15 ก.ค. 2022 เวลา 13:24 • กีฬา
#KidsConqueror
FT : Melbourne Victory 1 - 4 Manchester United
จบเกม!!! แมนยูไนเต็ดเอาชนะเมลเบิร์น วิคตอรี่ไป 4-1 ต้องบอกว่า เป็นการยิงครึ่งละสองประตูที่ความรู้สึกแตกต่างกันมากๆ จาก2ประตูแรกในเกมการเล่นของนักเตะตัวหลักที่ยังเล่นไม่ได้อย่างที่คาดหวัง กับการเจาะ low block ของคู่แข่ง แต่ยิงประตูคืนได้ช่วงท้ายๆ แบบที่ไม่สัมพันธ์กับคุณภาพของรูปเกม
ส่วน2ประตูหลัง เป็นการดูบอลที่เพลิดเพลินกับคุณภาพ และธรรมชาติในการเล่นที่เนียนตาและดูดีกว่าชุดแรก มีทั้งความเร็ว ความคล่อง และพลังงานในการเล่นที่dominateคู่แข่งหมดทุกกระบวน น่าจะทำให้แฟนบอลพอใจ และคาดหวังกับอนาคตของทีมเราที่อายุน้อยหลายๆคน
วันนี้มีอะไรที่น่าสนใจบ้างเท่าที่เห็น ลองไปอ่านกัน ซึ่งจะเน้นครึ่งหลังเยอะหน่อย เกมครึ่งแรกผมเขียนเอาไว้แล้วในโพสต์อีกอันนึง ไปอ่านกันได้ครับ
-------------------------------
1. ปัญหาครึ่งแรก
นักเตะแมนยูไนเต็ดชุดแรกขาดความคล่องตัว พลังงาน และไดนามิคที่ไม่เพียงพอจะเอาชนะคู่แข่งได้ รวมถึงมิติในการทำเกมรุกที่ขาดไอเดียจะทำลายเกมคู่ต่อสู้ไปหลายๆอย่าง โดยเฉพาะเรื่องบอลสั้นเจาะช่อง และความเฉียบคมในการทำเกม
จุดอ่อนจากการเสียบอลและโดนลูกโต้กลับ กับการที่เซ็นเตอร์แบ็คขาดความเร็วในการคัฟเวอร์พื้นที่ด้านหลังที่เปิดกว้าง ทำให้โดนเกมCounter-attack ยิงนำไปก่อนอย่างรวดเร็วแบบง่ายๆตั้งแต่ต้นเกม 1-0 ซึ่งนี่คือ "แผลเรื้อรัง" ที่เราเป็นมาตลอด และยังคงไม่หายไป
ส่วนหนึ่งก็เป็นเหตุผลสำคัญของคำตอบที่ว่าทำไมเราต้องการกองหลังยุคใหม่ที่มีความเร็ว ความคล่องตัว และความยืดหยุ่นในการเล่นสูงมากๆอย่างพวกมาร์ติเนซ หรือ ทิมเบอร์ เข้ามาสู่ทีมเราด้วย แผลลูกแรกคือชัดเจนที่สุด
แม้ว่าท้ายครึ่งแรกจะยิงได้สองประตูจากแม็คโทมิเนย์ และ มาร์กซิยาล แต่เกมไม่น่าพอใจเท่าที่ควร สังเกตสีหน้าของเอริค เทน ฮาก ที่เครียดตลอดทั้งครึ่งได้ง่ายๆเลย ซึ่งเราก็เห็นด้วย เพราะมาตรฐานที่เขาต้องการ ยังห่างไกลจากสิ่งที่เห็นในสนามมากๆ
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเจอบททดสอบในเชิงแทคติกที่แตกต่างจากเกมเปิดแลกที่มีพื้นที่สวนกลับ ในเกมเจอลิเวอร์พูล ทำให้นัดนี้เรากลับมาเจอปัญหาเดิมๆจากซีซั่นก่อน จาก11ตัวจริงที่ลงสนามที่ทำลายเกมรับคู่แข่งไม่ค่อยได้เวลาเจอสถานการณ์แบบนี้
สกอร์โอเค แต่การเล่นไม่โอเค และเชื่อว่าครึ่งหลังเทน ฮาก คงจะใช้ผู้เล่นชุดเดิมอีกเซ็ต แบบเดียวกับที่เล่นที่ไทยลงสนาม ซึ่งมันสอดคล้องกันพอดีกับสิ่งที่เราขาดในครึ่งแรกด้วย เลยคาดหวังกับครึ่งหลังมากกว่า
และเป็นอย่างที่คิดจริงๆ
จบครึ่งแรกแมนยูนำอยู่ 2-1
-----------------------
2. เซ็ตนักเตะครึ่งหลัง และการเปลี่ยนแปลง
เกมครึ่งหลัง 10 ตัวที่เปลี่ยนลงมาประกอบด้วย แบ็คซ้ายขวา กลายเป็น มาลาเซีย + อีธาน แลร์ด โดยใช้คู่CB อย่างเอริค ไบญี่ และ อเล็กซ์ เตลีส ยืนคู่กันในฐานะ ตัวเล่นป้องกันสายStopper 1 คน และเป็นCBตัวเปิดบอลอีก 1 แต่อเล็กซ์ไม่ค่อยมีบทบาทอะไรสักเท่าไหร่ในครึ่งหลัง
คู่มิดฟิลด์ เปลี่ยนจากแม็คเฟร็ดที่ทำเกมกันย่ำแย่ในครึ่งแรก เฟร็ดฟอร์มดรอปลงไปทุกครั้งที่ต้องเล่น 6s คู่กับแม็คโทมิเนย์ กลายมาเป็นคู่มิดฟิลด์เด็กวัยรุ่นอายุ 19 ปีทั้งสองคนอย่าง Charlie Savage ลูกคุณพ่อ Robbie Savage และ Zidane Iqbal เด็กเทพทีมชาติชุดใหญ่อิรัก ลงสนามมาเล่นกลางคู่ในระบบdouble pivot
ตัวรุกแดนหน้าใช้เป็น ตาฮิธ ชอง ยืนRW / แรชฟอร์ดเล่น LW ตัวInside Forward / กลางรุกหลังกองหน้าคือ Donny van de Beek และกองหน้าในช่วงแรกๆของครึ่งหลัง เทนฮากใช้ อามัด เดียโล่ เล่นเป็น "False Nine" เหมือนเกมที่ กทม เป๊ะๆ
--------------------------
ปัญหาที่ต้องชี้ให้เห็นคือ อามัด เล่นไม่ออกมาสองนัดแล้ว ทั้งตำแหน่ง F9 ซึ่งยังไม่ดีพอ และวันนี้หลังจากเล่นไปสักระยะ อามัดออกไปเล่น LW สลับกับเอาแรชชี่ ขึ้นมายืน Centre-Forward แทน ก็ยังไม่ใช่ตำแหน่งที่ดีที่สุดของเจ้าเด็กคนนี้อยู่ดี เพราะพื้นที่ของเขาคือ RW
ปีกขวาเท้าซ้ายในลักษณะ Inverted Winger นั่นคือตำแหน่งถนัดสุดของอามัด เดียโล่ ดังนั้นพอจะอธิบายสาเหตุฟอร์มแย่ของเจ้าเด็กคนนี้ได้ เพราะตำแหน่งRW ตกเป็นของตาฮิธในครึ่งหลัง และเจ้าชองกี้ก็ดันเล่นได้ดีซะด้วย มีความคล่องตัวสูง มีสปีดความเร็วที่เอาชนะคู่แข่งได้ และจังหวะการเล่นเข้ากับทีมโดยรวมได้ดี
การมีอีธาน แลร์ดวิ่งอัดสปรินท์เพื่อ Overlap ขึ้นทางขวาตลอดเวลา ทำให้เกมฝั่งขวาครึ่งหลังดูโหดร้ายและจี๊ดสุดๆกว่าซ้ายเยอะ อามัด เดียโล่เองเป็นปีกสายเทคนิคอยู่แล้ว ไม่ใช่พวก Explosive Winger เหมือนฟาคู หรือ ชองกี้ แล้วแบ็คซ้ายอย่าง มาลาเซีย วันนี้ก็ไม่ค่อยได้เติมเท่าที่ควร เกมซีกซ้ายจึงหายไปเลย
----------------------------
3. "คู่หูลูกกรอกนรก"
ครึ่งหลังเมื่อนักเตะเหล่านี้ลงสนามมา รูปแบบการเล่นของเราเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีกว่าพวกนักเตะชุดหลักซะอีก โดยเฉพาะสิ่งที่ ศาลาผี เขียนไว้ในครึ่งแรก อยากได้อะไร แม่งได้หมดเลยจริงๆครับ ทั้งบอลสั้นเร็วที่มาจากพวกตัวรุกแดนหน้า ไม่ว่าจะดอนนี่ ชองกี้ อามัด และ ซีดาน อิคบาล ก็มีให้เห็นเรื่อยๆ
สปีด ความเร็ว และไดนามิคที่ต้องมากกว่าครึ่งแรก อันนี้โคตรชัดว่า ความเร็ว ความคล่องของนักเตะชุดสอง ดีกว่าชุดแรกมากๆ เกมจึงเร็วขึ้น แนวรับของเมลเบิร์นจึงต้องเจอปัญหาที่หนักกว่าเดิมเยอะ
และเกมของแมนยูดูดีจริงๆ เป็นเพราะการมีเกมกลางสนามที่คอนโทรล และควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในเกมได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Man of the Match ส่วนตัวของแอดโป้งวันนี้ คหสต ผมแอบชอบ "Charlie Savage" มากที่สุดในสนามวันนี้ โชว์ฟอร์มระดับที่ว่าคุมเกมทั้งหมดของสนามเอาไว้คนเดียวจริงๆ
ทั้งภาคโฮลดิ้ง การเชื่อมต่อเกม คุมพื้นที่ ออกบอล รักษาposition และเล่นเกมรุกด้วยจากแนวลึกด้วยการวางบอล "แจก" ไปทั่วสนามอย่างมั่นใจและแม่นโคตรๆ
คุณพ่อร็อบ ผมบอกตรงนี้เลยว่า ลูกคุณพ่อเก่งจริงๆนะ ฝีตีนขนาดนี้หายห่วงได้เลย อนาคตรุ่งแน่ๆ รับประกันฝีเท้าจริงๆ
และถ้าใครสังเกตดีๆ คุณจะรู้เลยว่า การคุมจังหวะเกม เชื่อมต่อ+เซ็ตเกมเป็นแกนหลักให้กับทีมได้ของชาร์ลี มันคือบทบาทเดียวกับที่เอริค อยากได้จาก แฟรงกี้ เดอ ยอง แบบเต็มๆเลย
------------------------
เช่นเดียวกันกับ ซีดาน อิคบาล เด็กเทพที่สกิลเทคนิคอยู่ในระดับสูงมากๆ มีความคล่องตัวที่สามารถเอาชนะสถานการณ์โดนรุม และพื้นที่แคบๆได้อย่างดี รวมถึงการออกบอลเร็ว และการเคลื่อนที่ที่เป็นบอลสายเดียวกันกับพวกดัตช์ ให้แล้วไปแบบ Pass n Move อยู่ในตัวเด็กคนนี้หมด
คู่ ชาร์ลี-ซีดาน เป็นความดีงามโคตรๆของทัวร์ปรีซีซั่นนี้มากๆ คนหนึ่งคือมิดฟิลด์เบอร์ 6 สายธรรมชาติ ในขณะที่อีกคนเป็นเบอร์ 8 พิษสงรอบตัว ซึ่งสองคนนี้เล่นด้วยกันมาตั้งแต่ชุดเล็กๆ และเข้าใจกัน เข้าขา รู้จังหวะกัน 100% แบบไม่ต้องพูดมาก
มันคือสิ่งที่ดีที่สุดของวันนี้แล้ว
-----------------------
4. Role
ในส่วนของตำแหน่งและRoleการเล่น ถ้าใครสงสัย เจ้า Charlie Savage คือมิดฟิลด์ตัวต่ำแบบ 6 แท้ ที่เล่นในลักษณะของ Central-midfielder ที่เป็นมิดฟิลด์ตัวยืนเป็นศูนย์กลางทีม คุมแกนกลางของทรงการเล่น ผสมกับมิติการเป็น "DLP" (Deep-lying playmaker) เพลย์เมคเกอร์แนวลึก
วิชั่นและจินตนาการในการเล่นของซาเวจดีมากๆถึงขนาดที่เห็นเพื่อนปุ๊บก็สามารถวางบอลจากแนวลึกได้เลยในทันทีอย่างแม่นยำแบบแทบไม่เสียจังหวะคิด ไม่ต้องดึงบอลเล่นยาก แต่ทำให้มันมีคลาสได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาเดียวกัน
ประทับใจมาก
ส่วนซีดาน อิคบาล หมอนี่คือเบอร์ 8 ที่มีความสามารถสูงมากๆ ซึ่งสามารถขับเคลื่อนเกมรุกได้ คุมเกมแดนกลางได้เช่นกัน หมอนี่มีความเป็นเบอร์ 8 ที่มีทักษะเกมรุกสูง
อธิบายแบบระบุสไตล์การเล่นแบบไทยๆ ตัวนี้คือ "มิดฟิลด์ตัวรุกสายขับเคลื่อนเกมกลางสนาม" หรือถ้าจะเอาRole ผมคิดว่าตัวนี้มีความเป็น Mezzala (8 ขับเคลื่อนเกม) สูงมาก ผสมกับความสามารถในเกมรุกที่เป็นลักษณะของ "Traditional 10" อย่างการเป็น "Enganche" ด้วยในตัว
ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเด็กคนนึงเกิดมา ชื่อซีดาน แล้วเล่นคล้ายๆกับคนที่นามสกุล "ซีดาน" คนนั้นด้วยจริงๆ
ทั้งชาร์ลี และ ซีดาน คือส่วนผสมที่ดีมากๆ ถ้าให้เปรียบเทียบ สองคนนี้ก็คล้ายๆกับ "คาร์ริค & สโคลส์" เลยครับ จะเป็นคำอธิบายที่ดีที่สุด ซึ่งแมนยูยุคสโคลส์ คาร์ริค ก็คือชุด 2008 นั่นแหละ กลางทรงนั้นเลย เวลาเด็กคู่นี้ลงสนาม
-----------------------------
5. Conclusion
สุดท้ายแล้ว ด้วยเกมที่เหนือกว่า ทำให้เราปิดบัญชีได้อีกสองลูก จากประตูที่สามของมาร์คัส แรชฟอร์ด จากการแก้ตัวโดยเอริค ไบญี่ ที่ทำเหวอน่าเสียประตูไปสองครั้ง แต่ยังโชคดี แล้วพี่แกก็กระชากบอลทะลุกลางบ้องขึ้นมาแอสซิสต์ คิลเลอร์พาสให้แรชฟอร์ดทะลุdefensive line ขึ้นไปยิงด้วยมิติของการเป็น "Poacher" อย่างที่ ศาลาผี บอกบ่อยๆนั่นแหละครับว่า เราใช้ Marcus Rashford ในลักษณะแบบนี้ได้
คือไม่ต้องเล่นกับบอลเยอะ แต่เป็นกองหน้าใช้สปีดทำลายกับดักไลน์กองหลัง แล้วเข้าไปจบสกอร์ ซึ่งเป็นจุดแข็งของน้องอยู่แล้ว
ส่วนประตูปิดกล่อง ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าบอล Speed & Energy สำคัญกับเกมการเล่นเพียงใด ด้วยความเร็วของตาฮิธ ชอง ที่กระชากหนีขึ้นไปดื้อๆแล้วตบเข้ากลางด้วยครอสเรียดเข้าไปกดดันกองหลัง จนพลาดสกัดเข้าประตูตัวเอง
แมนยูไนเต็ดได้ 2 ประตูในครึ่งหลังด้วยฟอร์มการเล่นที่ไหลลื่น เป็นธรรมชาติ และสมบูรณ์แบบด้วยการคุมเกมทั้งสนามจนขาดลอย ในขณะที่เกมสวนกลับพวกเขาก็ยังไม่มีโชคมากพอจากความผิดพลาดของกองหลังเราอย่างไบญี่นั่นเอง
โดยรวมถือว่า ครึ่งแรกน่าผิดหวัง ครึ่งหลังน่าพอใจ แต่เรายังต้องพัฒนาต่อไปอีกเยอะ และนี่ยังไม่ถึงครึ่งทางของมาตรฐานจากบอล Erik ten Hag ที่จะทำทีมเราขึ้นไปสู่ระดับท็อปเลย แม้ว่าสองนัดทัวร์ปรีซีซั่นจะล่อไป 8 ลูกแล้วก็ตาม เรายังมีจุดอ่อนและข้อแก้ไขอีกเยอะมากๆ
แต่.. ให้กำลังใจกันต่อไปนะครับ ตำหนิการเล่นตามสิ่งที่เป็นในสนาม พอแมนยูเริ่มกลับมาลงเตะแล้วก็อย่าเพิ่งด่ากันหยาบๆคายๆ แม้ว่านักเตะอย่าง สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ จะยังเล่นไม่ดีพอ หรือน้องๆดาวรุ่งที่ฟอร์มไม่มาช่วงนี้ อย่าง อามัด / เอแลงก้า ฯลฯ รวมถึงเป้าใหญ่อย่าง แมกไกวร์ด้วย
ทุกๆคนต้องการเวลา ทีมต้องพัฒนาและให้เวลาเค้าฝึกซ้อมไปอีกเยอะ เพราะฉะนั้น สิ่่งที่แฟนบอลอย่างเราต้องทำคือ เข้าใจ และใช้เวลาอดทนรอคอยทรงบอลที่จะค่อยๆพัฒนาในอนาคตต่อไปอีกระยะใหญ่ๆ
ปีแรกคือปีซ่อม ใจเย็นๆกับมัน แล้วจะดูฟุตบอลอย่างมีความสุข โดยไม่ต้องไปtoxicใส่กันให้หงุดหงิดใจครับ
วันนี้โดยรวม ครึ่งหลังผมโอเคมากนะ แต่นักเตะชุดครึ่งแรกน่าจะโดนเทน ฮาก แก้ไขข้อผิดพลาดเยอะเลยแหละ
เชียร์กันต่อไป จะดีจะร้ายก็ทีมเราครับ ^^
#BELIEVE
-ศาลาผี-
โฆษณา