13 ก.ค. 2022 เวลา 12:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
พร้อมจับตาเมืองนวัตกรรมแห่งอนาคตของซาอุฯ ! กับการแสวงหาโอกาสใหม่ในการพัฒนาประเทศท่ามกลางวิกฤติพลังงาน
หลังจากที่ประเทศซาอุดีอาระเบียได้ค้นพบน้ำมันเมื่อปี พ.ศ. 2481 โดยนักสำรวจชาวอเมริกา จากที่เคยเป็นประเทศที่ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติอะไรเลย มีแต่ความแห้งแล้ง เต็มไปด้วยทะเลทราย และเป็นเพียงศูนย์กลางของโลกมุสลิมที่ผู้คนมักจะมาทำพิธีฮัจญ์ที่เมืองเมกกะ (Mecca) เป็นประจำทุกปี ก็ได้กลายเป็นประเทศที่ร่ำรวยได้เพียงข้ามคืน
จากวันนั้นถึงวันนี้ซาอุดีอาระเบียกลายเป็นประเทศที่เป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันอันดับต้นๆ ของโลก และมีบทบาทสำคัญใน OPEC ในการรักษาเสถียรภาพราคาและระดับอุปทานน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงเกิดบริษัทน้ำมันแห่งชาติที่มีรายได้แซงหน้าApple บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาไปแล้วอย่าง Saudi Arabian Oil Company หรือ Saudi Aramco ด้วยศักยภาพเช่นนี้ทำให้ประเทศซาอุดีอาระเบียมีความเติบโตทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดด จนสามารถนำมาพัฒนาในด้านอื่นๆ ได้อย่างเหมาะสม
แต่ความสำเร็จนี้กำลังถูกท้าทาย เพราะจากสถานการณ์ปริมาณน้ำมันดิบซึ่งเป็นทรัพยากรและแหล่งรายได้หลักของซาอุดีอาระเบียกำลังจะลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า รวมถึงผลกระทบจากสงครามที่ส่งผลให้โลกเกิดวิกฤติพลังงานและราคาน้ำมัน ทำให้หลายประเทศเริ่มพึ่งพิงพลังงานทางเลือกมากขึ้น
ผนวกกับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทุกปี และยุโรปได้เริ่มเคาะกฎหมายแล้วว่าในสหภาพยุโรปต้องเลิกจำหน่ายรถยนต์เบนซินและดีเซลใหม่ภายในปี พ.ศ. 2578 ทำให้ประเทศซาอุดีอาระเบียต้องปรับกลยุทธ์การพัฒนาประเทศใหม่เพื่อพร้อมรับมือในวันที่โลกไร้การพึ่งพาน้ำมัน
ผู้นำของซาอุดีอาระเบีย มกุฎราชกุมารมุฮัมมัด บิน ซัลมาน (Mohammad bin Salman) จึงได้เสนอแผน “Saudi Vision 2030” ขึ้นมา เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2017 ในการประชุมงาน Future Investment Initiative ซึ่งเป็นแผนการการพัฒนาประเทศที่มองไกลไปในระยะยาวและเน้นการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมมากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย กระจายเศรษฐกิจ และพัฒนาภาคบริการสาธารณะ
โดยมีเมืองนิอุม (NEOM) เป็นจุดศูนย์กลางการพัฒนานี้ ด้วยงบประมาณที่สูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จากกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะของซาอุดิอาระเบีย (The Public Investment Fund) และนักลงทุนต่างชาติให้การสนับสนุน อีกทั้งยังถูกประกาศให้เป็นเมืองที่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษและมีระบบตุลาการเป็นของตัวเองอีกด้วย
แล้วทำไมถึงต้องเป็นเมืองนี้…เมือง NEOM แค่ชื่อก็มีความพิเศษแล้ว เพราะคำว่า NEOM (نيوم) ในภาษาอาหรับนั้นแปลว่า “อนาคต” นอกจากนี้ยังเป็นพิกัดที่นับเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ติดกับทะเลแดง ทำให้เพิ่มโอกาสทางการค้าได้มากขึ้น ทั้งจากฟากทะเลอาหรับ (Arabian Sea) และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Sea) และแม้จะเป็นเมืองแห่งอนาคต แต่ก็มีแผนการพัฒนาเมืองอย่างชัดเจนในหลายจุดด้วยกัน ดังนี้
1. “The Line” เมืองที่มีผังเมืองสุดแหวก เพราะเป็นเมืองในรูปแบบเส้นตรงยาวกว่า 170 กิโลเมตร ซึ่งเชื่อมตั้งแต่พื้นที่ภูเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุดีอาระเบียไปจนถึงพื้นที่ทะเลแดง โดยคาดว่าจะมีคนอยู่อาศัยราว 1 ล้านคน และเป็นเมืองที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดแบบ 100% แถมคนในเมืองไม่ต้องใช้รถยนต์เลย เพราะมีขนส่งสาธารณะขับเคลื่อนอัตโนมัติคอยให้บริการ และมีการแบ่งเมืองออกเป็น 3 ชั้น ชั้นบนดินไว้สำหรับที่พักอาศัย อีกสองชั้นใต้ดินที่เหลือไว้ใช้สำหรับการคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ
2. “Oxagon (Neom Industrial City)” หรือเรียกสั้นๆ ว่า NIC เป็นเขตอุตสาหกรรมบนทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลกและกลมกลืนไปกับธรรมชาติ มีพื้นที่กว่า 200 - 250 ตารางกิโลเมตร หรือใหญ่กว่ามหานครนิวยอร์กถึง 33 เท่า ซึ่งห่างออกจากเมืองดูบา (Duba) ประมาณ 25 กิโลเมตร โดยมุ่งเน้นงานวิจัยเชิงอุตสาหกรรม ทั้งในรูปแบบอุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0) และเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
พร้อมเปิดรับนักวิจัยและผู้ประกอบการจากประเทศต่างๆ มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการในพื้นที่นี้ และยังทำหน้าที่เป็นท่าเรือสำหรับเส้นทางเดินเรือผ่านทะเลแดงอีกด้วย
3. “Trojena” เป็นเขตพื้นที่ใหม่ ที่มกุฎราชกุมารมุฮัมมัด บิน ซัลมาน ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่เล่นสกีกลางแจ้งแห่งแรกในคาบสมุทรอาหรับ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2565 ซึ่งตั้งอยู่บนเทือกเขาที่สูงที่สุดในประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยมีระดับความสูงตั้งแต่ 1,500 – 2,600 เมตร และมีทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่ขุดขึ้นใหม่กลางหุบเขา
ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2569 เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในพื้นที่มากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากจะมีพื้นที่เล่นสกีตลอดปี ยังเป็นพื้นที่สำหรับกีฬาทางน้ำ การเดินป่า การปั่นจักรยานเสือภูเขา หรือจะเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับทุกคนได้
การเดินหน้าพัฒนาเมืองครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวของซาอุฯ ที่มีความท้าทายไม่น้อย เพราะนอกจากจะต้องเนรมิตเมืองขึ้นมาใหม่ทั้งหมดแล้ว ยังต้องมุ่งเน้นการคิดค้นนวัตกรรมที่สอดรับกับแนวคิดความยั่งยืนด้วย ซึ่งเป็นโจทย์ใหม่ที่โลกกำลังให้ความสำคัญ และครั้งนี้จะประสบความสำเร็จเหมือนกับการขุดพบน้ำมันเมื่อ 84 ปีก่อนหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป
#InnovationIsAGameChanger #พลิกสังคมด้วยนวัตกรรม #NIA #InnovationCity #NEOM #SaudiArabia #Arab
อ้างอิงภาพจาก :
โฆษณา