29 ก.ค. 2022 เวลา 03:30 • การ์ตูน
EP : 427
ยูเรก้า เมืองกล คนอัจฉริยะ
ผมว่าเราทุกคนคงได้ยินคำว่า “ยูเรก้า” มาตั้งแต่เด็กอย่างแน่นอน ถ้าความจำผมไม่ผิดละก็คำนี้ผมรู้จักจาการสอนในตอนเรียนชั้นประถมหรือมัธยมนะครับ ผมไม่แน่ใจว่าจำผิดหรือถูก แต่คำว่า “ยูเรก้า” นี้ถูกใช้พร้อมกับคำว่า “ฉันพบแล้ว” หรืออะไรทำนองนี้ แน่นอนครับ ยูเรก้า นี้เป็นคำอุทานของนักประดิษฐผู้ยิ่งใหญ่ในโลกใบนี้ อย่าง “อาร์คิมิดีส” อัจฉริยะแห่งอดีต ซึ่งได้คิดค้นและประดิษฐสิ่งต่างๆที่ยิ่งใหญ่ให้เป็นหลักฐานว่าเขามีตัวตนอยู่และ ชื่อนี้คงจะอยู่ตราบวันที่โลกนี้แตกสลายแน่นอนครับ
ในความทรงจำของผม ผมจำได้แค่ว่า อาร์คิมิดีส เป็นนักประดิษฐในสมัยโรมรุ่งเรือง และเขาก็ตายจากการโดนฆ่าเพราะความแค้นของเหล่าทหารที่โกรธเขา เพราะอาวุธที่เขาประดิษฐนี้ทำให้พวกพ้องต้องตายเป็นจำนวนมาก ...... นั่นคือสิ่งที่ผมจำได้คร่าวๆครับ แต่ผมไม่เคยอ่านประวัติของทางเขาเป็นการเฉพาะหรือเคยอ่านก็ลืมไปแล้วแน่นอนครับ
“อาร์คิมิดีส” ชื่อนี้ยังคงซ่อนอยู่ในความทรงจำของผมไม่ได้หนีไปไหน จนกระทั่งเรื่องราวของเขาได้มาพบกับผมอีกครั้งกับหนังสือเล่มนึงที่เพิ่งได้อ่านจบไปครับ ทำให้ผมรู้จักสุดยอดนักประดิษฐคนนี้มากขึ้นกว่าที่ผมได้รู้จักเขา และที่สำคัญ เรื่องของเขาถูกวาดและสื่อสารโดยหนึ่งในนักเขียนมังงะชื่อดังของญี่ปุ่นครับ
“ยูเรก้า เมืองกล คนอัจฉริยะ” เป็นการ์ตูนอิงประวัติศาสตร์ของ “อาร์คิมิดีส
” แต่เรื่องนี้ใช้วิธีการเล่าที่ไม่ได้ใช้วิธีการเล่าแบบตรงๆ ที่หลายๆเรื่องนิยมใช้เวลาสื่อสารถึงคนมีชื่อเสียงที่หยิบยกมาเล่าครับ นั่นก็คือการเล่าเรื่องตั้งแต่เด็กของของบุคคลนั้นเพื่อสร้างความรู้สึกผูกผันและอิมเพคเวลาที่ คนๆนั้นสามารถไปถึงจุดพีคของเขา เราคนอ่านที่เอาใจช่วยมานานก็จะรู้สึกดีใจและมีความสุขไปกับเขาครับ
ยกตัวอย่างเรื่องที่เล่าด้วยวิธีการนี้ก็อย่างเรื่อง “ดร. โนงูจิ” ที่เราคุ้นเคยกันดี วิธีการนี้เป็นวิธีการที่เรียบง่ายและได้ผลดี ยิ่งถ้าคนวาดหรือเล่าเรื่องมีฝีมือในการบิ้วให้คนอ่านรักในตัวคนๆนั้นได้ละก็ มันก็ง่ายที่เราจะรู้สึกไปกับทุกๆอย่างในเรื่องราวที่เล่ามาครับ
แต่ “อาร์คิมิดีส” ในเรื่องนี้ไม่ได้ใช้วิธีการเล่าแบบนี้ครับ ทั้งๆที่ชื่อเรื่องมันก็บ่งบอกแล้วว่าเป็นเรื่องของ อาร์คิมีดีส แต่กับเลือกใช้วิธีการเล่าแค่ช่วงสุดท้ายของชีวิต ในช่วงศึกสงครามครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเสียชีวิตครับ
ที่สำคัญ ตัวเดินบทหรือตัวเด่นก็ไม่ใช่ อาร์คิมีดีส ซะอย่างนั้น กับใช้มุมมองหรือตัวเดินเรื่องที่เป็นบุคคลอื่นที่ไม่เคยรู้จักกับตัว อาร์คิมีดีส มาก่อนเลย แต่ต้องมารู้จักในช่วงเวลาเกิดศึกอย่างนี้ด้วยความจำเป็น ซึ่งเป็นวิธีการเล่าเรื่องที่ออกจะแปลกๆสำหรับเนื้อเรื่องที่ต้องการนำเสนอคนที่เขาอยากให้รู้จักที่สุดครับ
ฮันนิบาล บาร์คา แม่ทัพชาวคาร์เธจที่ยกทัพกว่า 5 หมื่นคนมาเพื่อสู้รบกับกองทัพชาวโรมันกว่า 75000 คน ด้วยจำนวนที่ต่างกันและความทะนงในฝีมือการรบรวมถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรตนเอง ศึกครั้งนี้จะจบลงอย่างรวดเร็วและจะเป็นชัยชนะของชาวโรมันอันยิ่งใหญ่อีกครั้ง
นี่คือความคิดก่อนเปิดศึกในครั้งนี้ แต่กับกลายเป็นซากศพของชาวโรมันกว่า 5 หมื่นคนที่ต้องตายลงที่นี่เพราะแผนการอันยอดเยี่ยมของ ฮันนิบาล คนนี้ ศึกในครั้งนี้ยังผลให้เกิดกระแสต่อต้านอาณาจักรโรมันจากหลายๆพื้นที่ที่เห็นว่า โรมันไม่อาจยิ่งใหญ่เหมือนเดิมอีกแล้ว
หลายเมืองย้ายไปจับมือกับกองทัพชาว คาร์เธจ อย่าง ฮันนิบาล นั่นทำโรมันอยู่นิ่งไม่ได้ จึงเตรียมกองทัพใหม่และเรียกแม่ทัพที่เจนศึกที่ตอนนี้ได้เลิกรบไปแล้ว แต่ด้วยสถานการณ์ที่ย่ำแย่ เขาคือชายเพียงคนเดียวที่คนในโรมันต่างนึกถึง “ดาบแห่งกรุงโรม นายพลมาร์คัส คราวดิอุส”
ซีราคิวส์ ซิซิเลีย คือหนึ่งในดินแดนที่เคยตกอยู่ใต้การปกครองของโรมัน แต่ด้วยผลการรบในครั้งนั้นทำให้เกิดการเปลี่ยนข้างขึ้นมา ผู้ปกครองที่เป็นชาวโรมันถูกฆ่าและยึดอำนาจโดยชาว ซิซิเลีย ทำให้ คลอเดีย ลูกสาวของผู้ปกครองที่มีเชื้อสายโรมัน ที่ประจำอยู่ที่นี่ต้องหลบหนีการพยายามจับกุมชาวโรมันในเมืองนี้จากผู้ปกครองคนใหม่
ทำให้เธอต้องหนีไปพึ่งพิงกับผู้มีสายสัมพันธ์ดีๆกับตระกูลเธอและมีอำนาจพอที่จะป้องกันการเข้ามาจับกุมเธอหากพวกเขารู้ว่าเธออยู่ที่นี่ และ เธอก็นึกถึง อาร์คิมิดิส สหายเก่าของพ่อเธอที่เคยรู้จักกันมาก่อน เธอจึงเดินทางไปหาเขา พร้อมกับ ดาร์มิสพิอุส ชายหนุ่มที่ต่อไปจะต้องร่วมปกป้องเธอและมีส่วนร่วมกับศึกสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นเพราะการยกทัพเข้ามาปราบปรามเมืองซิซิเลียของกองทัพโรมัน และเขาจะเป็นศิษย์คนสุดท้ายของ อาร์คิมิดิส ด้วย
เหตุการณ์ในเล่มนี้จะหยิบจับสงครามในช่วงสุดท้ายของ อาร์คิมีดิส ตามที่บอกครับ โดยเป็นสงครามที่โรมันจะต้องมายึดเมืองนี้คืนจากการที่ชาว ซิซิเลีย เปลี่ยนใจเข้ากับฝั่ง คาร์เธจ แทน และด้วยภูมิศาสตร์ของที่นี่เป็นทางผ่านที่สำคัญของการยกทัพไปปราบ คาร์เธจ ทำให้เมืองนี้ไม่อาจปล่อยผ่านในช่วงเวลาแห่งนี้ได้ครับ ทำให้ภาพหลักจะฉายอยู่ที่สงครามในเมืองนี้
โดยเน้นไปที่ตัวละครที่ไม่ได้เกี่ยวกับ อาร์คิมีดีส ตั้งแต่ต้นอย่าง “ดาร์มิสพิอุส” ซึ่งเปรียบเสมือนคนนอกเพราะเขาไม่ใช่ชาว ซิซิเลีย มาตั้งแต่เกิด และเขาต้องร่วมสงครามในครั้งนี้เพราะต้องการปกป้อง หญิงที่เขารักให้รอดจากการถูกการตามล่าในเมือง ซิซิเลียแห่งนี้ และก็นำพาให้เขามารู้จักกับ อาร์คิมิดีส นี่แหล่ะครับ
เพราะฉะนั้นอย่างที่ผมบอก บทของ ตัว อาร์คิมีดีส ในเรื่องนี้ต้องเรียกว่าไม่ได้เยอะอะไรเลยครับ บทมาตกกับ ดาร์มิสพิอุส อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้กระทั่งตอนเกิดสงคราม ตัวเขาเองก็ได้รับบทเป็นศิษย์คนเก่งของ อาร์คิมีดีส และต้องไปออกรบในฐานะผู้เชี่ยวชาญอาวุธปกป้องเมืองที่ อาร์คิมีดีสได้เคยสร้างเอาไว้เมื่อนานแล้ว และ เขาก็ไม่เคยรู้จักอะไรพวกนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ
แต่บทที่น้อยของ อาร์คิมีดีส ที่ดูไม่เหมือนเป็นเรื่องของเขาก็ใช่ว่ามันทำให้เขาดูไม่สำคัญหรือด้อยค่านะครับ เพราะเรื่องนี้ใช้การใช้งานของอุปกรณ์ที่อาร์คิมีดีสเคยสร้างให้กับเจ้าเมืองคนก่อนเอาไว้นั้นบอกเล่าความเก่งและความสำคัญของ อาร์คิมีดีส แทนการเล่าประวัติครับ เพราะเราจะเห็นได้เลยว่า อาวุธป้องกันเมืองที่เขาสร้างนั้นมันทำงานได้ดีแค่ไหน สะท้อนไปถึงคนสร้างว่าต้องฉลาดแค่ไหนฟะถึงคิดและสร้างไอ้พวกนี้ขึ้นมาได้ครับ
ทำให้เรื่องนี้แม้ตัวเอกจะออกมาน้อย แถมอายุเยอะด้วยและ ไม่ได้มาประดิษฐอะไรให้เห็นตรงหน้าหรือมาพูดอะไรฉลาดๆ แบบเรื่องอื่นๆทำกันก็ตาม แต่ก็ทำให้เห็นถึงความโดดเด่นของตัวละครนี้เป็นอย่างมากจนพูดได้ว่าก็ตามชื่อเรื่องนี้แหล่ะ เขาคือเจ้าของเรื่องในเรื่องนี้ นั่นแหล่ะอย่าสงสัย
และต้องขอพูดถึงตัวละครหลักของเรื่องนี้อย่าง “ดาร์มิสพิอุส” เพราะด้วยการที่ถูกสร้างเป็นตัวเดินเรื่องจนจะเรียกได้ว่าเป็นพระเอกอีกคนนึงในเรื่องนี้ก็คงไม่ผิดครับ ตัวละครตัวนี้ผมไม่รู้ว่ามีจริงๆหรือเปล่า หรือว่ามาเสริมเอาในเรื่องนี้ แต่ด้วยบทและหน้าที่ในเรื่องเขาสร้างตัวละครตัวนี้ให้เป็นที่รักของคนทุกคนในเรื่องครับ ผู้หญิงทุกคนต้องชื่นชอบในรูปร่างหน้าตาของเขา
รวมถึงนิสัยที่เข้ากับคนทุกคนได้ และมีความเข้าใจในสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี รวมถึงมีวาทะศิลป์ที่ในยุคสมัยในช่วงนั้นเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้คนหรือแม้กระทั่งประชาชนทั่วไปเคลื่อนไหวตามที่ต้องการได้เลยครับ ด้วยความสำคัญเบอร์นี้จึงถูกวางไว้ให้เป็นตัวเล่าเรื่องตั้งแต่ต้น จนสุดท้ายของเรื่องที่เขาก็เป็นเสมือนคนจบศึกระหว่างโรมันและเมืองนี้ครับ
จริงๆตัวละครหลักๆในเรื่องนี้มีไม่กี่คนครับ แต่ละคนออกมามีบทบาทที่น่าจดจำทุกคน เรื่องใช้วิธีการเล่าในสไตล์ถนัดของ อ.ฮิโตชิ อิวากิ คือเล่าไปเรื่อยๆ ดูเหมือนไม่พีคอะไรแต่มันมีจุดดักอารมณ์และบิ้วอารมณ์อยู่เรื่อยๆ ตัวละครมีความตลกร้าย และตลกหน้าตายเป็นเอกลักษณ์ เหล่านี้สร้างเนื้อหาที่อ่านง่าย ไปเรื่อยๆ เห็นภาพที่ตัวละครหรือสถานะการณ์ที่ต้องเจอได้เป็นอย่างดี เป็นเรื่องที่อ่านแล้วไม่สับสนซักเท่าไหร่ครับ
ด้วยสไตล์การวาดของ อ. ที่จะออกแบบตัวละครให้มีความเรียบง่ายเพื่อให้เข้ากับฉากที่เรียบง่ายไม่แพ้กัน ฉากหลายๆตอนจะไม่ได้ลงรายละเอียดไว้ซักเท่าไหร่ ซึ่งก็ออกบ่อยที่จะปล่อยให้ขาวไว้ครับ แต่อย่างไรเรื่องนี้ก็สนุกตื่นเต้นอย่างที่ควรเป็นของ อ. เขาเพราะสามารถบิ้วอัพอารมณ์ของคนอ่านเรื่องนี้ได้ดีไมแพ้เรื่องต่างๆ เลยครับ
ฉากพูดคุยหรืออธิบายแม้จะดูเรื่อยๆ เปื่อยๆ แต่พอมาถึงฉากต่อสู้แล้วก็ได้ดูฉากที่โหดขัดกับหน้าก่อนหน้านี้ไปเลย ซึ่งเป็นสไตล์การนำเสนอของ อ. ที่เป็นจุดเด่นมากๆ และอย่างที่บอกครับ ว่าเรื่องนี้ทำได้ดีเช่นเคยครับ
“ยูเรก้า เมืองกล คนอัจฉริยะ” เป็นเป็นการ์ตูนเล่มเดียวจบที่ไม่มี LC ในบ้านเราในตอนนี้นะครับ โดยเล่มที่ผมอ่านนี้เป็นเล่มที่ สนพ ไพเรทจัดทำขึ้นครับ เพราะฉะนั้นขอวิจารณ์ในส่วนเล่มและการพิมพ์เล่มนี้ให้เป็นไกด์ไลน์เพิ่มหน่อยนะครับ
รูปขนาดเท่ากับหนังสือการ์ตูนทั่วไปในบ้านเราครับ เล่มนี้เป็นปก 2 ชั้นครับ ถือว่าทำออกมาได้ดีมากพอสมควร ปกนอกสีสวย ปกในมีภาพขาวดำเหมือนกับ LC ทั่วไปเลย
มีภาพสีตามต้นฉบับญี่ปุ่นครับ
คุณภาพงานพิมพ์ลายเส้นหนักเบา ดำขาว ทำได้ดีในระดับที่น่าพอใจครับ อาจไม่ดีเลิศแต่ไม่แย่แน่นอน หมึกไม่ติดด้วยครับ
เนื้อกระดาษ ผมว่าเกรดดีกว่า LC บางเจ้าอีก เนื้อเนียนครับ
งานแปล ผมให้ว่าแปลดีแล้วกันครับ คือมีบางส่วนที่ผมรู้สึกว่าสำนวนอาจดูเปร่งๆ ไปบ้าง แต่ถ้าถามว่าอ่านรู้เรื่องไหม รู้เรื่องครับ อาจไม่ลื่นไหลระดับ 100 คะแนนแต่ว่า8-90 นี่ได้เลยครับ เนื้อหาบางส่วนอาจอ่านแล้วต้องตีความนิดหน่อย แต่โดยรวมโอเคครับ
จุดที่มีปัญหาคือเรื่องชนิดของ ตัวอักษรที่ใช้ในเล่มนี้ครับ คือมีขนาดเล็ก และทึบหนามากไปหน่อยซึ่งสังเกตุเห็นได้ชัดว่าแตกต่างจากหนังสือค่ายอื่นครับ ผมว่าอักษรชนิดที่เลือกใช้นี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ทำให้อ่านยาก และบางจุดทำให้เราอ่านติดๆขัดๆ ด้วยเพราะชนิดของอักษรในครั้งนี้ครับ
ตัวกระดาษมีหน้าทั้งหมด 258 หน้าครับ
ตัวรูปเล่มมีลักษณะที่เหมือนงอหน่อยๆ ตั้งแต่ได้มาครับ อาจเป็นเพราะหนังสือหนาและขนาดของหน้าปกชั้นนอกไม่เข้ารูปกับตัวหนังสืออย่างที่ควรเป็นผมเลยรู้สึกว่าตัวหน้าปกชั้น 2 ไปรั้งให้ตัวหนังสือมีงอกว่าปกติครับ ไม่รู้เป็นที่เล่มผมหรือเปล่า ผมรู้สึกว่าต้องเอาไปทับให้มันเรียบกว่านี้ครับ
เอาละครับ “ยูเรก้า เมืองกล คนอัจฉริยะ” สำหรับผมถือว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานของ อ.Hitoshi Iwaaki ผู้วาด ปรสิต ที่น่าอ่านเอามากๆครับ โดยรวมเป็นผลงานที่สนุกเอามากๆเรื่องนึงของ อ. ซึ่งเป็นแนวอิงประวัติศาสตร์ที่เข้ากับเรื่องที่ อ. กำลังเขียนอยู่ในตอนนี้อย่าง ยูเมเนส ได้เป็นอย่างดี อ่านเรื่องนี้แล้วอยากให้ อ. อยู่กับเนื้อหาประมาณนี้เยอะๆและต่อๆไปครับ ใครเป็นแฟนๆห้ามพลาดครับ
เรื่องนี้ไม่รู้วางแผงตามร้านทั่วไปหรือเปล่า แต่เล่มนี้ผมสั่งเอาครับ ตอนนี้น่าจะเปิดจำหน่ายทางเวปอีกรอบใครสนใจสั่งนะครับ กันเหนียวว่าอยากจะหาอ่านแล้วไม่มีวางขายทั่วไปครับ ใครเป็นแฟนห้ามพลาดเรื่องนี้เด็ดขาดครับ อ่านสนุก ได้ความรู้เชิงประวัติศาสตร์ด้วยนะครับ
ภาพ 8.5/10
เรื่อง 9/10
ความประทับใจ 9/10
โฆษณา