14 ก.ค. 2022 เวลา 08:34 • ยานยนต์
Carro แนะนำรถ SUV และ MPV แบบ 7 ที่นั่ง!
ถ้าจะให้พูดถึง “รถ SUV” (Sport Utility Vehicle) และ “รถ MPV” (Multi-Purpose Vehicle) มือสอง ในบ้านเราจัดเป็นรถขายดีทีเดียว เพราะเป็นรถที่เหมาะกับคนมีครอบครัวใหญ่ ไปไหนไปกันได้หลายคน เริ่มต้นตั้งแต่แบบ SUV Crossover ซึ่งมาจากคำว่า Crossover Utility Vehicle เป็นรถที่ประกอบเป็นชิ้นเดียวกันทั้งคัน ดูคล้ายกับรถเก๋งยกสูง เน้นความอเนกประสงค์ ตัวรถไม่ใหญ่มากนัก เหมาะกับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก หรืออาจลุยได้บ้าง แต่ก็ไม่มากเท่ากับแบบ SUV แท้ๆ
สำหรับรถ SUV นั้น ก็ยังมีอีก 2 แบบหลักๆ ได้แก่ SUV แบบที่มีลักษณะเดียวกันกับรถแนว Crossover แต่มีขนาดตัวรถที่ใหญ่กว่า ดูลุยกว่า มีที่นั่งทั้งแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง
และรถ SUV ที่มีพื้นฐานตัวรถเป็นแชสซีส์ แบบเดียวกับรถกระบะ หรือที่บ้านเรามักเรียกกันว่า “รถ PPV” หรือ Pick-up Passenger Vehicle แต่ปรับช่วงล่างให้นุ่มนวลขึ้น ด้วยการใช้คอยล์สปริง ตัวรถมีขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่จะนั่งได้ 7 ที่นั่ง สามารถวิ่งในเมือง หรือลุยในทางฝุ่น เข้าป่าฝ่าดงได้
และรถในรูปแบบ MPV ที่เหมาะสำหรับคนมีครอบครัวใหญ่ ที่มีทั้งเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ เน้นการใช้งานใช้เมืองสะดวกสบาย เข้า-ออก สะดวกกว่า มีทั้งแบบประตูเปิดแบบรถปกติ และประตูแบบบานเลื่อน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นรถที่มี 7 ที่นั่งเช่นกัน
แต่ด้วยงบประมาณของหลายคนเวลานี้อาจมีจำกัด เนื่องจากวิกฤตโควิด-19, เศรษฐกิจฝืดเคือง และน้ำมันแพง ทำให้การเลือกรถใช้สักคัน ต้องคำนึงถึงราคา และความประหยัดกันมากขึ้น
Carro จึงรวบรวมรถ SUV, Crossover และ MPV มือสอง ที่ขายดีใน Carro และน่าซื้อในปี 2022 มาให้ทุกท่านเลือกซื้อกันแล้วครับ
1. Toyota Fortuner (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์)
รถอเนกประสงค์ยอดฮิตที่สุดในไทยอีกรุ่นหนึ่ง ซึ่งเป็นรถที่รถขายดีใน Carro ราคาตกน้อย และการดูแลรักษา อะไหล่หาง่าย นั่นก็คือ Toyota Fortuner มือสอง (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ มือสอง) ในเจเนอเรชั่นที่ 2 นั่นเอง
รถอเนกประสงค์ Toyota Fortuner โฉมนี้ มาพร้อมสโลแกน “New Legend of the Pride” หรือ “เหนือนิยามแห่งศักดิ์ศรี” เปิดตัวเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2558 ภายใต้โครงการ IMV ของ Toyota พร้อมขยายเฟรมให้ใหญ่ขึ้น และพัฒนาช่วงล่างแบบ 4 ลิงค์ เครื่องยนต์ใหม่ รวมถึงดีไซน์ที่หรูหรา ล้ำสมัย ทั้งภายนอก-ภายใน โดยเฉพาะ 3 เส้นสายแห่งดีไซน์ (3 Iconic Lines) ออกแบบได้สวยทั้งหน้าและหลัง
ห้องโดยสารภายใน มีฟังก์ชั่นเด่นๆ อย่าง เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง, ระบบนำทาง (Navigator) พร้อมเครื่องเล่น DVD หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับ T-Connect และการเชื่อมต่อ Bluetooth, ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติสามารถควบคุมแรงลมอัตโนมัติ, กล้องมองภาพด้านหลัง, ระบบไฟหน้า เปิด-ปิด อัตโนมัติ, ระบบ Cruise Control หรือช่องเก็บของแบบ Cool Box เป็นต้น
มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล เจเนอเรชั่นใหม่ (GD Efficient Boost) ทั้งในแบบ 2.4 ลิตร รหัส 2GD-FTV (High) แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VN Turbo Intercooler Commonrail ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,000 รอบ/นาที
ขนาด 2.8 ลิตร รหัส 1GD-FTV แบบ 4 สูบ VN Turbo Intercooler Commonrail ให้แรงม้าสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,400 รอบ/นาที แรงม้าและแรงบิดเพิ่มขึ้นกว่าเครื่องยนต์ตระกูล KD รุ่นเดิม แถมกินน้ำมันลดลง 10%
เพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ ให้แรงบิดสูงในช่วงรอบกว้าง (Flat torque) แต่ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม ผสานกับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด (เฉพาะรุ่นดีเซล 2.4) และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift กับระบบ Paddle Shift เปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
และเบนซินขนาด 2.7 ลิตร รหัส 2TR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 166 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 245 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที
2. Toyota Sienta (โตโยต้า เซียนต้า)
Toyota Sienta มือสอง (โตโยต้า เซียนต้า มือสอง) จัดเป็นรถยนต์นั่งอเนกประสงค์รูปแบบใหม่ ในโฉมเจเนอเรชั่นที่ 2 นี้ เปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น ในปี 2558
การออกแบบภายนอก ได้แรงบันดาลใจจาก “Urban Trekking Shoes” หรือ “รองเท้าเดินป่าสมัยใหม่” โดดเด่นด้วยชุดไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ Bi-Beam LED พร้อมไฟ Daytime Running Lights แบบ LED, ไฟหรี่ และไฟท้าย LED แบบ Light Guiding, กระจกมองข้างปรับ/พับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว
ภายในออกแบบให้มี 3 แถว 7 ที่นั่ง พื้นที่กว้างขวาง จัดเต็มกับเครื่องเล่น DVD/CD/MP3/WMA พร้อมจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พวงมาลัยไฟฟ้า พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและ MID กับระบบแอร์อัตโนมัติ ควบคุมอุณหภูมิแบบ Digital, ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ (Push Start), ประตูข้างซ้าย-ขวา สไลด์อัตโนมัติ แบบ Smart Entry และเบาะพับง่ายแค่เพียงสัมผัส (1-Touch Tumble) พร้อมระบบความปลอดภัยครบครัน
ขุมพลังใช้เครื่องยนต์รหัส 2NR-FE ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 108 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 140 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบ/นาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 16.1 กม./ลิตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT พร้อมระบบ Sport Sequential Shift 7 สปีด
3. Toyota Innova Crysta (โตโยต้า อินโนว่า คริสต้า)
Toyota Innova Crysta มือสอง (โตโยต้า อินโนว่า คริสต้า มือสอง) เป็นรถเจเนอเรชั่นที่ 2 ของ Innova ที่ยังได้รับความนิยมทั้งในตลาดรถป้ายแดง และรถมือสองอย่างต่อเนื่อง เป็นการนำเข้าจากอินโดนีเซียเช่นเคย (เพราะที่อินโดนีเซีย นิยมรถประเภท MPV มาก ยอดขายเยอะ ฐานการผลิตรุ่นนี้จึงอยู่ที่นั่น)
เปิดตัวในไทยเมื่อเดือนกันยายน 2559 อัพเกรดความหรูหรามาเต็มพิกัด ภายใต้แนวคิด “Life is Infinite – เปลี่ยน…ให้ชีวิตทุกด้านเหนือระดับ”
ภายนอก ดีไซน์หรูหราโฉบเฉี่ยว แบบ Premium Crossover MPV มาพร้อมสเกิร์ตรอบคัน ไฟหน้า LED Projector พร้อม Daytime Running Lights มีไฟตัดหมอกหน้า กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว และไฟ Welcome Light สปอยเลอร์หลัง พร้อมเสาอากาศแบบ Shark Fin และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว เป็นต้น
ห้องโดยสารกว้างขวาง ให้ความรู้สึกเสมือนอยู่ในบ้าน ภายใต้ Concept “Living Room Like” เติมเต็มด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกระดับพรีเมียม อาทิ ไฟส่องสว่างในห้องโดยสารแบบซ่อนฝ้า Premium Illumination LED แผงควบคุมไฟห้องโดยสาร และระบบแอร์แบบแยกส่วน พวงมาลัยพร้อมปุ่มควบคุม มาตรวัดเรืองแสง Optitron พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID หน้าจอสีแบบ TFT ระบบ Push Start ระบบ Smart Entry ควบคุมการล็อค-ปลดล็อคประตูอัจฉริยะ และมีช่องเก็บของแบบ Cool Box
เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งแถวที่ 2 แบบ Captain Seat มาพร้อมที่พักแขน ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control, DVD & Navigator ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว พร้อมรองรับระบบ T-Connect และช่องต่อ USB
ในรุ่น 2.8V และ 2.8G มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล GD Efficient Boost รหัส 1GD-FTV (High) 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 174 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตร ที่ 1,200-3,400 รอบ/นาที ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift
ส่วนรุ่น 2.0E ใช้เครื่องยนต์เบนซินรหัส 1TR-FE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้แรงม้าสูงสุด 139 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 183 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด รองรับแก๊สโซฮอล์ E20
4. Nissan X-Trail (นิสสัน เอ็กซ์เทรล)
Nissan X-Trail มือสอง (นิสสัน เอ็กซ์เทรล มือสอง) เจเนอเรชั่นที่ 3 ซึ่งเป็นรุ่นสุดท้ายที่ขายในไทย เปิดตัวในไทยเป็นทางการในไทยเมื่อ 18 พฤศจิกายน 2557 มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร และ 2.5 ลิตร แม้ว่าจะช้ากว่าในตลาดโลก แต่ก็ทำให้ตลาดรถ SUV ได้ตื่นเต้นไปตามๆ กัน ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ และฐานล้อที่ยาวขึ้น
มีเทคโนโลยีและอุปกรณ์ติดตั้งครั้งแรกในกลุ่มรถประเภทนี้ อาทิ หน้าจอแสดงข้อมูลอัจฉริยะ 3 มิติ ขนาด 5 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่ หรือไฟหน้า LED Projector พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน เป็นต้น
ส่วนพื้นที่ภายในหรูหรา โดดเด่นมากขึ้น เบาะนั่งแบบ 3 แถว และที่นั่งแบบ 5+2 ที่ ซันรูฟแบบพาโนรามิค และประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ เพิ่มความสะดวกสบายและพื้นที่ใช้สอย เหมาะที่จะเป็นรถสำหรับทุกครอบครัว
นอกจากนี้ เทคโนโลยีเด่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบกล้องมองรอบทิศทาง 360 องศา (Around View Monitor) ระบบช่วยลดความเร็วอัตโนมัติ (Active Engine Brake) และระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ (Active Ride Control) ช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจ
ต่อมาในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562 ได้เปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ พร้อมกันทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน และ Hybrid รายแรกในกลุ่ม SUV ในไทย เพิ่มฟังก์ชั่นมากมาย ตอบสนองวิถีชีวิตคนเมือง เช่น ระบบเปิด-ปิด ประตูท้ายอัตโนมัติแบบระบบแฮนด์ฟรี เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเปลี่ยนเครื่องเสียงรุ่นใหม่แบบ A-IVI หรูหราและตอบสนองไลฟ์สไตล์ลูกค้ายิ่งขึ้น
ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตร รหัส QR25DE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Twin C-VTC ให้แรงม้าสูงสุด 171 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 233 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที
ส่วนเครื่องยนต์ Hybrid ขนาด 2.0 ลิตร รหัส MR20DD Hybrid แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Twin C-VTC ให้แรงม้าสูงสุด 144 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที + มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 41 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร ซึ่งทั้งสองรุ่นย่อย ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT พร้อม Manual Mode 7 สปีด (M-CVT)
5. Nissan Terra (นิสสัน เทอร์ร่า)
Nissan Terra มือสอง (นิสสัน เทอร์ร่า มือสอง) เปิดตัวครั้งแรกในไทยเมื่อ 16 สิงหาคม 2561 รถยนต์อเนกประสงค์แบบตัวถังบนแชสซีส์ (หรือรถ PPV ตามที่ Nissan เรียก) มาพร้อมไฟหน้าโปรเจคเตอร์ ที่รับกับกระจังหน้าแบบ V-Motion ส่วนชุดประตูหน้านั้นเหมือน Navara และด้านท้ายถูกออกแบบใหม่หมด ไฟท้ายเป็นแบบ LED มาพร้อมล้อแม็กขนาด 18 นิ้ว
ห้องโดยสารภายในยกชุดมาจาก Navara แต่ตกแต่งให้หรูหราขึ้น ด้วยโทนสีดำตัดด้วยสีเงิน แบบ Gliding Wing 7 ที่นั่ง กว้างขวาง และเงียบ มีเครื่องเสียงระบบหน้าจอสัมผัส, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 2 โซน, กุญแจ Keyless Entry พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งแถว 2 มีระบบพับอัตโนมัติแบบแบนราบ และระบบแอร์เพดานแยกส่วนกระจายทั่วห้องโดยสาร เป็นต้น
มาพร้อมขุมพลังดีเซลขนาด 2.3 ลิตร รหัส YS23DDTT แบบ 4 สูบ DOHC Twin-Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อม Manual Mode
พร้อมเทคโนโลยีจาก Nissan Intelligent Mobility โดย Terra เป็น SUV รายแรก ที่มีเทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ หรือ Intelligent Rear View Mirror (IRVM) นอกจากนี้ยังติดตั้งเทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง หรือ Lane Departure Warning (LDW)
เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning (BSW) และเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor (IAVM) ที่มาพร้อมเทคโนโลยีตรวจจับ และส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน หรือ Moving Object Detection (MOD) โดยทั้งหมดนี้ ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่น กับความสะดวกสบายอย่างสูงสุดสำหรับผู้โดยสารทุกคน
6. Honda CR-V (ฮอนด้า ซีอาร์วี)
Honda CR-V มือสอง (ฮอนด้า ซีอาร์วี มือสอง) รุ่นยอดฮิตและเป็นรถขายดีใน Carro โฉมนี้ เปิดตัวในไทยเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2560 จัดเป็นรถยนต์ SUV อเนกประสงค์รุ่นใหญ่เจเนอเรชั่นที่ 5 ของตระกูล CR-V ที่ออกแบบใหม่ทั้งคัน ด้วยพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขึ้น ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง และแบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง ที่ตามออกมาในเดือนพฤศจิกายน 2561
ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบายและเงียบยิ่งขึ้นในทุกการเดินทาง ออกแบบภายในหลักการที่ว่า “Urban BASE Beautility” หรูหราด้วยแผงคอนโซลหน้าขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยเส้นสายลายไม้ และวัสดุสี Piano Black พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่มากถึง 561 ลิตร (ในรุ่น 5 ที่นั่ง) หากพับเบาะหลังลง จะเพิ่มเนื้อที่ได้มากถึง 1,123 ลิตร และ 936 ลิตร ในรุ่น 7 ที่นั่ง
มาพร้อมเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง และระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถว 2 และ 3 เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง มีะบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ซึ่งสามารถแสดงผลฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย เป็นต้น
มาพร้อมขุมพลังขับเคลื่อนเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร เป็นครั้งแรก! พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม (Earth Dreams Technology) ในรูปแบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-DTEC Diesel Turbo แบบ 2 จังหวะ (2-Stage Turbocharger) ให้แรงม้าสูงสุดถึง 160 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตัน-เมตร (35.6 กก.-ม.) ที่ 2,000 รอบ/นาที ซึ่งเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่
ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด เป็นระบบเกียร์ไฟฟ้าที่ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยสวิตช์ (Shift by Wire)
และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC ให้แรงม้าสูงถึง 173 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 22.8 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ให้การตอบสนองที่ทันใจ พร้อมรองรับพลังงานทางเลือก E85
7. Honda Freed (ฮอนด้า ฟรีด)
Honda Freed มือสอง (ฮฮนด้า ฟรีด มือสอง) รุ่นแรกและรุ่นเดียวที่ขายในไทย เปิดตัวเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2552 โดยการนำเข้ามาจากอินโดนีเซีย (ซึ่งนิยมรถ MPV แบบ 7 ที่นั่งมานาน) จัดเป็นรถยนต์นั่งเอนกประสงค์ Segment ใหม่ นั่นคือ “MUV” (หรือ Multipurpose Utility Vehicle) ที่ Honda เรียก
ออกแบบตัวรถสไตล์ European ใช้รูปทรงสามเหลี่ยม และสี่เหลี่ยมโดดเด่นไม่เหมือนใคร ชูจุดเด่นด้วยตัวถังขนาดกระทัดรัด ห้องโดยสารกว้างขวาง ประหยัดน้ำมัน ขับขี่ง่าย ตัวรถสั้น หาที่จอดได้ง่าย จุดเด่นข้อที่สอง มีเครื่องยนต์ขนาดเล็ก ประหยัดน้ำมัน แต่ถ้าหากใช้วิ่งออกต่างจังหวัดยาวๆ ก็อาจกินน้ำมันนิดๆ
ตัวรถออกแบบให้มี 7 ที่นั่ง แบ่งเป็น 3 แถว พื้นห้องสัมภาระแบนราบ Flat Floor เดินในรถไม่ต้องกลัวสะดุด และเดินถึงกันได้ทุกมุม ส่วนเบาะแถวสองดีไซน์แบบ Captain’s Seats ปีกเบาะโอบกระชับ คุณแม่นั่งได้สบายๆ และเบาะแถวที่ 3 พับเก็บได้ วางของได้เพียบ เมื่อพับเบาะแล้วจะมีพื้นที่มากถึง 670 ลิตร
ส่วนชุดแผงคอนโซลออกแบบสไตล์ Open Cafe เป็นแบบ 2 ชั้น กว้าง ใช้งานได้หลากหลาย จะวางอาหาร หรือเครื่องดื่มก็ได้ ซึ่งใช้งานได้จริงๆ (อย่างน้อยก็วางจานข้าว ไว้กินข้าว ตอนรถติดๆ ได้!) ส่วนเครื่องเสียงของฟรีด สามารถเชื่อมต่อ iPod ด้วย USB Port ได้
มาพร้อมขุมพลังขนาด 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว i-VTEC ให้แรงม้าสูงสุด 118 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 147 นิวตันเมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ 5 สปีด และขับเคลื่อนล้อหน้า
8.  Isuzu MU-X (อีซูซุ มิว-เอ็กซ์)
Isuzu MU-X มือสอง (อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ มือสอง) รุ่นที่มาทดแทน Isuzu MU-7 นี้ เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่เมืองไทย เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2556 มาพร้อมสโลแกน “เอกสิทธิ์แห่งผู้นำ” (PRIVILEGE of the LEADER) คล่องตัวสูงสำหรับการใช้งานในเมืองใหญ่ ด้วยความยาวตัวรถ 4.825 เมตร และวงเลี้ยวแคบสุดเพียง 5.7 เมตร หรือเทียบเท่ารถยนต์นั่งขนาดกลาง
โดดเด่นด้วยรูปทรงลู่ลม ไฟหน้าแบบ Projector กระจังหน้าแบบ 3-Dimension ไฟท้ายแบบ ARC-Dimension ด้านหลังติดตั้งกล้องแบบ Built-In เสาอากาศ Dual Function แบบครีบ รับได้ทั้งสัญญาณวิทยุและระบบนำทาง ราวหลังคาออกแบบใหม่ ปรับตำแหน่งยึดรูฟแร็คได้อิสระ
สำหรับการออกแบบภายในหรูหราสไตล์ยุโรป ด้วยแนวคิด “Premium & Exclusive” เบาะนั่งกึ่งหนังแท้สี Ivory เบาะผู้ขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดครบทั้ง 7 ที่นั่ง แผงหน้าปัดตกแต่งด้วยลายไม้แบบ Nature Touch มาตรวัดเป็นไฟเรืองแสงสีขาวพร้อมตัวเลขสีขาว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ระบบอินโฟเทนเมนท์ Isuzu Media Solutions พร้อมระบบนำทาง i-Genii ทำงานผ่านจอทัชสกรีน 7 นิ้ว เสริมด้วยมอนิเตอร์บนเพดาน Built-In ขนาด 10.5 นิ้ว ระบบเสียง Surround Sound ลำโพง 8 ทิศทาง
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติทั้ง 3 ตอน พร้อมปุ่มควบคุมแยกตอนหน้า-หลัง ระบบปรับ-พับเบาะแบบ One Action ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยภายในได้หลากหลาย พร้อมกุญแจอัจฉริยะ Genius Entry ควบคุมการเปิด-ปิด และล็อกประตูได้ทุกบาน รวมถึงการสตาร์ทรถ พร้อมสวิตช์เปิด-ปิด ที่ประตูท้าย
ด้านขุมพลัง แรงเร้าใจกับเครื่องยนต์ Isuzu Ddi Super Commonrail สองทางเลือกกับขนาด 3.0 ลิตร รหัส 4JJ1-TCX ให้แรงม้าสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที
และเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 136 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที พร้อมเทอร์โบแปรผัน VGS Turbo ใหม่ล่าสุดแบบ Zero GAP ลดช่องว่างระหว่างใบพัดกับเสื้อเทอร์โบ เพิ่มประสิทธิภาพการอัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้ดียิ่งขึ้น พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด แบบ REV Tronic มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ
ในรุ่นปรับโฉม Blue Power จึงโละเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตรออก แล้วแทนที่ไปด้วยเครื่องยนต์ใหม่! 1.9 ลิตร รหัส RZ4E-TC แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Commonrail DI VGS Turbo Intercooler ให้แรงม้าสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที ส่งกำลังแบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด
✨ใครที่อยากซื้อ-ขาย รถยนต์มือสองคุณภาพดี ราคาคุ้มค่า ติดต่อคาร์โรได้เลยตอนนี้ คลิก! https://bit.ly/3IFMHj9 เพราะคาร์โร มีแต่ให้ 🧡 ทั้งการรับประกันคุณภาพโดยคาร์โร ที่ทำให้คุณมั่นใจ 100% ทุกการซื้อรถยนต์มือสองที่คาร์โร
🧡 รับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี
🧡 ผ่านมาตรฐานการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ 160 จุด
🧡 ยินดีคืนเงินภายใน 5 วัน หากไม่พอใจในตัวรถ
🧡 รับประกัน คาร์โรไม่กรอไมล์
🧡 รับรองสภาพรถยนต์มือสองทุกคันไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
สอบถามเพิ่มเติมได้ทุกวัน 9.30-18.30 น.
💬 ไลน์ : @carrothai
🔍 เฟซบุ๊ก : Carro Thailand
📞 โทร : 02-460-9380
โฆษณา