28 ก.ค. 2022 เวลา 05:00
Ep.24 "มองเกาหลี" ส่งท้าย
เปียงยางยามค่ำคืน
สำหรับดินเนอร์มื้อสุดท้ายในเปียงยางค่ำคืนนี้ เราจัดตัวเองให้เล่นบทเจ้าภาพ ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ฝ่ายเกาหลีแจ้งไว้ เราออกจากโรงแรมโกริโยตามเวลาอันควร เพื่อให้มาถึงภัตตาคารที่จองไว้ (ชื่ออะไร อยู่ที่ไหน เราไม่รู้ทั้งสิ้น ด้วยคุณหลังเป็นผู้จัดการให้ พร้อมกับเลือกเมนูไว้เรียบร้อยแล้วด้วย)
จากโรงแรมโกริโยมาภัตตาคารใช้เวลาเพียง 5 นาที เจ้าภาพจึงมาถึงก่อนแขกรับเชิญประมาณ 15 นาที ภัตตาคารนี้ใหญ่มาก ติดโคมไฟสว่างไสว ชื่อภัตตาคารก็เป็นภาษาเกาหลีหมด ตั้งอยู่ในย่านเดียวกับอาคารสเก็ตน้ำแข็งและสนามกีฬาในร่ม ที่คนเปียงยางนิยมพาลูกหลานมาหย่อนใจ
หัวหน้าห้องอาหาร พาไปนั่งรอที่ห้องรับรอง (อีกแล้ว) ผ่านห้องโถงใหญ่ ที่ตั้งโต๊ะอาหารไว้ราว 20 โต๊ะ แต่ยังไม่มีลูกค้าเลย ห้องอาหารเป็นแบบโล่ง แต่กั้นให้ดูเป็นสัดส่วนด้วยกระถางดอกไม้พลาสติกสีแจ๊ด วางเป็นแนว ฟองน้ำออกจะเสียความรู้สึกหน่อย ๆ ไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมไปที่ไหนเราก็เจอแต่ดอกไม้พลาสติก... แล้วทุ่งดอกไม้หลากสีที่เราเห็นปลูกเป็นแถวข้างทาง เปียงยาง – มารัมนั่นเล่า เขาเก็บดอกไม้สวยสดเหล่านั้นไปทำอะไรที่ไหนกันหนอ?
พอใกล้ถึงเวลานัด เราก็ไปยืนเป็นเจ้าภาพที่ดี รอแขกอยู่ที่บันไดภัตตาคาร งานนี้เจ้าภาพมากกว่าแขกเยอะ คือ แขกของเรามีเพียง 7 คน ได้แก่ โปรเฟสเซอร์ชา โปรเฟสเซอร์ฉ่อย โปรเฟสเซอร์อัน (ผู้เคยมาเยี่ยมเราที่เมืองไทยแล้ว โปรเฟสเซอร์แบค ซอง มู (คุณหลังของเราไง) อีกคนเป็นอาจารย์ผู้ประสานงานโปรแกรมซึ่งฟองน้ำจำชื่อไม่ไม่ได้เสียแล้ว และตุ้ยนุ้ยกับกบน้อย ส่วนคนขับรถทั้งสาม ก็เป็นแขกของเราเหมือนกัน แต่เขาไปรับประทานที่อีกห้องต่างหาก
โต๊ะอาหารยาว รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสำหรับ 22 ที่ ถูกจัดเตรียมไว้ในห้องเดี่ยว เป็นสัดส่วน แต่ออกจะคับแคบไปนิด การเลี้ยงมื้อนี้ ดีตรงที่เขาคิดค่าอาหารเป็นรายหัว รวมเครื่องดื่มด้วยเสร็จ สะดวกต่อการคำนวณงบประมาณในกระเป๋า เมนูที่เลือกไว้ราคา 15 อเมริกันดอลลาร์ต่อหัว ซึ่งก็ดูเป็นราคาที่สมเหตุสมผล เมื่อเทียบกับรายการอาหารที่มีมากอย่างเหลือเกิน
เริ่มต้นด้วยออร์เดิร์ฟผักหลายชนิด หั่นเป็นเส้นละเอียดโรยน้ำจิ้มงาคั่ว ตามด้วยเป็ดอบไส้เกาลัด กุ้งทอดกรอบสีทอง ยำปลาหมึก ปลาแห้งหวานตัดเป็นท่อนเล็ก ๆ และแมงกระพรุนผัดน้ำมันงา (อันนี้จัดว่าเป็นอาหารจานแพงของเขา) ตามติดท้ายเมนูของคาวด้วยอาหารจานอร่อยสำหรับเขาอีกเช่นกัน นั่นคือ บะหมี่สาหร่ายแช่เย็นเจี๊ยบคนละ 1 กาละมังขนาดเล็ก (ฟองน้ำไม่ได้โม้เกินเลยดอก ชามบะหมี่น่ะ ใหญ่ขนาดน้อง ๆ กาละมังจริง ๆ)
ฝ่ายเกาหลีเติมน้ำส้มนิด พริกป่นหน่อย แล้วใช้ตะเกียบคีบเส้น ซดน้ำกันซูดซ้าดอย่างเอร็ดอร่อย เผลอประเดี๋ยวเดียวก็หมดชาม ส่วนฝ่ายไทยค่อย ๆ คีบ ละเลียดทานทีละน้อย ด้วยเราไม่ชินกับการกินบะหมี่เย็นเจี๊ยบ แล้วก็ตกใจกับขนาดของชามยักษ์นั้นด้วย
ของหวาน เป็นแอปเปิ้ลกับพีชสดลูกโต หวานหอมอร่อยที่สุด ตบท้ายด้วยไอศกรีมรสอ่อนหวาน ที่เราชักชินกับรสชาติแล้ว เครื่องดื่มเป็นเบียร์ดำ และเหล้าองุ่นแดงที่ออกรสหวานเช่นปกติแต่มีกลิ่นคล้ายกับปนยาดองนิด ๆ บรรดาสุภาพสตรีที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ก็ได้รับการเสิร์ฟน้ำส้มขวด ที่สีคล้ายน้ำมะนาวมากกว่า
ภัตตาคารที่จัดเลี้ยงเจ้าภาพเกาหลี
ดินเนอร์มื้อสุดท้ายเพื่อขอบคุณฝ่ายเกาหลีในค่ำคืนนี้ เปี่ยมด้วยบรรยากาศแห่งมิตรไมตรี และงานเลี้ยงเลิกราในเวลาเพียง 3 ทุ่มเศษ
 
เราเคลิ้มหลับกันมาตลอดทางด้วยความอิ่ม เมื่อลงจากรถที่หน้าบ้านพักแล้ว จึงพร้อมใจกันไปเดินเล่นให้สบายท้องเสียหน่อย นี่เป็นคืนสุดท้ายที่มารัมแล้ว น่าจะไปเดินกินลมชมวิวยามดึกเป็นการอำลา
เดินยืดเส้นยืดสายแล้ว ก็ไปนั่งสังสรรค์กันที่ศาลาท่าน้ำ ตุ้ยนุ้ยกับกบน้อยตามมานั่งคุยด้วยเช่นเคย คุณดำกับคุณนันต์ เป็นธุระกุลีกุจอเสิร์ฟแอลกอฮอล์ (ดูเหมือนจะเป็น Black Label?) ให้กับหนุ่มทั้งสอง… และอีกชั่วครู่ ฟองน้ำก็ได้ฟังนิทานในวงเหล้าสนุก ๆ ของเกาหลีหลายเรื่องจากสองหนุ่ม ซึ่งกำลัง ‘ได้ที่’ กับวิสกี้ที่ผลิตโดยค่ายประชาธิปไตยหลายแก้ว ก่อนแยกย้ายกันกลับห้องพัก
นายจัดกระเป๋าเสร็จเมื่อเกือบเที่ยงคืน แต่ไม่ยักเข้านอน กลับก้ม ๆ เงย ๆ อยู่กับสมุดโน้ตกระรุ่งกระริ่งเล่มนั้นต่อ...
 
เพื่อให้คุณได้อะไรที่สมบูรณ์ขึ้นอีกนิด ฟองน้ำจึงขอคัดลอกที่นายจดเอาไว้มาให้คุณอ่าน
“คนเกาหลีสูบบุหรี่จัด ดื่มเบียร์ดำเป็นว่าเล่น...”
“เวลาเกาหลีเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง”
 
“โรงหนังไม่มีการฉายเรื่องประเภทน้ำเน่า เรื่องรักหวานแหววโรแมนติกก็ไม่เห็น มีเพียงเรื่องของสงครามและการต่อสู้... มีโปสเตอร์ดาราชายดัง ๆ หลายคน ดาราหญิงคงเป็นตัวรอง จึงวาดรูปดาราหญิงเล็กกว่าเสมอ”
“ที่ไหน ๆ ก็มีที่เขี่ยบุหรี่สวยทำด้วยแก้ว วางไว้บนผ้ารองซึ่งปักสวยดี...”
“แผนการขุดคลองเชื่อมแม่น้ำแตดองกับแม่น้ำยงคึง น่าสนใจ เพราะจะเป็นทางลัดเชื่อมทะเลตะวันตก (ทะเลเหลือง) กับทะเลตะวันออก (คือทะเลญี่ปุ่น แต่เกาหลีเรียกว่าทะเลเกาหลี) โดยไม่ต้องอ้อมแหลมเกาหลี....”
“เกาหลีเหนือมีพลเมือง 20 ล้านคน อัตราเพิ่ม ร้อยละ 2.8 ต่อปี อัตราตายในทารกแรกเกิดน้อยมาก คนก็มีสุขภาพดี ไม่มีการคุมกำเนิด... อย่างนี้อีกไม่นาน ประชากรประเทศนี้คงหนาแน่นอย่างรวดเร็ว มิน่าเล่า ไปทางไหนก็เห็นเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ (เด็กมีราว 9 ล้านคน)”
“คนทำงานมี 3 พวกใหญ่ ๆ คือ กรรมกร ชาวนา และพวกที่ทำงานสำนักงาน อันได้แก่ผู้บริหารและนักการเมือง กับ ข้ารัฐการ คิดเป็นอัตราส่วน 41:37:22….”
“รัฐธรรมนูญที่ใช้คือฉบับปี 1972 ซึ่งระบุบทบาทขององค์กรต่อไปนี้
- สภาประชาชนสูงสุด (Supreme People’s Assembly) ทำหน้าที่ด้านนิติบัญญัติ
- ประธานาธิบดี (President) บัญญัติอำนาจไว้ในขอบเขตกว้างมาก คือ เป็นประมุขสูงสุดของรัฐและหัวหน้าฝ่ายบริหาร ทั้งยังดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะกรรมการกลางประชาชน และยังเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกองทัพแห่งชาติด้วย
- คณะกรรมการกลางประชาชน (Central People’s Committee) ทำหน้าที่บริหารประเทศ เป็นผู้กำหนดนโยบายทุกอย่าง ทั้งภายในและภายนอก และยังมีหน้าที่แต่งตั้ง ถอดถอน หรือโยกย้ายรัฐมนตรี และ ทูตเกาหลีในต่างประเทศได้ด้วย คณะกรรมการกลางประชาชนนี้ประกอบด้วย ประธานาธิบดี และ บุคคลสำคัญของพรรคคนงาน ซึ่งเป็นพรรคที่กุมบังเหียนประเทศมาตั้งแต่ปี 1945
- คณะมนตรีบริหารแห่งรัฐ (State Administration Council) หมายถึง คณะรัฐมนตรี อันประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี ชื่อ คัง ซอน ซาน และรองนายก 5 คน กับรัฐมนตรี 22 กระทรวง บวกกับคนนอกอีก รวมทั้งหมด 40 คน คณะรัฐมนตรีอยู่ภายใต้การควบคุมชี้แนะของประธานาธิบดี และ คณะกรรมการกลางประชาชนอีกทีหนึ่ง
- การปกครองท้องถิ่น แบ่งเป็นระบบ แขวง – จังหวัด – เมือง (Province - City – County ภาษาเกาหลีเรียกว่า กุน)
- โดยหลักการ มีพรรคการเมืองอยู่ 4 พรรค แต่ในทางปฏิบัติ มีพรรคเดียว คือพรรค
คอมมูนิสต์อิสระ ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี 1930 และเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคคนงานเมื่อปี 1948”
และสุดท้าย นายบันทึกว่า “เพื่อบรรลุถึงการรวมปิตุภูมิอย่างสันติ สองเกาหลีควรจะพบกันครึ่งทาง แต่ทว่า ทำอย่างไรครึ่งทางจากเปียงยางกับครึ่งทางจากโซล มาถึงปันมุมจอม จึงจะเป็นระยะทางเท่ากันได้?...”
โปรดติดตามตอนต่อไป.....

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา