13 ก.ค. 2022 เวลา 22:40 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
Sierra Charlie Lima
สไลด์ฉุกเฉิน ภาคหนึ่ง
ตอน เฉียดตาย (ตอนหนึ่ง)
สไลด์ฉุกเฉิน หรือ สไลด์อพยพ เป็นอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งบนเครื่องบินที่จำเป็นต้องมี แต่ถ้าให้ดีไม่ต้องไปยุ่งกับมันจะดีที่สุด
วันนั้นก็เหมือนวันธรรมดาๆวันหนึ่งที่นกเหล็กลำมหึมาแบบโบอิง ๗๔๗ ขนาด ๓๙๖ ที่นั่ง ของสายการบินสัญชาติอเมริกันซึ่งบินเข้ามาถึงตั้งแต่เวลาห้าทุ่มกว่าของคืนก่อนหน้าจอดสงบนิ่งรอผู้โดยสารอยู่ที่สะพานเทียบเครื่องบินหมายเลข ๓๖ ของท่าอากาศยานกรุงเทพหรือดอนเมือง
ด้านนอกบริเวณโถงตรวจสอบบัตรโดยสารและที่นั่ง พนักสายการบินหลายชีวิตพยายามเร่งรีบเปิดเคาท์เตอร์ให้ได้ ๗ เคาท์เตอร์เพื่อรองรับผู้โดยสารที่มาเข้าแถวรออยู่เป็นจำนวนมาก
เช้านั้นผมทำหน้าที่เป็นซุปเปอร์ไวเซอร์ ควบคุมเที่ยวบินนี้ หน้าที่คือจริงๆของผมคือทำทุกวิธีให้เคาท์เตอร์ปิดตรงเวลา ปิดแล้วผมต้องเดินไปที่เกตุเพื่อดูแลการตรวจเข็คผู้โดยสารจนกว่าจะครบทุกที่นั่งที่เช็คอินไปจากข้างนอก เจ้าหน้าที่ขา
ออกจะเป็นคนให้ตัวเลขจำนวนผู้โดยสารผ่านเกตุเข้าไปในเครื่องโดยตัวเลขนี้ต้องตรงกับตัวเลขที่ปิดมาจากเคาท์เตอร์เช็คอินข้างนอก
ไม่มีใครอยากให้เครื่องบินออกล่าช้า เพราะการล่าช้าแม้เพียงหนึ่งนาทีก็คือเรื่องด่างพร้อยที่ถูกจะสะสมอยู่ในประวัติของสถานีแห่งนี้ ดังนั้นเส้นประสาททุกคนที่อยู่ตรงนั้นจะตื่นตัวทันทีเมื่อเจ้าหน้าที่ขาออกดังผ่านวิทยุสื่อสารว่าผู้โดยสารคนสุดท้ายผ่านเข้าไปในเครื่องแล้ว
บริเวณภายในบริเวณปากประตูเครื่อง ๗๔๗ จะมีลูกเรือยืนรอต้อนรับผู้โดยสาร หนึ่งถึงสามคน ลูกเรือจำนวนนี้จะลดหายไปเรื่อยๆเมื่อใกล้เวลาเครื่องออกและจำนวนผู้โดยสารที่ยังมาไม่ถึงเครื่องลดน้อยลง
ข้างหน้าปากประตูเครื่องจะมียามรักษาการหนึ่งคนซึ่งเป็นคนไทยจากบริษัท รักษาความปลอดภัย เอ็มพีเอ ชื่อ ประสิทธิ์ ยืนเฝ้า ใกล้ๆกันก็จะมีพนักงานควบคุมสะพานเทียบเครื่องซึ่งเป็นคนของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยเตรียมพร้อม
ที่จะถอยสะพานออกเมื่อได้รับคำสั่ง
เพื่อจบงานวันนี้ผมจะต้องพาตัวเข้าไปในเครื่องขึ้นบันไดวนเข้าสู่ห้องนักบินเพื่อแจ้งว่าขณะนี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ผู้โดยสารมาครบพร้อมที่จะออกเดินทางได้และขออนุญาตปิดประตูเครื่อง เมื่อนักบินรับทราบผมจะเดินอย่างรวดเร็วลงไปชั้นล่างเพื่อทำการปิดประตูเครื่องบินทันที
การปิดประตูเครื่องโบอิง ๗๔๗ รุ่นคลาสสิคนั้นต้องใช้ความชำนาญพอสมควร
กล่าวคือต้องดึงด้ามจับกระเดื่อง ๒ อันตรงประตูออกมาแล้วหมุนทวนเข็มนาฬิกาและในจังหวะเดียวกันต้องค่อยพลักบานประตูจากที่เปิดอ้าไปทางซ้าย ๑๘๐ องศาให้มาทางขวา จังหวะที่ประตูแนบสนิทลงไปตัวกระเดื่องจะกลับเข้าไปในร่องพอดิบพอดี หากกะจังหวะไม่สัมพันธ์ด้ามกระเดื่องจะคาอยู่เหนือร่องกดไม่เข้าและตัวประตูจะไม่แนบลงไปในลักษณะปิดสนิท เครื่องจะออกไม่ได้ จะต้องรอลูกเรือให้สัญญาใหม่จากภายในเพื่อทำการเปิดอีกครั้งเพื่อปิดใหม่
วันนั้นโชคดีมาก ผมสามารถปิดประตูได้สนิทในครั้งเดียว แต่ความโชคดีก็อยู่กับผมไม่นานเมื่อภาพของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไอ้ประสิทธิ์โผล่หน้าผ่านช่องกระจกมาจากข้างในเครื่อง หลังจากที่ผมปิดประตู
"อ้าว...เฮ้ย เมิงเข้าไปทำไม??"
ผมตะโกนถาม แต่มันไม่ได้ยินหรอกเพราะกระตกหนาที่กั้นขวางอยู่
ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก
อาการสมองกับใจเริ่มทำงานไม่สัมพันธ์กัน ใจอยากให้ไอ้ประสิทธิ์รีบออกมาแล้วปิดใหม่เพื่อไม่ให้เครื่องล่าช้า แต่สมองกำลังสับสนว่าแล้วเราจะเอามันออกมายังไง? อึดใจต่อมาผมเห็นประสิทธิ์ ทำท่าเอามือหมุนกระเดื่องจากด้านใน ในลักษณะเปิดประตูเครื่อง
ครืดดดด !! ผั๊วะ!!...ประตูเครื่องค่อยๆถูกดันออกมาจากข้างใน พร้อมทั้งมีบางสิ่งบางอย่างเห็นเป็น
สีเหลืองๆหลุดออกจากใต้ขอบประตูเครื่อง ส่งเสียงดังฟรี่....ฟรี่ฟรี่ฟี่ !
สไลด์ฉุกเฉิน ภาคหนึ่ง
ตอน เฉียดตาย (ตอน สอง) .
ใครที่เริ่มเข้าทำงานสายการบินใหม่ๆ มักจะได้รับฟังเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับ สไลด์ฉุกเฉิน แต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะได้รับฟังเรื่องดีๆเกี่ยวกับมัน มักจะมีแต่คนบอกว่าถ้าไม่จำเป็นอย่าไปแตะต้องมันเด็ดขาด...ในอดีตเคยมีรถบันไดเทียบเครื่องโดนสไลด์ยิงปลิวกระเด็นทั้งคันมาแล้ว หรือ ถ้ายิงออกมาแล้วการเก็บพับจะใช้เวลานานและค่าใช้จ่ายแพงมาก บลา บลา บลา
ดังนั้นวินาทีทีผมได้เจอกับเจ้าตัวสไลด์เป็นๆนั้น จึงเป็นวินาทีที่สัญชาติญาณในการเอาตัวรอดของผมตื่นตัวสุดๆ สมองไม่ต้องสั่งเท้าผมก็ขยับวิ่งได้เอง ผมค่อนข้างมั่นใจว่าจากปากประตูเครื่องไปถึงสุดทางอีกปลายของสะพานเทียบเครื่องผมน่าจะใช้เวลาต่ำกว่า 10 วิ ผมวิ่งโดยไม่กล้าหันกลับไปมองว่าจะมีอะไรพุ่งตามหลังหรือไม่ ก่อนวิ่งผมตะโกนบอกเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมสะพานเทียบเครื่องว่า "วิ่งเร็ว!"
เมื่อถึงสุดทางปรากฏว่าไม่มีอะไรพุ่งตามหลังผมมา ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น มีแต่
ความเงียบ (เงียบจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น) ผมหายใจหอบแฮ่กๆขยับตัวหันไปดูตรงปากประตูเครื่องที่วิ่งมา ปรากฏว่าสไลด์ฉุกเฉินที่หลุดร่วงออกมายังกองอยู่บนพื้นประตูในลักษณะที่ถูกพับและคลี่ออกมาเล็กน้อยบางส่วนอฝ แสดงว่าผมไม่ได้ฝัน บางส่วนที่ล้นออกมาจากการพับของมันยังก็เหี่ยวยับยู่ยี่ ที่สำคัญที่สุดมันไม่ได้สำแดงอนุภาพใดๆให้เห็นสมคำเล่าลือนอกจากส่งเสียงดัง...ฟรี่ๆๆๆๆ
ไม่มีใครตอบได้ว่าเหตุใดสไลด์ฉุกเฉินที่หลุดร่วงออกมาจึงไม่ทำงาน ซึ่งจริงๆแล้ว
ต้องถือว่าเป็นเรื่องโชคดีมากๆที่มันไม่ทำงาน ผมเห็น เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมสะพานเทียบเครื่องยืนนิ่งอยู่กับที่น่าจะเป็นเพราะขยับตัวก้าวขาไม่ออก ส่วนประสิทธิ์ก็สามารถออกมาจากตัวเครื่องได้ในที่สุด และผมเป็นคนเดียวที่วิ่งตาแหกสำหรับงานนี้
เรื่องราวหลังจากนั้นคือความโกลาหลที่ตามมา เครื่อง ๗๔๗ ไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ สไลด์ฉุกเฉินมีไม่พอกับจำนวนผู้โดยสารบนเครื่องซึ่งตอนนั้นคือเต็มลำ
พนักงานสายการบินต้องนำส่งผู้โดยสารไปกับสายการบินอื่นที่บินในเส้นทางเดียวกัน ส่วนที่เหลือต้องนำเข้าโรงแรมยอดนิยมสำหรับสายการบินที่มีปัญหาเครื่องขัดข้องในยุคนั้นคือ โรงแรมอามารี แอร์พอร์ต , โรงแรมรามา และ
โรงแรมไฮแอทเซ็นทรัลพลาซา (ชื่อในขณะนั้น)
โชคดีมากที่ทั้ง ๓ โรงแรมในวันนั้นมีห้องว่างเพียงพอสำหรับผู้โดยสาร ส่วนค่าห้อง, ค่าอาหารทุกมื้อ รวมทั้งค่าโทรศัพท์ทางไกล ๓ นาที ค่ารถรับส่งถือเป็นค่าใช้
จ่ายของสายการบิน
จากนั้นมันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่จริงๆแล้วมีการสอบสวนและมีการสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้เท่าที่พอเปิดเผยได้ดังนี้
๑.) มีลูกเรือเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคือประสิทธิ์จากหน้าเครื่องให้เข้าไปในเครื่อง ซึ่งประสิทธิ์ระบุว่ามีลูกเรือเรียกตนให้เข้าไปช่วยจริง เพื่อยกสัมภาระขึ้นใส่ในช่องเก็บด้านบนให้ผู้โดยสาร แต่ประสิทธิ์ (เสือก) จำหน้าลูกเรือ
คนดังกล่าวไม่ได้
๒.) เครื่อง ๗๔๗ ลำนี้มีที่นั่งชั้นหนึ่งอยู่ที่ส่วนหัวของเครื่อง ๑๘ ที่นั่ง ชั้นนักธุระกิจจะถูกแบ่งเป็นสองส่วนคือชั้นบนอีกจำนวนหนึ่งและอีกส่วนอยู่ถัดจากที่นั่งชั้นหนึ่ง ๔ แถว บริเวณนี้จะอยู่ถัดจากประตู แอล ๑ เข้าไปทางซ้ายและถูกกั้นด้วยครัวตรงกลาง อันนี้คือเหตุที่ทำให้ผมซึ่งลงมาจากบันไดวนด้านบนแล้วจึงมองไม่เห็นตัวประสิทธ์
๓.) ประสิทธิ์จะไม่เปิดประตูเครื่องเองถ้าไม่มีคนบอกให้เปิด และคนๆนั้นต้องเป็นคนไทย พูดภาษาไทยเพราะประสิทธิ์ฟังภาษาอังกฤษไม่ออก ประสิทธิ์ยืนยันว่าเขาได้ยินเสียงผู้หญิงบอกให้เปิดเป็นภาษาไทยแต่เขาไม่ได้หันไปมองจึงไม่ทราบว่าเป็นลูกเรือคนใด
๔.) คำถามสำคัญคือ ขณะเกิดเหตุเครื่องบินลำดังกล่าวยังไม่ได้ออกเดินทางไปตามทางขับ เหตุใดตำแหน่งกระเดื่องสไลด์จึงอยู่ที่ "อาร์ม"
โดยปกติพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจะได้รับการฝึกสอนมาว่า ประตูจะมีสองหมวดคือ Door Armed และ Door Disarmed (อาร์ม/ดิสอาร์มประตู หรือดอร์ออโต้/ดอร์แมนน่วล แล้วแต่สายการบินจะเรียก) ซึ่งสำคัญมากเวลาจะเปิดประตูในแต่ละครั้งเพราะ
Armed Door จะล็อคประตูให้เกี่ยวติดกับสไลด์ เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่ต้องอพยพ ถ้าเปิดประตูตอนนี้ สไลด์จะกางออกมา
Disarmed Door คือการปลดล็อคประตูจากสไลด์ เพื่อเตรียมพร้อมเปิดประตูในสถานการณ์ปกติ (เช่นรับผดส.เข้า-ออก) ถ้าเปิดตอนนี้สไลด์จะไม่กาง
ผู้ที่เดินทางด้วยเครื่องบินบ่อยๆน่าจะเคยสังเกตและได้ยินเสียงประกาศว่า "เคบินครูว อาร์มดอร์ฟอร์ดีพาร์ทเชอร์" นั่นแปลว่า ประตูบนเครื่องกำลังจะถูกล็อคให้พร้อมเดินทางดังนั้นคำถามคือใครคือคนที่ อาร์มดอร์ฟอร์ดีพาร์ทเชอร์ ก่อนเครื่องถอย ?
๕.) ค่าใช้จ่ายในการพับเก็บสไลด์หรือที่เรียกว่า
รีแพคกิ้ง ( Repacking) ตกประมาณ ๖,๐๐๐ ถึง ๑๒,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ (ราคานี้ไม่รวมค่าซ่อมหากมีการขำรุด)
๖.) ไม่มีการกล่าวถึงอีกเลยว่าบทสรุปของเหตุการณ์ในวันนั้นเป็นความผิดของใคร ทุกอย่างเงียบสนิท ดูเหมือนฝรั่งจะชอบประโยคที่บอกว่า...no news is good news.
๗.) หกเดือนให้หลังลูกเรือไทยหนึ่งคนที่ประจำอยู่ในส่วนที่เกิดเหตุหายได้สาปสูญไปอย่างไร้รองรอยในวันหนึ่ง ไม่มีจดหมายลาป่วยหรือลาออก มีการออกตามหาไปตามจังหวัดแถบชายทะเลแถวประจวบคีรีขันท์แต่ไม่พบดูเหมือนว่าเธอจะหายสาปสูญไปจนทุกวันนี้ แต่เรื่องการสาปสูญนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้แต่อย่างใด
๘.) พนักงานรักษาความปลอดภัยจาก บริษัท เอ็มพีเอ ผู้เปิดประตูเครื่อง นาย/ไอ้ประสิทธิ์ได้ไปลงเรียนปริญญาตรีกับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช และต่อมาได้ย้ายไปทำงานอยู่กับสายการบินลาว พาตัวเองไต่ขึ้นไปจากระดับพนักงานธรรมดาจนถึงตำแหน่งสุดท้ายคือ "นายสถานีสายการบินลาวประจำประเทศไทย" ช่วงที่เป็นนายสถานีเวลาเจอะเจอทุกคนต้องเรียกเขาว่า "คุณประสิทธิ์"
โฆษณา