Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ปั่นเรื่อง เป็นภาพ
•
ติดตาม
27 ก.ค. 2022 เวลา 03:51 • ความคิดเห็น
“Winter is coming”
หากพูดถึงคำกล่าวนี้เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงซีรีส์มหากาพย์ Game of Thrones เป็นแน่
เพราะมันเป็นคำพูดที่เหมือนคำขวัญประจำตระกูล Stark เลยก็ว่าได้
ซึ่งมันมีความหมายได้หลายอย่าง
2
อย่างแรก ฤดูหนาวธรรมชาติกำลังจะมาถึง ซึ่งตระกูล Stark อาศัยอยู่ทางดินแดนตอนบน
เวลาฤดูหนาวมา ตระกูล Stark จะโดนก่อนตระกูลอื่น ซึ่งในฤดูหนาวมันไม่สามารถเพาะปลูกเก็บเกี่ยวหาอาหารอะไรได้มาก จำเป็นต้องมีการวางแผนเตรียมพร้อมเก็บเกี่ยวเสบียงไว้ใช้สำหรับในฤดูหนาว
อย่างต่อมา ฤดูหนาวที่กำลังเข้ามามันอาจนำพาพวกผีดิบ Whitewalker มา ซึ่งหากมนุษย์คนไหนถูก Whitewalker กัดก็จะกลายสภาพกลายเป็นผีดิบไปด้วย
คำกล่าว “Winter is coming” จึงเป็นเหมือนคำเตือนใจว่าให้เตรียมตัวให้ดีกับฤดูหนาวที่กำลังจะมาเยือน มันอาจจะเป็นคำพูดที่มองดูในแง่ร้ายไปนิด แต่ก็ต้องการเตือนสติให้เตรียมพร้อมถึงปัญหาที่กำลังจะเข้ามา
1
4
แม้ “Winter is coming” จะเป็นคำพูดเตือนสติของตระกูล Stark ในซีรีส์
แต่ปัจจุบันมันเข้าได้กับสถานการณ์ประเทศต่าง ๆ ในยุโรป
1
อย่างที่ทราบกันดีว่าสงครามการสู้รบระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน ยังคงยืดเยื้อมาแล้วกว่า 5 เดือน และยังไม่มีทีท่าว่าจะจบ ซึ่งบรรดาชาติตะวันตกต่างแบนประเทศรัสเซียเพื่อบีบให้รัสเซียยอมถอย
1
แต่มันก็ไม่สามารถไล่รัสเซียให้เข้าตาจนได้ เพราะทางฝ่ายรัสเซียมีพันธมิตรอย่าง จีน บราซิล อินเดีย และแอฟริกาใต้ ซึ่งรวมตัวกันกลายเป็น BRICS ทำให้รัสเซียยังคงทำการค้าแหล่งพลังงานเชื้อเพลิงกับบรรดาประเทศเหล่านี้ได้
กลายเป็นชาติตะวันตกเสียเองที่เจอรัสเซียใช้มาตรการตอบโต้กลับตัดช่องการจำหน่ายเชื้อเพลิง ส่งผลกระทบกับบรรดาประเทศในยุโรปขาดแคลนเชื้อเพลิงพลังงานซ้ำเติมกับภาวะเงินเฟ้อข้าวของราคาแพงที่ถีบตัวสูงขึ้น แต่ยังโชคดีที่ช่วงนี้ยังตรงกับฤดูร้อนในประเทศยุโรปทำให้ความต้องการเชื้อเพลิงพลังงานยังไม่สูงสุด แต่อีกประมาณ 3-4 เดือนนับจากนี้ ฤดูหนาวก็จะเข้ามา ความต้องการใช้พลังงานของทุกภาคส่วนจะขึ้นสู่จุดขีดสูงสุดเพราะต่างมีความจำเป็นต้องใช้พลังงานเพื่อให้ทนความหนาวได้เป็นจำนวนมาก
และหากถึงเวลานั้นแล้วประเทศในยุโรปยังไม่สามารถเคลียร์ปัญหาเรื่องพลังงานกับรัสเซียได้ ประเทศในยุโรปก็จะแย่แน่ จนมีหลายฝ่ายเริ่มคิดแผนสำรองว่าประเทศของตัวเองอาจต้องหันไปใช้พลังงานจากถ่านหินแทน
พลังงานถ่านหิน คือ แหล่งพลังงานที่เกิดจากการทับถมของซากพืชมานานราว 300 – 360 ล้านปี ซึ่งมนุษย์โลกใช้พลังงานจากถ่านหินมานานเป็นศตวรรษแล้ว แต่การที่จะเอาถ่านหินมาใช้เป็นเชื้อเพลิงได้นั้นมันจะต้องเผาไหม้มันเสียก่อน ซึ่งการเผาไหม้มันจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ยิ่งใช้ถ่ายหินมาก ธรรมชาติของโลกก็ยิ่งถูกทำลายมากขึ้นตามไปเรื่อย ๆ และเมื่อธรรมชาติถูกทำลายมากขึ้นสภาพอากาศ สภาพแวดล้อมของโลกก็เลวร้ายมากขึ้น จนมีภัยพิบัติจากธรรมชาติรุนแรงมากขึ้นตามไปด้วย
แม้ว่าพลังงานจากน้ำมันหรือพลังงานจากก๊าซธรรมชาติที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันต่างก็ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาไม่น้อย แต่มันก็ยังน้อยกว่าการเผาไหม้จากถ่านหิน บรรดาประเทศในประชาคมโลกจึงมีนโยบายควบคุมการใช้ถ่านหินและพยายามที่จะยกเลิกการนำถ่านหินมาใช้ และวางแผนค่อย ๆ ลดการใช้พลังงานจากน้ำมัน ลดการใช้พลังงานจากก๊าซธรรมชาติแล้วหันมาใช้พลังงานสะอาดแทนในอนาคต
แต่ปัจจุบันพลังงานสะอาดอย่างพลังงานไฟฟ้า พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ ยังไม่สามารถถูกผลิตออกมาได้เป็นจำนวนมาก มันจึงยังมีความจำเป็นต้องใช้พลังงานจากฟอสซิลกันอยู่
นั้นหมายความว่าหากประเทศยุโรปหันกลับไปใช้ถ่านหินผลิตพลังงานเชื้อเพลิง ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก็จะถูกปล่อยออกมามากยิ่งขึ้นตามไปด้วย
กลายเป็นว่า “Winter is coming” ที่กำลังจะมาถึงนี่ไม่ใช่แค่มันจะส่งผลกระทบต่อมนุษย์เท่านั้น มันยังส่งผลต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบนโลกใบนี้ด้วย
ได้แต่หวังว่าเมื่อถึงเวลาแล้วทุกประเทศทุกฝ่ายจะหาทางแก้ปัญหาได้โดยไม่ต้องกระทบต่อสิ่งแวดล้อมธรรมชาติมากไปกว่านี้
เพราะแค่ Winter ที่จะมาในยุโรปก็หนาวมากแล้ว
เราคงไม่อยากทำให้มันเป็นตัวเร่งบีบคั้นให้ธรรมชาติ ต้องส่งภัยธรรมชาติอย่างอื่นเข้ามาตามไปด้วย
และภัยธรรมชาติบนโลกเวลาเกิดขึ้นมันไม่ได้จำกัดเฉพาะที่ใดที่หนึ่ง แต่มันเกิดขึ้นไปทั่วโลก
“Winter is coming” จึงอาจเป็นเสียงเตือนจากธรรมชาติ
มายังทุกคนบนโลกในนี้ก็เป็นได้ครับ
1
บันทึก
11
16
4
11
16
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย