13 ก.ค. 2022 เวลา 15:31 • สุขภาพ
ไมเกรนจ้า พี่ขอลาออกกก
กราบสวัสดีท่านผู้ชม ดั่งหัวข้อ ค้า ใครเป็นเจ้าโรคนี้บ้างยกมือขึ้น ตัวผู้เขียนเอง มีอาการปวดเจ้าตัวนี้มาร่วม20+ปี เป็นดั่งพี่นัองร่วมสายโลหิต ไปไหนไปกัน อยู่ด้วยกันดั่งน้องร่วมอุทร ชึ่ง อาการของ เจ้าไ มเกรน จากที่ผู้เขียนศึกษามา(เพราะอยู่ด้วยกันมานาน) จะมีอยู่ 2แบบคือ
อาการปวดแบบมีอาการนำ (migrain with aura) ,ซึ่งผู้ปวดมัก จะมีอาการนำมาก่อน เช่น ตาพร่า มองเห็นแสงระยิบระยับหรือ มีอาการ คลื่นใส้อาเจียนร่วมด้วย อีกแบบ คือ อาการปวด แบบไม่มีอาการนำมาก่อน (common migrain)
ซึ่งอาการปวดแบบนี้จะไม่มีอาการนำใดๆมาก่อน อยู่ๆก่ปวดซึ่งอาการปวดก่มีทั้ง ปวดตุ๊บๆที่ศรีษะข้างใด ข้างหนึ่ง หรือ ปวดทั้งสองข้างหรือ ปวดแบบตื้อๆหรือมึนๆ (ปวดจนมึน)ซึ่งเจ้าอาการปวดนี้ บางครั้ง จะมีอาการ sensitivity ต่อ แสง เช่น แสงจ้า หรือแดดจัดๆ เสียงดัง หรือกลิ่น ชึ่งตัวเองก่เป็นทั้งสองแบบคะ ยิ่งตอนใกล้วันนั้นของเดือนไม่ต้องพูดถึง.กินยาแก้ปวดดักไว้ 1 อาทิตย์ ถึงจะเอาอยู่ เริ่มแรกเดิมทีที่เริ่มมีอาการ ไม่ค่อยได้ใส่ใจ เท่าไหร่คิดแค่ว่าคงเป็นเพราะเราเครียด หรือไม่ก่พักผ่อนน้อย
เดวกินยาแก้ปวดก่คงหายทำให้ไม่ได้ไปรักษาแบบจริงจังจนเวลาล่วงเลยไป อาการปวดก่เริ่มเข้ามาถี่ขึ้น เริ่มมาตีสนิท
จนกลายมาเป็นเพื่อนกัน เริ่มเกิดความรู้สึก ไม่ไหวละ แย่ละตู ตูคงต้องไปหาหมอ อย่างจริงจังละ ถึงได้เริ่มเข้าสู่กระบวนการรักษาแบบต่อเนื่อง ชึ่งการรักษาเท่าที่จำได้ตอนนั้น (เพราะมันนานมาก)หมอให้ทานยา prednisolone 5 mg 5เม็ด 3 เวลาหลังอาหาร เป็นเวลา5 วัน เพื่อลดอาการปวด 555ไม่ต้องพูดถึง การกินยาตัวนี้มีทั้งอาการบวม นนขึ้น และแสบกระเพาะ มาก มีความรู้สึกหวิวๆเหมือนจะเป็นลม เวลาขึ้นเวรดึก พี่รู้สึกเหมือน มีแต่ร่างที่ไร้วิญญาน (555สลึมสลือ แต่ผู้ป่วยก่ปลอดภัยอยู่น้า)
จนเมื่ออาการปวดเริ่มทุเลาลง คุณหมอถึงเริ่มมาให้ยาที่ช่วยรักษาร่วมกับยาปัอง กันในตอนนั้นเท่าที่จำได้ พี่ได้
ทั้ง tropamax dapakin
sibilium triptan relplax หรือแม้แต่ยา flulox กินมาหมดดด(อันนี้เท่าที่จำได้นะ ยังมีตัวอื่นอีกหลายตัว ที่พี่จำม้ายด้าย)
แต่ว่า ยาที่สาธยายมาทั้งหมดพี่เจอside effect หมดทุกตัวค้า
ไม่ว่าจะเป็นอาการชามือ( tropamax)เข็มตำยังไม่รู้สึกมึนศรีษะ ทำงานไม่ได้ (tiptan +sibilium) นน.เพิ่มขึ้นเยอะมาก( dapakin) (แต่ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะไม่มีอาการข้างเคียงแบบนี้ก่ได้นะคะ )แต่ตัวผู้เขียนเป็นหมดจ้า รอไรคะ รีบซืคะ รีบไปหาหมอด่วน ไม่ใช่อะไร กลัวนน ที่เพิ่มมันลดไม่ลงจ้า ก่เลยเกิดการปรับยา ลด เพิ่มยา สารพัด รวมไปจนถึงเปลี่ยนหมอที่รักษาชึ่งเปลี่ยนมาแล้วหลายท่านมาก
(สงสัยเป็นคนไข้ที่ใช้หมอเปลืองที่สุด ) พูดคุย วางแผน ปรับเปลี่ยนยา เพื่อให้เหมาะ กับlife style ของตัวเอง ทั้งยาป้องกัน และยารักษา รวมไปจนถึงการลดสิ่งกระตุ้น ปรับเปลี่ยนlife style การใช้ชีวิต
แต่ๆน้องก่ยังอยู่ อาการเดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย (555 เหมือนผีเข้า ) อยากมาก่มา อยากไปก่ไป
แต่ตัวผู้เขียนเองก่พอรู้ถึงสาเหตุ ของอาการป่วยนี้ว่าจริงๆมันก่มาจากตัวกระตุ้นต่างๆ ที่เรายังไม่สามารถจัดการหรือลดทอนมันได้ ไม่ว่าจะเป็น การอดนอนหรือนอนไม่พอ ความเครียด กาแฟ และ ที่เพิ่มมาอีกอย่างคือฮอร์โมน (ซึ่งไอ้ตัวหลังนี้ไม่รู้จะจัดการยังไง นอกจากพบ หมอสูติ) สำหรับตํวเองคิดว่ามันค่อนข้างยากเนื่องจากตัวกระตุ้นเกือบทั้งหมดส่วนหนึ่งมาจากงานในวิชาชีพเราทำไห้เริ่มมองหาแนวร่วมอื่นมาช่วยในการรักษาการรักษา ไม่ว่าจะเป็นการฝังเข็ม นวด เล่นโยคะ ฝึกผ่อนคลาย
ฝึกสมาธื ว่ายน้ำ ฝึกปราณ
เลยไปจนถึง การไป บนบาน สานกล่าว ว่าหากแม้นว่า โรคที่ข้าพเจ้าเป็นอยู่หากจะหายก่ขอให้หายขาดด้วยเถิด หากแม้นไม่หายก่ขอให้อยู่ด้วยกันดีๆ อยู่กันอย่างพี่น้อง อย่ามาเบียดเบียนกันมาก เพราะหากเจ้าชองร่างนี้ ตายไปจะ หาที่อยู่ใหม่ได้ยากนะ 5555 ทุกกกอย่างทำโหมด
จนเมื่อถึงเวลาอันควร เบื้องบนคงเมตตาก่ได้ไปรักษากับอ.หมอท่าน หนึ่ง ที่จบทางด้านนี้มาโดยเฉพาะ แรกเริ่มเดิมทีท่านก่รักษา โดยให้ยาป้องกัน ร่วมกับทานยาแก้ปวด หากมีอาการ แต่ ๆ อาการที่มาแทน ปวดไมเกรนคือ ติดยาแก้ปวดจ้า ต้องมานั่งถอนยากันยกใหญ่ พี่พึ่งรู้ว่าเวลาคนที่เขาไปถอนยาที่ถ้ำกระบอกอาการมันเป็นอย่างไรมันคงคล้ายกัน ที่เรียกว่า ลงแดง พี่มีกระสับกระส่ายมาก นอนไม่หลับ ตาจะขวางๆ ใครพูดไม่เข้าหูพร้อมกระโดดถีบ บ้องหู55555 มีอาการคลื่นใส้ และอาเจียนเป็นพักๆ
จนผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์อาการนี้จะค่อยๆดีขึ้น (ดังนั้นใครที่กำลังจะถอนยา ให้แจ้งคนรอบข้างด้วยน้า ว่าช่วงนี้พี่กำลังจะเอาผีบ้าออกจากร่าง)
แต่เมื่อ อาการปวดเริ่มเอาไม่อยู่.(เนื่องจากปล่อยให้เรื้อรังมานาน)อ.ท่านเลยแนะนำให้เปลี่ยนเป็นยาฉีด แทน ( เข็มละประมาณ 13000 สิทธ เบิกตรงเบิกได้) เข็มแรก เอ้ยได้ผลเว้ยอาการปวดทุเลาลง มากไม่ต้องกินยาแก้ปวดแล้วเว้ยๆๆ ชีวิตดี้ๆๆๆแต่ๆๆ เข็มแรกอยู่ได้ประมาณ1-2เดือน จนเริ่มมีปวดที่เพิ่มขึ้น จึงเริ่มไปฉีดอีก จนอาการปวดเริ่มทุเลาลงเรื่อยๆ จึงจะเริ่มฉีดห่างออกไป (ลักษณะหลอดยา จะเป็นสีเทา ๆฉีด เข้าพุงคล้ายๆฉีดยาinsulin ในผู้ป่วยเบาหวาน)ซึ่งตัวผู้เขียนเองก่ได้มาตระหนักรู้ว่าจริงๆแล้ว
สาเหตุหลักๆที่ทำให้เกิดอาการป่วยนี้คือ ตัวกระตุ้นต่างๆที่เรายังแก้ไขมันไม่ได้เลยเแล้วจะมาให้อาการป่วยนี้มันดีขึ้นหรือหายไป ได้เช่นไร ยากกกก
คงต้องฉีดยากันไปตลอดชีวิตหรือหาวิธีการต่างๆในการรักษาแบบไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งๆที่เหตุยังไม่ได้แก้เลย(ดังคำ ที่พุทธองค์ ทรงสอน การดับทุกข์ ต้องดับที่เหตุ ) แต่ก่เคยมีเพื่อนหลายคน และหมอบางท่านเคยบอกว่า ถ้าเธอ อยากหาย จากอาการป่วยนี้เธอต้องไปมี ผัว อั๊ยยะ จะเป็นไปได้เช่นไร ผู้เเขียนก่มานั่งนึกดู มันจะหายยังไงหว่า ถ้าตูเจอดี ตูอาจจะหาย แต่ถ้าตูเจอร้าย ตูอาจจะเป็นยิ่งกว่าไมเกรน คือ บ้าไปเลย (trigger ตัวนี้ ตัองคิดและตัดสินใจดีๆ)
ก่มานั่งคิดว่าจะทำยังไงถึงจะลดตัวกระตุ้นเหล่านี้ได้ ก่นั่งวิเคราห์ บวกลบ คูณ หาร ถึงได้คำตอบ ว่า ลาออกเหอะ 555 (ความจริง ใจก่อยากออกนานละ) แผนการลาออก จึงได้ ถูกกำหนดขึ้น จนผ่านการอนุมัติ พี่จึงไดืลาออกสมใจ
แต่พีไม่รู้ว่า ถ้าพี่จะขอลาแล้วเจ้าไมเกรน จะออก ไปจาก ชีวิตพี่ด้วยไหมมม
โฆษณา