25 ก.ค. 2022 เวลา 18:00 • ไลฟ์สไตล์
....สมบัติผลัดกันชม....
=====================
1>>>>
[1] สมบัติ เป็นที่ปรารถนา ของมนุษย์ทุกคน ใครๆก็อยากมีสมบัติมากมาย เพื่อที่จะมาบริการตนเอง แบบที่ไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจไปจนตาย แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะสมบัติ ในโลกนี้ มีจำกัด ต้องผลัดเปลี่ยนมือกันชื่นชม ถึงจะเพียงพอจัดสรรปันส่วนในโลกนี้ จริงไหมคะ?
[2] หากแต่วิธีแสวงหาสมบัติของมนุษย์แต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนบรรพบุรษสร้างไว้ให้ มาถึงGenตัวเองก็ไม่ต้องทำอะไรมากนัก แค่ต่อสายป่านให้ยาวขึ้นและแน่นหนายิ่งขึ้นเท่านั้น สมบัติก็อาจจะเพิ่มมากขึ้นหรือคงที่ คุณลองคิดดูสิคะ หากสายป่านขาดสะบั้นลงหละ คุณก็คงคาดเดาผลของมันได้ไม่ยาก จริงไหมคะ?
[3] มุมกลับกันสำหรับคนที่มีสมบัติไม่มาก หรือเรียกว่ามีต้นทุนชีวิตมาน้อยนิด ก็ต้องเริ่มแสวงหาสมบัติด้วยลำแข้งของตนเอง อาจจะล้มลุกคลุกคลาน สะสมสมบัติขึ้นมาเล็กน้อย ต้องสร้างสายป่านด้วยตัวเอง ย่อมเหนื่อยมากหน่อย
[4] พุทธสุภาษิตที่ว่า "อัตตาหิ อัตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" จะช่วยให้สายป่านเหนียวขึ้น เพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเอง ซึ่งใช้เวลามากน้อยแตกต่างกันไป จนกว่าจะสำเร็จได้สมบัติมาครอบครอง ซึ่งไม่ง่าย เหมือนปอกกล้วยเข้าปากแน่นอน เพื่อจะเป็นส่วนหนึ่งของโลกที่ไม่น้อยหน้าใครเลย
2>>>>
[5] สมบัติ ที่อยากจะกล่าวถึงอีกชิ้นหนึ่ง ซึ่งน้อยคนนักที่จะเข้าถึง นั่นคือโลกุตระธรรม ซึ่งเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ตถาคตได้ทิ้งไว้เพื่อ ชี้ทางพ้นทุกข์ให้แก่มนุษย์ผู้อวิชชา พระพุทธองค์ทรงกล่าวว่า "โลกนี้บกพร่องตลอดเวลา" คุณเห็นด้วยกับคำกล่าวของพระพุทธองค์หรือไม่?
[6] บกพร่องด้านวัตถุ มนุษย์ผู้อวิชชา แย่งชิง สมบัติทางโลก ด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ได้ด้วยเล่ห์กล ก็ต้องได้ด้วยมนต์คาถา เพื่อเติมเต็มชีวิตของตนเอง โดยหารู้ไม่ว่า สมบัติทางโลกมีจำกัด หากอยากจะได้เป็นเจ้าของต้องแย่งชิง เพื่อให้ชีวิตของตนเองหายจากความ "บกพร่อง" โดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะเดือดร้อนหรือไม่ ขอให้สมใจของตนเองเท่านั้น
[7] โลกุตระธรรมเป็นเรื่องสุขกับทุกข์ ไม่เกี่ยวข้องกับสมบัติทางโลกแม้แต่น้อย มนุษย์ทุกคนแสวงหา "สุข" แต่แท้จริงแล้ว "สุข"ไม่มีจริงในโลกนี้ มีแต่ "ทุกข์น้อย หรือทุกข์ที่ทนได้"เท่านั้น สุขกับทุกข์ เป็นดั่งฝ่ามือ หลังมือคือสุข และฝ่ามือคือทุกข์ ไม่สามารถฉีกแยกจากกันได้
[8] ดังนั้น คุณปรารถนาความสุข มันคือตัวล่อให้คุณทุกข์ นั่นเอง ทุกข์ที่ทนได้ ก็คือรอยยิ้มบางๆที่ริมฝีปาก บางคนอาจจะหัวเราะเอิ้กอ้ากออกมาด้วยความสมใจ แต่ทุกข์ที่ทนได้ยาก ทนได้ลำบาก คุณลองเดาดูสิว่า อาการจะเป็นเช่นไร?ซึ่งไม่มีใครปรารถนา
3>>>>
[9] สมบัติที่มนุษย์ผู้แสวงหาลืมนึกถึงคำสอนขององค์ตถาคต ลืมทุกข์เสียสิ้น เพราะปรารถนาสุขอย่างเดียวกับดักที่น่ากลัวที่สุดคือ "สมบัติ" ที่ต่างคนต่างแสวงหา
คือสมบัติทางโลก วัตถุสิ่งของ เงินทอง ความร่ำรวยเหนือคนอื่น คืออวิชชาบดบังความจริงคือ สุข ล่อทุกข์นั่นเอง
[10] คุณเชื่อไหมว่า แต่ก่อนคุณมีสมบัติมากมาย สามารถเรียกคุณว่าเศรษฐีได้เลยนะ เพราะอะไร?
[11] กว่าที่คุณจะเกิดมาเป็นมนุษย์นั่นยากมากๆ การจักเส้นผมออกเป็นร้อยๆแฉก ว่ายากสุดๆแล้วนะ แต่การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นยากกว่าเป็นหมื่นๆเท่า ดังนั้นคนที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์ นั้นต้องได้ครอบครองสมบัติทางโลกๆ เงินทอง เพชรนิลจินดา ความร่ำรวยมามากพอ ชาติต่อไปจึงจะเกิดมาเป็นมนุษย์ได้ (อจินไตย)
[12] สมบัติในโลกนี้จึงเป็นได้แค่ "สมบัติผลัดกันชม"แค่นั้น ชาติก่อนคุณครอบครอง ชาตินี้คนอื่นครอบครอง มากหรือน้อยตามแต่วิบากกรรมที่คุณสะสมในชาติปัจจุบัน คุณเลือกได้ด้วยตัวคุณเอง
 
[13]โลกุตระธรรม คือทิ้งสุข ทิ้งทุกข์ วางใจเป็นกลาง เฉกเช่น Neutron คือไม่บวกและไม่ลบ ชีวิตNo Swing ไม่เจ็บร้องไห้ ขี้มูกโป่งรอคนปลอบโยน หรือดีใจจนร่าซ่า น่าเกลียดน้ำลายเป็นฝอย
[14] คุณไม่ต้องเสียใจในชาตินี้หากคุณจะ ยากนิด ลำบากหน่อยที่จะสะสมสมบัติให้มากเท่าคนอื่นๆ ด้วยเพราะว่า "สมบัติผลัดกันชม" เพื่อให้โลกยอมรับตัวคุณ แต่โลกุตระธรรมคือสิ่งเดียวที่จะนำพาคุณพ้นทุกข์ พ้นจากการมา"ผลัดกันชมสมบัติ"ในชาติต่อไป
#ชอบกดLike ถูกใจกดLove
#สมบัติผลัดกันชม
#ฐปะนีย์ บุราไกร
#ขอบคุณมิตรภาพผ่านตัวอักษรนะคะ
โฆษณา