16 ก.ค. 2022 เวลา 05:10 • ความคิดเห็น
สมดุลย์ในชีวิต
ใครมีเป้าหมายในชีวิตเหมือนกันบ้างยกมือขึ้น นนนน
เป้าหมายในชีวิตอีกหนึ่งสิ่งสำหรับตัวผู้เขียนนั่นก่คือ การสร้างความสุขและความสมดุลย์ในชีวิตแต่ แค่คิดก่รู้สึกว่ามันจะเป็นไปได้ไหมเนี๊ยะยิ่งในสถานการณ์โลกปัจจุบัน ที่เต็มไปด้วยการแข่งขันกันสูงสุด ใช้ชีวิตแบบตัวใครตัวมัน ต่างคนต่างต้องเอาชีวิตให้รอด จากยุคที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ประกอบกับการ ถูกdisruption อย่างมากมายในองค์กรและอาชีพต่างๆ แม้แต่อาชีพ
ผู้เขียนเคยทำงานมาก่อนก่ถูก disruptionมากมายหลายอย่าง ทำให้เราคิดว่ามันจะทำได้อย่างไรแค่จะ จัดสรรเวลาชีวิตของตัวเองให้มันสมดุลย์โดยไม่ให้เวลางานเข้ามาเบียดบังเวลาในชีวิตก่จัดว่ายากละ
แล้วนับประสาอะไรที่จะไปจัดการชีวิตในด้านอื่นให้มันสมดุลย์
บอกได้คำเดียว ว่า ยากกกก เพราะในโลกปัจจุบ้น เวลางานคือเวลาชีวืต เวลาชีวิต คือเวลางานมันเข้าไปรวมกัน จนบางครั้งแยกไม่ออกว่าเวลาไหน คือเวลาทำงาน เวลาไหน คือเวลาชีวิตส่วนตัว จนเมื่อผู้เขียนได้ไปอ่านเจอในบทความหนึ่ง เขาบอกว่า ให้การทำงานเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต และ ให้ใช้ชีวิต เป็นส่วนหนึ่งในการทำงาน
ซี่งในตัวผู้เขีบนเอง ก่ คิดว่า เ ออ มันก่เข้าท่าดี มันเหมาะกับ การทำงานในโลกยุคปัจจุบ้น แต่สำหรับตัวผู้เขียน และในอาชีพที่ทำอยู่ รู้สึกว่ามันยากมาก เวลาส่วนใหญ่ ของชีวิต ตืองาน
แค่คิดว่าจะหาเวลาพัก หรือนอนหลับยังยากเลย
เพราะงานมันได้แทรกชึมเข้าไปในชีวิตขนิดแยกกันไม่ออก ว่าเวลาไหน คือ งาน เวลาไหนคือส่วนตัว คำว่า work life balance ไม่ต้องพูดถึง ไ ม่เคยมีในชีวิต จึงทำให้มาเกิด ข้อคำถามกับตัวเอง ว่าแล้วเราจะต้องใช้ชีวิต แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน แล้วถ้าต้องใช้ชีวิตในรูปแบบนี้ ปั้นปลายในชีวิตจะเป็นอย่างไร จึงเกิดคำถามกับตัวเองขึ้นมาอีกว่า จะทำอย่างไร ชีวิตเราถึงจะสมดุลย์
( ความสมดุลย์ในความหมายของผู้เขียน คือ ความสุข ความสมดุลย์ทั้งทางด้านร่างกายจิตใจ อารมณ์ และสังคม พูดง่ายๆ ก่คือการมีสุขภาวะในชีวิตที่ดี )
ทำให้ได้มานั่งทบทวนกับตัวเองว่า อะไร คือต้นเหตุของความไม่สมดุลย์ในชีวิต ที่พอจะสามารถจัดการได้ ก่คือ หนึ่ง งาน ในงานที่ทำเราไม่สามารถที่จะ จัดการเวลาของชีวิตตัวเองได้อย่างชัดเจน ซึ่งตัวผู้เขียนเองก่เข้าใจตรงจุดนี้และก่ยอมรับตรงจุดนี้มาโดยนาน อันที่สอง คือ ตัวเอง ตัวเราเองมีจุดที่ต้องปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงตรงจุดไหนบ้างเพื่อให้ชีวิตสมดุลย์ขึ้น สาม คือ สิ่งแวดล้อม ทบทวนกับตัวเอง ว่า เพื่อนที่เราคบอยู่ โอเครไหม(โอเครในที่นี่คือ มีความจริงใจ ปรารถนาดีต่อกัน เป็นกัลยานมิตร)
สังคมที่เราอยู่เป็นtoxic ไหม หรือแม้แต่ตัวเราเอง เป็น toxic pepleด้วยไหมและมีสิ่งไหนบ้างที่เราพอที่จะแก้ไขหรือจัดการเช่น ตัดสิ่งหรือคนที่ไม่สำคัญ ไม่หวังดี หรือเป็นtoxicในชีวิตออกไป พยายามรักษา สิ่งที่ดีๆ ความสำพันธ์ที่ดีๆในชีวิตไว้ และเริ่มต้นในการพัฒนาตัวเอง ตั้งแต่ ออกกำลังกาย ปรับเวลานอน เลือกอาหารที่ทาน เรียน course onlineที่ช่วยในการพัฒนาความคิด และ mindset รวมไปจนถึงการศึกษา หาความรู้จาก บทความ หรือ บุคคลที่เขา ประสบความสำเร็จในการ ทำสิ่งนี้
รวมไปจนถึงการเข้าไปอยู่ในสิ่งแวดล้อม ที่เป็นบวก เพื่อส่งเสริมการใช้ชีวืตแต่สิ่งหนึ่งสำหรับตัวผู้เขียนยังไม่สามารถปรับได้นั่นก่คือ ความสุขและความสมดุย์ในการทำงานและตัวเองคิดว่าสิ่งนี้ มีอิทธิพลต่อชีวิตของตัวเองเป็นอย่างมากเพราะ 70-80%ของเวาในชีวิตคือการทำงาน จึงทำให้มาคิดว่าเราจะจัดการกับปัญหาตรงนี้อย่างไร
ผลกระทบถ้าเราไม่ได้ทำงานตรงจุดนี้มีอะไรบ้าง
ตัวเอง การเงิน อาจจะกระทบบ้าง แต่เราจะพออยู่ได้หากเราชีวิตอย่างพอเพียง
สุขภาพ กายใจ ดีขึ้น
คุณภาพชีวิต น่าจะดีขึ้น
ตรอบครัว พูดคุยสื่อสารกันให้เข้าใจ
จนมาได้ข้อสรุปที่ว่า ถ้าอยากสร้างความสุขและความสมดุลย์ให้กับชีวิตตัวเอง (ย้ำ ตัวเองนะคะ) การลาออก น่าจะ ตอบโจทย์ชีวืตได้ดีที่สุด แล้วท่านผู้อ่านละคะ มีวิธีการจัดสมดุลย์ชีวิตกันอย่างไรบ้าง ช่วยมาแชร์ให้ฟังกันหน่อยนะคะ เผื่อเป็นไอเดียให้ผู้เขียนนำไปปรับใช้กับชีวิตตัวเอง ขอบคุณมากคะ
โฆษณา