Trezor คืออะไร ราคาแพงไหม ช่วยรักษาความปลอดภัยเหรียญคริปโต
เมื่อพูดถึงความปลอดภัยข้อมูล ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่นักเทรดคริปโตไม่ควรมองข้าม โดยหนึ่งในนวัตกรรมที่ได้รับการพูดถึงคงหนีไม่พ้น Trezor เทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาจาก SatoshiLabs บทความนี้เลยพามาทำความรู้จักกันว่า จริง ๆ แล้ว Trezor คืออะไร มีกลไกทำงานอย่างไร ทำไมถึงได้ชื่อว่าเป็นตัวช่วยในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
ที่สำคัญ ใครที่กำลังพิจารณาซื้อ Trezor อยู่นั้น ลองมาดูรีวิวพร้อมราคา เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนซื้อไปพร้อม ๆ กัน
Trezor คืออะไร?
Trezor คือ ฮาร์ดแวร์วอลเล็ต (Hardware Wallet) จัดเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลประเภทหนึ่งที่มีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือของคริปโตเคอร์เรนซี ได้รับการสร้างโดย SatoshiLabs
นอกจากพัฒนาขึ้นมาสำหรับเป็น Hardware Wallet แล้ว ฟังก์ชันหลักของ Trezor อีกอย่างคือ มีแอปพลิเคชันที่ช่วยเรื่องความปลอดภัยหลากหลาย เช่น การจัดการรหัสผ่าน การยืนยันตัวตนสองชั้น ฯลฯ
Trezor ตัวโปรโตไทป์เกิดขึ้นเมื่อปี 2012 ก่อนรุ่นแรกจะปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ปี 2014 เป็นที่รู้จักกันในชื่อ Trezor One ก่อนจะปล่อยรุ่นต่อไปตามมาเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ปี 2018 ชื่อว่า Trezor Model T ปัจจุบันทั้งสองรุ่นถูกนำไปใช้มากกว่า 150 ประเทศ โดยช่วยให้ผู้ใช้งานหลายพันคนเก็บรักษาข้อมูลได้อย่างปลอดภัย
ผู้สร้างและพัฒนากระเป๋าเงินดิจิทัลนี้มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก โดย SatoshiLabs และ Trezor เกิดจากการร่วมกันสร้างโปรเจกต์เล็ก ๆ ของผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโต ได้แก่
Pavol Rusnák หรือ Stick ผู้ร่วมก่อตั้ง CTO และนักพัฒนาหลักแห่ง SatoshiLabs โดยเขาคือหัวเรือในการพัฒนา Software Wallet และ Hardware Wallet นอกจากนี้ ยังสนใจเรื่องปัญญาประดิษฐ์และวิทยาศาสตร์รู้คิด
Marek Palatinus หรือ Slush ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO แห่ง SatoshiLabs ก่อนหน้านั้นเคยร่วมงานกับสตาร์ทอัปหลายแห่ง รวมทั้งเก็บเกี่ยวประสบการณ์ล้ำค่าจากการทำงานในแวดวงอุตสาหกรรมการเงินในฐานะ IT architect เมื่อได้รู้จักบิทคอยน์ ก็เริ่มเบนสายมาทำงานด้านนี้ตั้งแต่ปี 2011 และกลายมาเป็นผู้สร้างและพัฒนาโปรดักส์เกี่ยวกับคริปโต หนึ่งในนั้นคือเริ่มพัฒนา Trezor
Alena Vránová ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีต CEO แห่ง SatoshiLabs ได้ชื่อว่าเป็นนักพัฒนาทางธุรกิจและผู้สนับสนุนบิตคอยน์ที่มากความสามารถ เหตุผลที่ตัดสินใจก้าวลงจากตำแหน่ง CEO ก็เพราะต้องการหาความท้าทายใหม่ให้กับตัวเอง ถึงอย่างนั้น Alena ก็ยังคงทำโปรเจกต์เกี่ยวกับคริปโตและ Trezor อยู่
Trezor เก็บเหรียญอะไรได้บ้าง?
Trezor รองรับการเก็บเหรียญได้มากกว่า 1,000 เหรียญ ไม่ว่าจะเป็น
Bitcoin (BTC)
Ethereum (ETH)
Binance Coin (BNB)
Tether (USDT)
USD Tether (erc20) (USDT)
Cardano (ADA)
Ripple (XRP)
SHIBA INU (SHIB)
HEX (HEX)
Dogecoin (DOGE)
ข้อดีของ Trezor Wallet
หากกล่าวถึงข้อดีของ Trezor แล้วนั้น ถือว่าโดดเด่นหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
ความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง
เมื่อเทียบกับ Hardware Wallet อื่นแล้วนั้น Trezor ได้เสริมประสิทธิภาพความปลอดภัยหลายจุด นับตั้งแต่ Private Keys แบบออฟไลน์ไปจนถึงระบบเทคโนโลยี Trusted Display ที่สำคัญ คุณสมบัติของ Hardware Wallet ที่มีนั้น ส่งผลให้ Trezor มีความปลอดภัยมากกว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลประเภทอื่น
รองรับเหรียญคริปโตมากกว่า 1,800 เหรียญ
ตามที่กล่าวไปข้างต้น Trezor เก็บเหรียญได้มากกว่า 1,000 เหรียญ โดยรองรับเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีที่อยู่ในความสนใจผู้คน
พกพาสะดวก
Trezor ทั้งสองรุ่นมีขนาดกะทัดรัด ขนาดเล็กกว่าฝ่ามือ ทำให้พกพาสะดวก โดยรุ่นแรกมีขนาด 2.4 นิ้ว x 1.2 นิ้ว x 0.2 นิ้ว น้ำหนัก 12 กรัม ส่วนรุ่น Model T มีขนาด 2.52 นิ้ว x 1.54 นิ้ว x 0.39 นิ้ว นำ้หนัก 22 กรัม
ผู้ใช้งานสื่อสารผ่านเครือข่าย Tor ซึ่งเอื้อให้ทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตน โดยทั่วไปแล้ว การทำธุรกรรมลักษณะนี้ต้องกำหนดตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์พิเศษหลายตัวภายในโครงข่าย แต่เมื่อทำผ่านวอลเล็ตนี้ ผู้ใช้งานกดสลับสวิตช์บนตัวเครื่องได้ทันที นอกจากนี้ ยังตั้งค่า IP Address และหมายเลขเครื่องได้เอง
เริ่มต้นใช้งานง่าย
หากไม่ต้องการอ่านรายละเอียดคู่มือมากมาย สามารถเข้าไปดาวน์โหลดชุดเครื่องมือในเว็บไซต์ ที่เรียกว่า Trezor Suite พร้อมติดตั้งและทำตามขั้นตอนต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
ข้อเสียของ Trezor Wallet
แม้จะมีข้อดีที่น่าสนใจหลายอย่าง แต่ต้องยอมรับว่า Trezor ก็มีข้อจำกัดบางอย่างที่ต้องพิจารณาควบคู่กันไปก่อนตัดสินใจซื้อมาเป็นเจ้าของ
ไม่มีแอปฯ ของสมาร์ทโฟน
ต้องยอมรับว่าอุปกรณ์ดิจิทัลไหนที่ไม่มีการเชื่อมต่อหรือรองรับกับแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนอาจทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกไม่สะดวกเท่าไหร่ โดยเฉพาะในยุคที่ผู้คนต่างจัดการกิจกรรมทุกอย่างผ่านการเชื่อมต่อแอปฯ บนโทรศัพท์มือถือ โดยผู้ใช้งาน Trezor จำเป็นต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับ WebUSB ของแอนดรอยด์โดยตรง
ราคาค่อนข้างสูง
เมื่อต้องเทียบรายละเอียด ก็เลี่ยงที่จะนำไปเปรียบเทียบกับ Ledger ไม่ได้ แม้ Trezor จะมีราคาเพียง 59 ยูโร เท่ากับ Ledger Nano S แต่เมื่อเทียบกับรุ่น Model T ที่มีราคา 189 ยูโรนั้น ถือว่าแพงกว่า Ledger Nano X พอสมควร หากกล่าวในมุมของการซื้อสำหรับอัปเกรดรุ่นแล้วนั้น Ledger Nano X อาจตอบโจทย์มากกว่า เพราะมีราคาถูกกว่าในขณะที่คุณสมบัติอื่นเทียบเท่าพอกัน
ถอนเงินค่อนข้างยุ่งยาก
โดยทั่วไปแล้ว Trezor ไม่รองรับการถอนสินทรัพย์จากบัญชีธนาคาร เพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลตามแนวทางที่ตั้งใจไว้ตอนแรก ผู้ใช้งานต้องย้ายเหรียญที่ต้องการถอนออกมานั้นไปยังแพลตฟอร์มที่รองรับการถอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร แล้วเทรดคริปโตออกมาเป็นเงิน Fiat ก่อน โดยกระบวนการเหล่านี้ถือว่ายุ่งยาก ต้องทำหลายขั้นตอน จึงอาจเป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงก่อนตัดสินใจซื้อ
TREZOR One สินค้าพร้อมจัดส่ง!!
กระเป๋าฮาร์ดแวร์ hardware wallet สำหรับเก็บสกุลเงินดิจิตอลของคุณ
รายละเอียดสินค้า
สินค้าพร้อมส่ง!! ซีลพร้อม มั่นใจของใหม่ ซีลฮาโลแกรมจากผู้ผลิต
ขนาดและน้ำหนักของอุปกรณ์
- ขนาด: 60 มม. x 30 มม. x 6 มม. (2.4 นิ้ว x 1.2 นิ้ว x 0.2 นิ้ว) น้ำหนัก: 12 ก. (0.42 ออนซ์)
หน้าจอ
- OLED สว่าง - 128x64 พิกเซล เพียงพอที่จะเก็บข้อความหกบรรทัด สามารถแสดงรายละเอียดทั้งหมดที่จำเป็นในการตรวจสอบการทำธุรกรรมบนหน้าจอเดียว
อุณหภูมิในการทำงาน
- -20°C ถึง +60°C (-4°F - +140°F)
การเชื่อมต่อ
- ช่องต่อ Micro USB สำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ
ซีพียู
- โปรเซสเซอร์ ARM แบบฝัง 120 MHz (Cortex M3) ที่ใช้ระบบที่พัฒนาขึ้นเอง
ความปลอดภัยและการรับรอง
- Trezor ได้รับการรับรอง CE และ RoHS ดังนั้นจึงเป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพ ความน่าเชื่อถือ และสิ่งแวดล้อมทั้งหมด สามารถนำ Trezor ติดตัวไปบนเครื่องบินได้ เช่นเดียวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ทั้งหมด X-Rays จะไม่ทำร้ายมัน
ภายในกล่องสินค้า
- TREZOR One, Micro USB cable, Recovery seed booklet, TREZOR user guide
สินค้ารับประกันเปลี่ยนเครื่องใหม่ภายใน 1 ปี เงื่อนไขการรับประกันไม่ครอบคลุมถึง ความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานที่ไม่ระมัดระวัง หรือการใช้งานแบบผิดวิธี, รอยขีดข่วน, สินค้าที่มีการดัดแปลง, สินค้าผิดปกติที่เกิดจากการไม่ได้บำรุงรักษา
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
