28 ก.ค. 2022 เวลา 02:33 • กีฬา
ดราม่าแห่งทศวรรษของศรีสะเกษ เอฟซี กับ อีสาน ยูไนเต็ด ได้บทสรุปจบแล้ว คงจะเป็นเรื่องดี ถ้าเราจะไปย้อนดูกันตั้งแต่แรกว่าเกิดอะไรขึ้น กับคำอธิบายด้วยว่า สุดท้ายทำไมฝั่งอีสาน ยูไนเต็ด จึงเป็นฝ่ายชนะในคดีนี้
ก่อนที่เริ่มเรื่องนี้ เราจำเป็นต้องเข้าใจว่า สโมสรกีฬานั้นเป็นนิติบุคคล พวกเขาเหมือนบริษัทแห่งหนึ่ง แปลว่าสามารถย้ายไปอยู่เมืองไหนก็ได้ ตามที่เจ้าของต้องการ
ตัวอย่างเช่น ทีมอเมริกันฟุตบอลชื่อ "แรมส์" เคยอยู่เมืองคลีฟแลนด์ แล้วก็ย้ายไปลอสแองเจลิส แล้วย้ายไปเซนต์หลุยส์ ก่อนจะกลับมาอยู่ลอสแองเจลิสอีก ถ้าเจ้าของจะย้ายทีมซะอย่าง ใครจะทำอะไรได้
แต่ที่ปกติ ทีมกีฬาไม่ค่อยย้ายเมืองกัน ก็เพราะการย้ายที่อยู่บ่อยๆ แปลว่าคุณก็จะไม่มีฐานแฟนแบบจริงๆ จังๆ ซะที การอยู่ที่เดิมนานๆ มันย่อมสร้างความผูกพันกับเมือง และนำมาซึ่งความมั่นคงทางรายได้
ยกตัวอย่างแบบสุดโต่งหน่อย เช่น หากตระกูลเกลเซอร์ บ้าจี้ขึ้นมา บอกว่า "ขอย้ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปอยู่เมืองอื่น" จากนั้นไปสร้างสนามใหม่ที่เมืองไบรท์ตัน แล้วหอบนักเตะกับสตาฟฟ์ทั้งหมดไปด้วย แล้วตั้งชื่อทีมว่า "ไบรท์ตัน ยูไนเต็ด" ทางทฤษฎีมันก็สามารถทำได้นะ
ส่วนเรื่องสิทธิ์การเข้าร่วมแข่งขันนั้น จะอยู่ที่สโมสรเสมอ ไม่ได้อยู่ที่เมือง
อย่างเช่น ถ้าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ย้ายไปอยู่เมืองไบรท์ตัน แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นไบรท์ตัน ยูไนเต็ด สิทธิ์ของสโมสรในการเข้าร่วมแข่งขันพรีเมียร์ลีก ก็ย่อมเป็นของไบรท์ตัน ยูไนเต็ด แม้แฟนๆ ปีศาจแดงในเมืองแมนเชสเตอร์ จะโอดครวญอย่างไรก็ไม่เป็นผล
----------------------
เอาล่ะครับ กลับมาที่เรื่องของศรีสะเกษ เอฟซี ผมจะแยกเป็น Timeline จะได้เห็นสถานการณ์ที่ชัดเจนที่สุดนะครับ
พ.ศ. 2542 - การกีฬาแห่งประเทศไทย ต้องการกระจายสโมสรฟุตบอล ให้ไปอยู่ตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ แทนที่จะกระจุกอยู่แต่ในกรุงเทพอย่างเดียว ดังนั้นจึงจัดการแข่งขัน "โปรวินเชียลลีก" ขึ้น (ขนานไปกับฟุตบอลไทยลีก) และจังหวัดศรีสะเกษ เข้าร่วมแข่งขันด้วย โดยบุญชง วีสมหมาย ส.ส.ศรีสะเกษ รับอาสาเป็นประธานสโมสร
3
ณ เวลานั้น สโมสรศรีสะเกษ เอฟซี จึงก่อตั้งขึ้นมา มีสถานะเป็นหน่วยงานหนึ่งของจังหวัดศรีสะเกษ ยังไม่อยู่ในรูปแบบนิติบุคคล
1
และเพียงปีแรกที่เข้าแข่งขัน ศรีสะเกษ เอฟซี คว้าแชมป์โปรวินเชียลลีกได้ทันที โดย ณัฐวุฒิ กิ่งพิลา ยิงได้ 17 ประตูในฤดูกาลเดียว คว้ารองดาวซัลโวในซีซั่นนั้นได้ด้วย
----------------------
พ.ศ. 2546 - ศรีสะเกษ เอฟซี เปลี่ยนชื่อเป็น "ศรีสะเกษ สตีลร็อค"
----------------------
พ.ศ. 2548 - ศรีสะเกษ ตัดคำว่าสตีลร็อคออก แล้วกลับมาใช้ศรีสะเกษ เอฟซีตามเดิม ขณะที่ความนิยมของสโมสรก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ชื่อเสียงของแฟนคลับโด่งดังไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะบรรยากาศการเชียร์ในสนามศรีนครลำดวน ที่สุดยอดมากๆ คนเข้ามาดูในแต่ละแมตช์หลายพันคน เป็นเรื่องปกติ
นอกจากนั้นเวลาศรีสะเกษไปแข่งที่จังหวัดอื่น จะมีกลุ่มชื่อ "กูปรีพลัดถิ่น" ตามไปเชียร์ถึงบ้านคู่แข่งอย่างล้นหลามด้วย ซึ่งในยุคที่วัฒนธรรมการเชียร์ทีมเยือนของบอลไทย ยังไม่แข็งแรงนัก ศรีสะเกษถือเป็นสโมสรแรกๆ ที่มีปริมาณกองเชียร์ทีมเยือนเยอะขนาดนั้น
----------------------
พ.ศ.2550 - โปรวินเชียลลีก (ภายใต้การดูแลของกกท.) รวมเข้ากับ ไทยลีก (ภายใต้การดูแลของสมาคม) รวมร่างเข้าเป็นลีกเดียวกัน โดยศรีสะเกษ เจ้าของฉายา "กูปรีอันตราย" จะต้องไปเริ่มแข่งขันตั้งแต่ระดับดิวิชั่น 1 และพยายามไต่เต้าขึ้นมาสู่ลีกสูงสุดให้ได้
1
----------------------
พ.ศ.2552 - จากที่ศรีสะเกษ เอฟซี เคยเป็นยูนิตของจังหวัด ทางบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก ได้กำชับให้สโมสรในประเทศไทย ให้แยกออกมาเป็นนิติบุคคลให้ชัดเจน ดังนั้นสโมสรจึงจัดตั้งบริษัทขึ้น ในชื่อ "บริษัท สโมสรฟุตบอลศรีสะเกษ จำกัด" โดยมีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 คน ประกอบไปด้วย
1
ประธานสโมสร - ธเนศ เครือรัตน์ (ส.ส. ศรีสะเกษ จากเพื่อไทย)
ผู้จัดการทีม - สรศาสตร์ ศรีธัญรัตน์ (เลขาธิการหอการค้าศรีสะเกษ)
ฝ่ายสิทธิประโยชน์ทีม - สมบัติ เกียรติสุรนนท์ (ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดศรีสะเกษ)
----------------------
พ.ศ.2553 - ศรีสะเกษ เอฟซี ใช้ความพยายามอยู่นาน แต่ก็เลื่อนชั้นมาเล่นลีกสูงสุดได้สำเร็จ โดยมีคีย์แมนอย่างเช่น วุฒิชัย ทาทอง, ปิยะวัฒน์ ทองแม้น และ เอ็นจี้ ดีวาย (แคเมอรูน) นำทัพ ปีแรกพวกเขาเกือบตกชั้น แต่ก็เอาตัวรอดได้อย่างหวุดหวิดมากๆ ในรอบเพลย์ออฟ ทำให้ยืนหยัดในลีกสูงสุดได้ต่อไป
----------------------
พ.ศ.2555 - เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในจังหวัดศรีสะเกษ เมื่อมีการก่อตั้งสโมสรฟุตบอลใหม่ ขึ้นมาในชื่อ "ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด" มีฉายาว่าลำดวนเพลิง ลงแข่งขันในระดับดิวิชั่น 2 (ลีกภูมิภาค) โดยศรีสะเกษ ยูไนเต็ด ขอใช้สนามศรีนครลำดวน เช่นเดียวกับศรีสะเกษ เอฟซี
1
และสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตศรีสะเกษ ซึ่งเป็นเจ้าของสนามก็อนุมัติให้ใช้ ทำให้ สัญชัย อดุลสุทธิกุล ที่ปรึกษาของกูปรีอันตราย โวยขึ้นมาว่า 2 สโมสรจะใช้สนามเดียวกันได้อย่างไร แต่ ดร.เฉลิมพงษ์ เฉลิมชิต รองอธิการบดีของสถาบันการพลศึกษาฯ ก็ตอบโต้ว่า สามารถรองรับการแข่งได้ทั้ง 2 สโมสรนั่นแหละ
เรื่องนี้ก็สร้างความประหลาดใจเพราะสมาคมฟุตบอลออกนโยบาย 1 จังหวัด 1 ทีม ดังนั้นตามหลักก็ไม่ควรอนุมัติให้มีศรีสะเกษ ยูไนเต็ดเกิดขึ้นได้ แต่ไม่รู้ไปตกลงกันแบบไหน สมาคมเลยยอม กลายเป็นว่า ศรีสะเกษเลยจะมี 2 ทีมซ้อนกัน (แต่อยู่คนละลีก)
27 มกราคม 2555 โดยที่ไม่มีใครรู้ตัว 2 ใน 3 ผู้ถือหุ้นใหญ่ของศรีสะเกษ เอฟซี คือ สมบัติ เกียรติสุรนนท์ (หรือเฮียฮวด) กับ สรศาสตร์ ศรีธัญรัตน์ ตัดสินใจยื่นเรื่องไปที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เพื่อขอย้ายจังหวัด จากอยู่ศรีสะเกษ ขอไปอยู่อุบลราชธานีแทน แล้วจะเปลี่ยนชื่อสโมสรเป็น อีสาน ยูไนเต็ด
เหตุผลที่ขอย้ายจังหวัด มีการวิเคราะห์กันว่า เฮียฮวด-สมบัติ ไม่ต้องการไปทับไลน์กับทีมใหม่ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด ดังนั้นจึงย้ายมาอยู่อุบลราชธานี ที่เป็นตลาดใหญ่ แต่ยังไม่มีสโมสรในลีกสูงสุดดีกว่า (ตอนนั้นมี อุบล ไทเกอร์ ซึ่งอยู่ลีกภูมิภาค) ซึ่งหลังจากนั้นเฮียฮวด-สมบัติ ก็ยอมรับว่า นั่นคือเหตุผลหลักจริงๆ
เฮียฮวดกล่าวว่า "เรามาถาวรไม่คิดจะไปไหนอีก เรามาที่นี่ (อุบล) แล้วมีความสุข เรามาสร้างประโยชน์ให้พื้นที่ ที่เห็นได้ชัดคือเรื่องเศรษฐกิจ ที่จะตามมาคือวิถีชีวิตของคน เพราะผมจะทำให้อุบลฯ เป็นเมืองฟุตบอล"
การใช้ชื่อ "อีสาน ยูไนเต็ด" ก็เพื่อดึงแฟนบอลทั้งภาคให้มาเชียร์ หลักการเดียวกับทีม NFL นิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ โดย นิวอิงแลนด์ คือภูมิภาคที่รวม 6 รัฐของอเมริกา ได้แก่ คอนเน็คติคัท, เมน, แมสซาชูเซตต์, นิว แฮมเชียร์, โร้ด ไอส์แลนด์ และ เวอร์มอนต์ คือไม่ได้เจาะจงแค่เมืองใดเมืองหนึ่งเท่านั้น
ตามหลักการแล้ว สโมสรกีฬาเป็นเรื่องของนิติบุคคล ในเมื่อเจ้าของทีมเขาอยากจะย้ายซะอย่าง มันก็เป็นสิทธิ์อันชอบธรรม ที่จะทำได้ แต่ปัญหาคือ มันเป็นการกระทำที่หักดิบ สนใจแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง โดยไม่นึกถึงใจของแฟนบอลจังหวัดศรีสะเกษที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่วันแรก
แฟนบอลศรีสะเกษ เอฟซี ส่งใจเชียร์กูปรีอันตราย เพราะเป็นเหมือนตัวแทนของจังหวัด แต่อยู่ๆ ย้ายไปอุบลราชธานีดื้อๆ มันเหมือนเจ้าของทีมหักหลังกันอย่างไม่ไยดี แล้วถามจริงว่าเจ้าของทีม จะให้ขับรถตามไปเชียร์ทีมรักของตัวเองที่อุบลฯ อย่างนั้นหรือ?
นั่นทำให้ กองเชียร์ศรีสะเกษโกรธแค้น ฝั่งเฮียฮวด-สมบัติเป็นอย่างมาก มีการบุกไปที่หน้าบ้านของเฮียฮวดที่ศรีสะเกษ นอกจากนั้นมีการเดินขบวนชูป้ายประท้วง กดดันเรียกร้องขอเอาสโมสรกลับคืนมา
ประชาชนศรีสะเกษ ออกแถลงการณ์ว่า "ด้วยเหตุผลทางการเงินของบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก บังคับให้ทุกทีมต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ในทางนิติบัญญัติพวกท่านเป็นเจ้าของ แต่ในทางพฤตินัย มันคือสมบัติของประชาชนศรีสะเกษ ที่มอบให้ท่านดูแลและรักษาไว้"
ในปัจจุบัน วงการฟุตบอลเอเชีย มีกฎเรื่อง Club Licensing ที่ระบุว่า การย้ายทีมคุณต้องแจ้งเรื่องอย่างน้อย 1 ปี และต้องมีวิธีการเยียวยาแฟนบอลเดิมของตัวเองด้วย แต่ในอดีตยังไม่มีความเข้าใจเรื่องนี้ สมาคมฯ ยุคนั้น ก็ต้องว่ากันตามเอกสาร จึงอนุญาตให้ศรีสะเกษ เอฟซี เปลี่ยนชื่อทีม เป็นอีสาน ยูไนเต็ด และย้ายไปอยู่อุบลราชธานีได้
อีสาน ยูไนเต็ด ลงเล่นไทยลีก ฤดูกาล 2555 จบอันดับ 6 อย่างสวยงาม ทิศทางของทีมดูจะไปได้สวย อย่างไรก็ตาม ฝั่งแฟนบอลกูปรีอันตรายเดิม ยังโกรธแค้นเป็นอย่างมาก พวกเขาตามสาปแช่งทุกนัดที่อีสาน ยูไนเต็ดลงเล่น และเฮียฮวดคือศัตรูเบอร์หนึ่งของแฟนบอลกูปรีอันตราย
1
จุดสำคัญของเรื่องนี้ คือ ส.ส.ธเนศ เครือรัตน์ หนึ่งใน 3 หุ้นส่วนศรีสะเกษ เอฟซี ออกมาเรียกร้องกับสมาคมฯ ในยุควรวีร์ มะกูดี ว่าการย้ายเมืองของอีสาน ยูไนเต็ด เป็นเรื่องไม่ยุติธรรม คุณจะย้ายเมืองไปดื้อๆ แบบนี้ไม่ได้ นอกจากนั้นยังโวยว่า ฝั่งอีสาน ยูไนเต็ด อาจมีการใช้เอกสารปลอมเกิดขึ้น
1
ในตอนนั้น กระแสสังคมเอนเอียงไปทางศรีสะเกษ เอฟซี เป็นอย่างมาก เพราะลองคิดดูอย่างในฟุตบอลต่างประเทศ ถ้าเจ้าของสโมสรลิเวอร์พูล วันดีคืนดีขอย้ายเมืองไปอยู่ลอนดอนแทน มันคงเป็นอะไรที่แปลกพิลึกอย่างมากจริงๆ
----------------------
พ.ศ. 2556 - สมาคมฟุตบอลได้แต่งตั้ง ถิรชัย วุฒิธรรม เป็นคณะกรรมการพิเศษ ตัดสินคดีนี้ และในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ได้มีมติว่า สิทธิ์ในการเล่นไทยลีก ฤดูกาล 2556 ให้กลับมาเป็นของ ส.ส.ธเนศ เครือรัตน์แทน ดังนั้นจึงไม่มีทีมอีสาน ยูไนเต็ด แต่จะกลายเป็นศรีสะเกษ เอฟซี ตามเดิม
4
การตัดสินแบบนี้ ได้ใจกองเชียร์ศรีสะเกษ เพราะสโมสรของตัวเองจะได้กลับมาจากอุบลฯ ซึ่งเกมไทยลีก ฤดูกาล 2556 ศรีสะเกษก็ลงเตะไปแล้ว 3 นัด (เจอ ชัยนาท, เมืองทอง, สงขลา)
แต่เรื่องไม่จบแค่นั้น เพราะฝั่งอีสาน ยูไนเต็ด ยอมไม่ได้ การได้เล่นลีกสูงสุดมันมีมูลค่ามหาศาลเป็นสิบล้าน แต่อยู่ๆ สมาคมมาริบสิทธิ์ของพวกเขาแบบนี้ดื้อๆ ทำให้อีสาน ยูไนเต็ด ไปยื่นเรื่องต่อศาลปกครองอุบลราชธานี ว่าพวกเขามีเอกสารนิติบุคคลครบถ้วนทุกอย่าง และสามารถโยกย้ายจังหวัดได้โดยชอบธรรม นั่นทำให้ศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามศรีสะเกษ เอฟซี ลงแข่งขันไทยลีกแบบไม่มีกำหนด
กว่าที่ศาลปกครองอุบลฯ จะยอมให้กลับมาแข่งอีกครั้ง ฤดูกาลก็ผ่านไปแล้ว 5 เดือน ทีมอื่นๆ ในไทยลีก เตะกันไปแล้ว 24 นัด นั่นทำให้สมาคมฯ ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยการเพิ่มไทยลีก ฤดูกาล 2557 เป็น 20 ทีม (จากเดิม 18 ทีม) โดยศรีสะเกษยังได้เล่นลีกสูงสุดต่อไปตามเดิม
2
----------------------
1
ปี 2557, 2558, 2559 ศรีสะเกษ เอฟซี ก็ลงเล่นไทยลีกตามปกติ ยืนหยัดในลีกสูงสุดได้อย่างไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม วันที่ 29 ธันวาคม 2559 ศาลปกครอง มีคำพิพากษาว่าสิทธิ์อันชอบธรรม ต้องเป็นของอีสาน ยูไนเต็ด ดังนั้นสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ต้องจ่ายเงินค่าสินไหม ให้ผู้ฟ้องคดี (อีสาน ยูไนเต็ด) 18.4 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี พร้อมทั้งสั่ง ให้ ส.ส.ธเนศ เครือรัตน์ คืนสิทธิ์ในการทำทีมไทยลีก ให้กับผู้บริหารอีสาน ยูไนเต็ดด้วย
1
แต่ ส.ส.ธเนศ ไม่ยอมง่ายๆ และยื่นอุทธรณ์ตามสิทธิ์ของกฎหมาย ทำให้ในฤดูกาล 2560 ศรีสะเกษ เอฟซี ก็ยังได้เล่นในไทยลีกต่อไปอีก 1 ปี แต่ในฤดูกาลนี้เอง ที่ศรีสะเกษเล่นได้ย่ำแย่มาก จบอันดับ 17 ของลีก และตกชั้นไปเล่นในลีกแชมเปี้ยนชิพ (T2)
ศรีสะเกษ เอฟซี ฟอร์มแผ่วลงเรื่อยๆ จากเคยอยู่ T1 ร่วงมา T2 และ ปัจจุบันอยู่ในระดับ T3 อยู่ในลีกเดียวกับ ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด ณ เวลานี้
หลังจากศาลปกครอง พิพากษารอบแรก ในปี 2559 คดียืดเยื้อมาอีก 6 ปี และในวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 ศาลปกครองสูงสุด มีบทสรุปคำพิพากษาชี้ขาดในคดีนี้ และมีบทสรุปคือ ยืนตามคำพิพากษาเดิม
2
นั่นคือ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ต้องชดใช้เงิน 18.4 ล้านบาท ให้กับเจ้าของทีมอีสาน ยูไนเต็ด พร้อมทบดอกเบี้ยปีละ 7.5%
แม้ว่าความผิดพลาดจะเกิดขึ้นในยุค สมาคมของวรวีร์ มะกูดี แต่คนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องเงิน จะเป็นสมาคมยุคพล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง
1
นอกจากนั้น ศรีสะเกษ เอฟซี ต้องคืนสิทธิ์การเล่นฟุตบอลไทยลีก ให้กับอีสาน ยูไนเต็ดด้วย ซึ่งผู้บริหารของอีสาน ยูไนเต็ด ก็ต้องตัดสินใจว่า ตอนนี้เมื่ออีสาน ยูไนเต็ด ต้องมาเริ่มต้นจาก T3 พวกเขาจะยังทำทีมต่อไปหรือไม่ หรือจะยุบทีมทิ้งไปเลย แล้วเก็บเงิน 18.4 ล้านบาทที่ได้มา เอาไปใช้จ่ายอย่างอื่นแทน
ขณะที่กูปรีอันตราย ที่ยืนหยัดในวงการฟุตบอลไทยมาอย่างยาวนานก็อาจล่มสลายไป ยกเว้นว่า เฮียฮวด-สมบัติ จะตัดสินใจเก็บชื่อนี้เอาไว้ต่อ นั่นก็อีกกรณีหนึ่ง
สำหรับการตัดสินของศาลปกครอง ไม่ได้มีอะไรที่เซอร์ไพรส์ เพราะสิทธิ์ในการเล่นไทยลีก เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ในนิติบุคคลอยู่แล้ว โอเคว่า สำหรับคนทั่วไป มันอาจขัดต่อความรู้สึกที่เจ้าของทีม ขอย้ายจากศรีสะเกษไปอุบลราชธานี แต่สุดท้ายแล้ว มันก็เป็นสิทธิตามกฎหมายของเจ้าของสโมสรอยู่ดี
5
เรื่องราวที่วุ่นวายเลยจบลงเพียงแค่นี้ การตัดสินใจที่ผิดพลาดของสมาคมในยุควรวีร์ มะกูดี ทำให้ทุกอย่างคาราคาซังมา 10 ปี แต่ตอนนี้ก็ได้บทสรุปทุกอย่างแล้ว
2
ไม่รู้ว่าอนาคต ศรีสะเกษ เอฟซี จะยังคงมีอยู่ หรือจะสูญสลายไป แต่สปิริตของกูปรีอันตราย ที่อยู่คู่วงการฟุตบอลมายาวนานกว่า 20 ปี คงจะไม่จางหายไปจากความรู้สึกของแฟนบอลได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน
1
#ENDOFSAGA
โฆษณา