23 ก.ค. 2022 เวลา 12:00 • ไลฟ์สไตล์
EP.5
เมื่อ “covid คือทานอส” และ “เราคือ Avengers”
3ปีที่ผ่านมาในยุค covid-19 ตอนนี้หลายคนยังคงสบาย หลายคนได้บทเรียนมหาศาล หลายคนกำลังพบกับอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ และหลายคนผู้จากไปแล้ว
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเริ่มมีการผ่อนปรนมาตราการต่างๆและเหมือนกับเรากำลังกลับเข้าสู่ชีวิต “ปกติ” ที่เราสูญเสียมันไปหลายปี
มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่เราจะได้มองย้อนกลับไปและขอบคุณตัวเองที่สู้กับอุปสรรคชิ้นใหญ่นี้มาได้
เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบจากโรค Covid-19 การจะบอกว่ามันคือภัยพิบัติที่ใหญ่หลวงและเปรียบเสมือนฝันร้ายคงไม่เกินจริงไปนัก
เมืองที่เงียบสงัด เศรษฐกิจที่ตกต่ำ ชีวิตที่ตึงเครียดและไร้สีสัน ซึ่งวันนี้เราจะมามองย้อนกลับไปว่าพวกเราได้ต่อสู้กับอะไรมาบ้าง
Work from home
จากผลสำรวจของอะโดบีพบว่าในช่วง work from home 49%ของพนักงานบริษัทและ 56%ของผู้ประกอบการSMEsทำงานโดยเฉลี่ยมากกว่าเดิมโดยพนักงานบริษัททำงานอยู่ที่44.9 ชม.และผู้ประกอบการ 45.1ชม.
ซึ่งเราจะเห็นว่าถึงแม้เราจะไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปทำงาน แต่เราก็ต้องนำเวลานั้นมาใช้ทำงานอยู่ดี ซึ่งนั่นนำมาซึ่ง การหมดไฟและการลาออกครั้งใหญ่ของพนักงาน
และไม่เพียงแค่เราทำงานหนักขึ้นเท่านั้น แต่มันยังส่งผลต่อสภาพจิตใจและการมีชีวิตของเราอีกด้วย ซึ่งเราจะมาดูความร้อยกาจของการทำงานที่บ้านกันต่อไป
หลายคนที่อาจไม่มีห้องทำงานเป็นของตัวเองนั่นแปลว่าคุณอาจจะต้องเรียนหรือทำงานในห้องนอน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากๆ
ในช่วงที่ผ่านมาหลายคนพบกับปัญหาการนอนไม่หลับและความเครียดจากการต้องทำงานในห้องเดิมๆไม่ได้ออกไปไหน
ซึ่งนอกจากเหตุผลของความเบื่อหน่าย มันก็มีเหตุผลด้านพฤติกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ห้องนอนที่ควรเป็นห้องที่คุณใช้พักผ่อน ตอนนี้มันสร้างบรรยากาศการทำงานและความตึงเครียดให้กับคุณ นั่นแสดงว่า แทนที่ร่างกายของคุณจะง่วงเมื่อเข้าห้องนอน ร่างกายของคุณจะไปคิดเรื่องงานแทน และยิ่งแล้วใหญ่เมื่อคุณทำงานบนเตียงด้วย
การทำงานบนเตียงจะทำให้ร่างกายของคุณจดจำพฤติกรรมที่คุณทำ เมื่อคุณต้องการจะเอนตัวลงนอนสมองกลับไม่ง่วง เพราะมันจดจำพฤติกรรมการทำงานบนเตียงไปเสียแล้ว นอกจากนั้น ในช่วงทำงานคุณก็มัวแต่นอนเล่น ทำให้ทำงานได้ไม่เต็มที่ และพอถึงเวลาพักผ่อนก็พักได้ไม่เต็มที่ เพราะเอาแต่กังวลเรื่องงาน กลายเป็นวังวนแบบนี้ซ้ำซาก
การพักผ่อนไม่เพียงพอนำมาซึ่งความเครียดในที่สุด และความเครียดทวีความอันตรายมากในยุคนี้
ในยุคดิจิตอลเมื่อคนเรามีปัญหามักจะระบายปัญหานั้นลงบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก และยิ่งเป็นหนทางที่น่าใช้ขึ้นไปอีกเมื่อมาตรการโควิดบังคับให้คุณอยู่แต่ในบ้าน
แต่อันที่จริงแล้ว การระบายผ่านตัวอักษรนั้นจะยิ่งทำให้คุณแย่ลงเรื่อยๆ
จากการวิจัยติดตามผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์กราดยิง ณ มหาวิทยาลัย นอร์เทิร์น อิลลินอยด์ เมื่อวันที่14 กุมภาพันธ์ ปี2008 พบว่ากลุ่มสำรวจที่ใช้การแชทไม่ได้มีแนวโน้มที่สภาพจิตใจดีขึ้น และในบางรายกลับแย่ลงไปอีก
นักศึกษาในมหาวิทยาลัยเลือกใช้วิธีการระบาย ผ่านทางแชทหรือการโพสต์ในกลุ่มเฟซบุ้ก แต่หลังจากทำการติดตามชีวิตของนักศึกษาเหล่านี้กลับพบว่านักศึกษาส่วนใหญ่รู้สึกโดเดี่ยวและสิ้นหวังไม่ต่างจากช่วงแรก
ซึ่งสิ่งที่ทำให้เกิดเรื่องเหล่านี้คือ การปรึกษาผิดคน กล่าวคือการที่โพสต์ลงไปในโลกโซเชียลหรือการแชท เราอาจได้รับการตอบกลับจากผู้คนมากหน้าหลายตา ซึ่งบางคนอาจตอบกลับอย่างไม่เห็นใจเราเท่าไรนัก
เนื่องจากตัวอักษรไม่อาจทำให้เกิดความเห็นอกเห็นใจกันได้ดีเท่ากับการเจอหน้า
นอกจากนั้น การที่เราปรึกษาผิดคนอาจทำให้เราเกิดภาวะที่เรียกว่า “คิดซ้ำซาก” คือการที่คนอื่นถามจี้ปมทำให้เราต้องพูดเรื่องที่รู้สึกแย่ นั่นจะให้ความรู้สึกของเราไม่ดีขึ้นเลย
ยกตัวอย่างคำถามเช่น แฟนเก่าทำอะไรกับเธอไว้ระบายออกมาให้หมด และเมื่อคุณระบายความรู้สึกโกรธก็มักจะกลับมา ซึ่งประเด็นนี้เราจะมาเจาะรายละเอียดกันในครั้งหน้า
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมความเครียดจึงน่ากลัวเมื่อคุณไม่สามารถออกไปข้างนอกได้
ภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ
อีกหนึ่งเรื่องที่น่าเศร้าในยุคcovid-19คือเรื่องของเศรษฐกิจ หลายครอบครัวปรับตัวไม่ทันและได้รับผลกระทบ ปัญหาด้านการเงินจากความเครียดของผู้ปกครองถูกส่งมายังลูกหลาน
มีเด็กมากมายต้องหลุดออกจากระบบการศึกษา หลายคนต้องไปทำงานพาร์ทไทม์เพื่อหาเงินเรียนด้วยตัวเอง
พลังหนุ่มสาวในรุ่นนี้แทบจะถูกรีดออกมาจนหมด เรียกได้ว่าเป็น3ปีที่ชีวิตได้บู๊แบบสุดๆ
นี่เป็นบทเรียนครั้งใหญ่และเป็นบทเรียนชีวิตครั้งสำคัญ เราอยู่ในประเทศที่ผู้นำไม่อาจสร้างความสบายใจให้กับประชาชนได้ ไม่อาจรักษาอนาคตของประเทศเอาไว้ได้
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่คนรุ่นนี้ควรภูมิใจในตัวเองที่สามารถก้าวผ่านวิกฤตินี้ไปได้ และบทเรียนนี้จะได้ใช้อย่างแน่นอนในอนาคต
สองบทเรียนนี้เป็นบทเรียนครั้งใหญ่สำหรับผม และแน่นอนว่าการสู้กับวิกฤตครั้งนี้ยังมีบทเรียนที่เราได้ผ่านมันมาอีกมากมาย ดังนั้นเราควรจดจำรอยแผลและเรียนรู้มัน ซึ่งมันจะทำให้เราแกร่งขึ้นและในอนาคตเมื่อเราต้องพบกับปัญหา เราจะมองย้อนกลับมา แล้วดูว่าเราเคยผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างไร
Avengers Assemble!
โฆษณา