14 ก.ค. 2022 เวลา 02:50 • ธุรกิจ
รู้จัก PDVSA บริษัทน้ำมัน ที่เลวร้ายที่สุดในโลก จากเวเนซุเอลา
303,800 ล้านบาร์เรล คือปริมาณน้ำมันดิบสำรองที่เวเนซุเอลาครอบครองอยู่ ในปี 2020
ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 17.5% ของปริมาณน้ำมันดิบสำรองของโลก
1
ที่สำคัญคือ ด้วยปริมาณมากขนาดนี้ ทำให้เวเนซุเอลา
นับเป็นประเทศที่มีน้ำมันดิบสำรองมากเป็น “อันดับหนึ่งของโลก” เลยทีเดียว
1
แต่รู้หรือไม่ว่า ?
ประเทศที่มีน้ำมันดิบสำรองมากที่สุดในโลกแห่งนี้
กลับมีบริษัทน้ำมันแห่งชาติที่ถูกเรียกว่าเป็น “บริษัทน้ำมันที่เลวร้ายที่สุดของโลก”
เรื่องราวเป็นอย่างไร ? แล้วใครคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดนี้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
1
เรื่องราวของบริษัทน้ำมันที่เลวร้ายที่สุดในโลกแห่งนี้ เริ่มขึ้นในช่วงหลังจากวิกฤติน้ำมันขาดแคลนทั่วโลกในช่วงปี ค.ศ. 1973
ในเวลานั้น การ์โลส อันเดรส เปเรซ อดีตประธานาธิบดีของเวเนซุเอลา
ต้องการควบคุมอุตสาหกรรมน้ำมันทั้งหมดภายในเวเนซุเอลา ให้อยู่ภายใต้การดูแลและการบริหารจัดการของรัฐบาลเวเนซุเอลา
พอเรื่องเป็นแบบนี้ รัฐบาลของเวเนซุเอลา จึงมีการจัดตั้ง PDVSA ขึ้นในปี ค.ศ. 1976
เพื่อทำหน้าที่ตั้งแต่วางแผน กำกับดูแล และควบคุมกระบวนการทุกอย่าง
ไม่ว่าจะเป็น การสำรวจ การผลิต และจำหน่ายน้ำมันและก๊าซทั้งหมดของประเทศ
2
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาหลังจากนั้นคือ
สัมปทานในการผลิตและสำรวจพลังงาน ที่รัฐบาลของเวเนซุเอลา
เคยมอบให้แก่บริษัทน้ำมันต่างชาตินั้น จะถูกยึดคืนและโอนไปยัง PDVSA
บริษัทน้ำมันต่างชาติทั้งหมดที่เคยทำธุรกิจในเวเนซุเอลา
ไม่ว่าจะเป็น Shell, Mobil Corporation และ Standard Oil
ถูกเปลี่ยนให้กลายไปเป็นบริษัทน้ำมันของเวเนซุเอลา
ที่อยู่ภายใต้การควบคุมและดูแลของ PDVSA และกระทรวงพลังงานของเวเนซุเอลา
การรวมกิจการของบริษัทน้ำมันต่าง ๆ และถูกโอนไปเป็นบริษัทลูกของ PDVSA
ทำให้ PDVSA กลายมาเป็นหนึ่งในบริษัทน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของโลก ณ เวลานั้น
1
เรื่องราวของ PDVSA ยิ่งดูสวยหรูขึ้นไปอีก เมื่อรัฐบาลของเวเนซุเอลาในขณะนั้น ประกาศว่า
ภายใน 25 ปี หลังจาก PDVSA เข้ามากำกับดูแล และบริหารจัดการอุตสาหกรรมน้ำมันของประเทศ
บริษัทแห่งนี้จะกลายเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในลาตินอเมริกา
และเป็น 1 ใน 10 บริษัทที่ทำกำไรได้มากที่สุดในโลก
นอกจากนี้ การที่ PDVSA เป็นผู้นำส่งรายได้จากธุรกิจน้ำมันให้กับรัฐบาล
ซึ่งในเวลานั้น ปริมาณสำรองน้ำมันของเวเนซุเอลาที่มีมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
ก็จะช่วยทำให้ประเทศมีสถานะทางการเงินที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น
เรื่องทุกอย่างเหมือนกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี
แต่แล้วในปี ค.ศ. 1999 เรื่องราวก็เริ่มเปลี่ยนไป
เมื่อประเทศเวเนซุเอลาเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญ
ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจาก พันโท อูโก ชาเบซ ที่เพิ่งขึ้นเป็นประธานาธิบดีของเวเนซุเอลาในตอนนั้น
2
ได้นำแนวคิด “The Bolivarian Revolution” ซึ่งเป็นแนวคิดที่ต้องการก่อให้เกิดลัทธิชาตินิยม
ภายใต้การบริหารเศรษฐกิจที่จัดการโดยรัฐ มาใช้กับเวเนซุเอลา
1
และเพื่อสร้างฐานคะแนนเสียงและความนิยมจากประชาชน หลังจากขึ้นมารับตำแหน่ง
อูโก ชาเบซ ได้บอกกับชาวเวเนซุเอลาว่า
2
เขาจะแจกจ่ายผลประโยชน์แก่คนยากจนที่มีอยู่ทั่วประเทศอย่างเต็มที่
ไม่ว่าจะเป็นการให้เงินโดยตรง การสร้างที่อยู่อาศัย หรือการแจกอาหาร
1
รวมทั้งให้ชาวเวเนซุเอลา สามารถเข้าถึงสาธารณสุขและการศึกษาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ซึ่งนโยบายดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากคนส่วนใหญ่
2
ปัญหาคือ การจะทำให้ได้ทั้งหมดตามนโยบายของเขา
จำเป็นต้องใช้เงินทุนจำนวนมหาศาล เพื่อมาผลักดันโครงการต่าง ๆ
แน่นอนว่า เครื่องจักรผลิตเงินในตอนนั้นก็คือ บริษัท PDVSA นั่นเอง
1
เมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ PDVSA จึงถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองที่สำคัญของรัฐบาล
แทนที่กำไรของบริษัทจะถูกนำไปใช้ในการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์
หรือนำไปใช้เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ในการสำรวจและผลิตน้ำมันของบริษัท
แต่กำไรเหล่านั้นกลับถูกนำมาใช้จ่ายในโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล ตามที่ได้สัญญากับประชาชนไว้
2
ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้สร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมาก ให้กับพนักงานหลายคนของ PDVSA
จนเกิดการรวมตัวกันหยุดงาน เพื่อประท้วงให้ อูโก ชาเบซ
ลงจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับนโยบายของเขา
3
โดยวิธีที่อูโก ชาเบซ ใช้แก้ปัญหาในตอนนั้น คือ “ไล่พนักงานกลุ่มนี้ออกทั้งหมด”
แล้วแทนที่พนักงานเหล่านั้น ด้วยบุคลากรจากกองทัพ
3
ซึ่งก็ยิ่งทำให้เรื่องบานปลายไปกันใหญ่ เนื่องจากพนักงานที่ถูกไล่ออกกว่า 18,000 คนนี้
ไม่ได้มีแค่พนักงานทั่วไป แต่ยังรวมถึงผู้เชี่ยวชาญ และผู้บริหารระดับสูง
ซึ่งล้วนเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ แต่กลับถูกแทนที่ด้วยคนของกองทัพ
ที่ไม่ได้มีความรู้ และประสบการณ์เกี่ยวกับอุตสาหกรรมน้ำมัน
4
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของ PDVSA ในตอนนั้น ยังไม่ได้ถือว่าแย่มาก
เนื่องจากในช่วงตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998 ถึง 2008 เป็นช่วงขาขึ้นของน้ำมัน
ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจผลิตน้ำมันอย่าง PDVSA สามารถทำกำไรได้ง่าย
1
แต่แล้วช่วงเวลาอันหอมหวานก็หมดลง เมื่อราคาน้ำมันเข้าสู่ช่วงขาลง
จากจุดสูงสุดที่ 140 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในปี 2008
เหลือเพียง 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในปี 2009
1
เท่ากับว่า PDVSA สูญเสียรายได้ลงไปทันทีถึง 50% ภายในระยะเวลาหนึ่งปี
1
นอกจากนั้นบริษัทยังตรวจพบว่า ภายในบริษัทเองกำลังเผชิญกับปัญหาการคอร์รัปชัน
โดยในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 2004 ถึง 2015 เงินจำนวนอย่างน้อย 385,000 ล้านบาท ได้ถูกยักยอกนำออกไปจากบริษัท
2
ด้วยรายได้จากการขายน้ำมันที่ลดลงอย่างมาก บวกกับปัญหาการคอร์รัปชันภายในบริษัท
ทำให้บริษัทเริ่มมีปัญหาทางการเงิน ส่งผลให้ในปี ค.ศ. 2017 และปี ค.ศ. 2019
บริษัท PDVSA ผิดนัดชำระหนี้มูลค่ารวมกันมากกว่า 210,000 ล้านบาท
เท่านั้นยังไม่พอ แน่นอนว่าราคาน้ำมันที่ลดลง
ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดมีความเข้มข้นมากขึ้น
สวนทางกับความสามารถในการแข่งขันของ PDVSA ที่ลดลง
1
เนื่องจากไม่ได้มีการซ่อมบำรุงรักษาอุปกรณ์
รวมไปถึงไม่มีการพัฒนาเทคโนโลยีการสำรวจและผลิตน้ำมัน เป็นเวลาหลายปีติดต่อกัน
เรื่องนี้ยังส่งผลลากยาวมาจนถึงปัจจุบัน
โดยหากย้อนดูกำลังการผลิตน้ำมันในช่วงปี ค.ศ. 1997 หรือช่วงก่อนที่อูโก ชาเบซ จะขึ้นเป็นประธานาธิบดี PDVSA เคยผลิตน้ำมันได้มากถึง 3.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน
แต่มาในวันนี้ บริษัทแห่งนี้กลับสามารถผลิตน้ำมันได้เฉลี่ยเพียงวันละประมาณ 0.73 ล้านบาร์เรลต่อวันเท่านั้น หรือคิดเป็นกำลังการผลิตที่หายไปเกือบ 80% เลยทีเดียว
1
เรื่องราวทั้งหมดนี้ ได้ส่งผลให้ในเวลาต่อมา ชื่อของ PDVSA
ก็ได้ถูกจารึกว่าเป็น World’s Worst Oil Company หรือ “บริษัทน้ำมันที่เลวร้ายที่สุดของโลก” นั่นเอง
1
จากเรื่องนี้เราจะเห็นว่า
จากการบริหารจัดการที่ผิดพลาดของ อูโก ชาเบซ ไม่ว่าจะเป็น
- การบริการเงินทุน ที่แทบไม่ได้มีการนำเงินกลับมาลงทุนในตัวบริษัทเลย
- การบริหารบุคลากร ที่นำบุคลากรที่ไม่ได้มีความสามารถเพียงพอเข้ามาทำงาน
4
จากข้อผิดพลาดในการบริหารเหล่านี้ ทำให้ท้ายที่สุดแล้ว
บริษัทไม่สามารถดำเนินธุรกิจแข่งขัน กับคู่แข่งคนอื่นในอุตสาหกรรมน้ำมันได้
1
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการเข้าไปแทรกแซงกิจการของบริษัท รวมถึงการคอร์รัปชันภายในบริษัท
1
ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนี้ก็ได้ทำให้ PDVSA ซึ่งเป็นบริษัทที่รัฐบาลเวเนซุเอลา
เคยตั้งใจจะให้เป็นหนึ่งในบริษัทพลังงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก
กลับกลายมาเป็น บริษัทน้ำมันที่เลวร้ายที่สุดของโลก ด้วยน้ำมือของรัฐบาลเวเนซุเอลาเอง..
1
หนังสือ BRANDING THE NATION หนังสือที่เล่าถึงการสร้างแบรนด์ของแต่ละประเทศที่ทำให้ แต่ละประเทศเป็นแบบทุกวันนี้
เช่น ทำไมเยอรมนีเป็นประเทศแห่งรถยนต์ ทำไมฝรั่งเศสเป็นประเทศแห่งแบรนด์หรู สั่งซื้อเลยที่
โฆษณา