่นเองค่ะ
เมื่อเราไม่สามารถตัดงบเรื่องอาหารการกินในชีวิตประจำวันได้
เราก็ควรจะทำให้เรื่องอาหารการกินนั้นทำให้เรารู้สึกว่า "อิ่มท้องจัง..แต่ตังค์ยังเหลือ" กันดีกว่าค่ะ
"อิ่มท้องจัง...แต่ตังค์ยังเหลือ" มีความหมายแตกต่างจากคำว่า "อิ่มท้องจัง...แต่ตังค์อยู่ครบ"นะคะ
เพราะ"อิ่มท้องจัง...แต่ตังค์ยังเหลือ" เป็นการประหยัดเงินของเราเอง ไม่ได้ไปรบกวนเงินของใคร
แต่ถ้าหากใครที่ยึดหลักว่า"อิ่มท้องจัง...แต่ตังค์อยู่ครบ"แล้วล่ะก็เพื่อนๆหรือคนที่อยู่รอบๆข้างก็คงจะค่อยๆหนีหายกันไปอย่างแน่นอนเลยค่ะ😅
มาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าเราจะมีวิธีไหนบ้างที่จะสามารถช่วยให้เงินในกระเป๋า(แบนๆ😅)ของเราเหลือได้มากขึ้นกว่าเดิม
✅เปลี่ยนพฤติกรรมการกิน✅
สำหรับใครที่จากเดิมเคยเข้าร้านหรูหรา(หมาเห่า😅)ราคาแพง ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้อาจจะต้องเปลี่ยนมาเป็นร้านอาหารธรรมดาที่ราคามิตรภาพน่าจะดีกว่านะคะ
แต่ถ้ายังติดกับการกินอาหารไปพร้อมบรรยากาศดีๆและต้องการการให้บริการที่ประทับใจของร้านเดิมที่เคยเป็นขาประจำ ซึ่งก็ต้องจ่ายเงินมากพอดูสำหรับบรรยากาศและการบริการนั้น
ก็ให้ปรับเปลี่ยนวิธีการสั่งอาหารให้น้อยลง จากเดิมที่เคยสั่งหลายๆอย่างจนเต็มโต๊ะ มาเป็นสั่งแบบพอเพียง และเหมาะกับจำนวนคนที่ไปกินด้วย ก็จะช่วยให้เรามีเงินเหลือมากขึ้นนะคะ😊
✅เลิกหน้าใหญ่ใจโต✅
สำหรับใครบางคนที่เป็นสายเปย์ชอบเลี้ยงทั้งเพื่อนๆและลูกน้องเพื่อให้ดูมีบารมี
แต่ในสภาวะแบบนี้อาจจะจำเป็นต้องงดเลี้ยงหรือทำตัวเป็นเจ้ามือเพื่อให้ใครๆชื่นชมว่าเป็นสายเปย์หรือผู้ใหญ่ใจดีบ้างแล้วล่ะค่ะ
และควรเปลี่ยนจากการไปกินอาหารกับลูกน้องซึ่งจำเป็นต้องเลี้ยงเพื่อให้สมกับฐานะและตำแหน่ง มาเป็นการชวนเพื่อนที่มีรายได้พอๆกันเพราะถึงเวลาเช็คบิลก็จะได้หารกันแบบอเมริกันแชร์ไปเลยค่ะ
✅ลดหรือเลิกกินข้าวนอกบ้าน✅
จริงอยู่ที่การกินข้าวนอกบ้านนั้นมีความสะดวกสบายและอาจจะอร่อยกว่าการทำกินเองที่บ้าน
จึงทำให้ครอบครัวส่วนใหญ่นิยมกินอาหารนอกบ้านกันเป็นประจำ
แต่ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้การทำอาหารกินเองที่บ้านนอกจากจะช่วยประหยัดเงินให้เราได้มากกว่าแล้ว
ยังเป็นกิจกรรมที่ทำให้ทุกคนสนุกสนานในการช่วยกันคิดเมนู อาหารต่างๆที่อยากกิน...ไปช่วยกันเลือกซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารซึ่งสามารถกำหนดคุณค่าทางโภชนาการได้และมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่า
ทั้งยังทำให้ได้กินอาหารในปริมาณที่มากขึ้น อิ่มหนำกันอย่างถ้วนหน้า เพราะประหยัดเงินในการที่ต้องจ่ายเป็นค่าทิปพนักงานเสิร์ฟ ไม่ต้องเสียค่าน้ำมันในการขับรถไปร้านอาหารอีกด้วยค่ะ
การยึดหลัก "อิ่มท้องจัง...แต่ตังค์ยังเหลือ" นอกจากจะทำให้เศรษฐกิจในครอบครัวของเราแข็งแกร่งขึ้นแล้วยังเป็นหลักประกันทำให้ชีวิตของเรามั่นคงขึ้นอีกด้วยค่ะ
ถึงตอนนี้ก็อยากจะฝากไว้ว่าใครที่ยังไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ และยังใช้ชีวิตอย่างเดิมๆเหมือนที่เคยเป็นมา ก็ควรจะหันมามองเงินในกระเป๋าว่าจะยังพอใช้จ่ายและมีเหลือพอในการสร้างความมั่นคงกับชีวิตหรือไม่?🤔
ภาพจาก เพจนัดเป็ด
ขอบคุณที่แวะมาทักทาย...ติดตาม...และให้กำลังใจนะคะ😍💕
ขอบคุณข้อมูลจาก Money Talk🙏😊
# แม่มณีมีเรื่องเล่า😊มีสาระบ้างไม่มีสาระบ้าง#เอาแบบที่สบายใจ😊
โฆษณา