The Blair Witch Project
เมื่อเส้นแบ่งที่เลือนลางของหนังและความจริงจนคนแยกไม่ออก ซึ่งสร้างมิติความน่ากลัวแบบใหม่ ที่เปิดประตูโอกาสแก่หนังทุนต่ำ
จำได้ว่าตอนไปดูในโรงภาพยนตร์ คือ โคตรกลัว เพราะสงสัยว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือป่าว และคิดว่าเหตุการณ์ทุกอย่างในนั้นว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งกลายเป็นทิศทางใหม่ของหนังสยองขวัญ ที่เรียกว่า Found Footage ที่กลายเป็นกระแสแตกตื่นไปทั่วโลก
ซึ่งก่อนที่หนังจะเข้าฉาย มีเว็บไซต์ (ที่ตอนนี้เปิดไม่ได้แล้วนะ https://www.blairwitch.com/project/main.html ) ที่เกี่ยวข้องกับหนังเรื่องนี้ ที่มีไว้เพื่อรวบรวมข้อมูลเพื่อตามหานักศึกษา 3คน Heather, Mike และ Josh ได้เดินทางเข้าไปในป่าของเมือง Maryland ในปี 1994 เพื่อเข้าไปทำสารคดีเกี่ยวกับ ตำนานเมืองของแม่มด Blair และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากนั้นได้ไม่นานมีคนพบฟิล์มปริศนาใต้หินในป่าที่พวกเค้าหายตัวไป ที่พอนำไปเปิดดูก็กลายเป็น Found Footage ที่บันทึกการเดินทางนักศึกษาสามคนที่หายสาปสูญ
ตั้งแต่การเก็บข้อมูลและสอบถามคนในเมืองถึงตำนานแม่มด Blair ที่ผู้คนในเมืองได้ฟังเรื่องเล่าหลายๆอย่างต่อๆกันมา จนนำไปสู่การเดินทางเข้าไปในป่าเพื่อทำสารคดี ที่พวกเค้าค่อยๆเจอเหตุการณ์แปลกๆ และลึกลับเกิดขึ้นรอบๆตัวของพวกเค้ามากขึ้นเรื่อยๆ การเจอเครื่องหมายประหลาดที่มีคนทำเอาไว้ในป่ามากมาย ได้ยินเสียงคนเดินรอบเต็นท์ของพวกเค้าในเวลากลางคืน ที่นำไปสู่จุดจบที่น่ากลัวเกินคาดดาด
ที่ต่อมาได้นำมาฉายให้คนได้ดู ด้วยการเล่าเรื่องแบบใหม่ที่นำเสนอตาม Found Footage ผ่านสายตาของผู้ประสบพบเจอเหตุการณ์นั้นจริงๆ เหมือนเราอยู่ในป่านั้น ได้ยินเสียงแบบเดียวกัน ได้เห็นแบบเดียวกันจริงๆ ไม่มีการตัดต่อหรือปรับแต่งอะไรหรือจัดฉากให้เหมือนการถ่ายทำหนังทั่วไป โดยมีข้อมูลในภายหลังว่าตัวหนังมีบทจริงๆ แค่ 35 หน้า เป็นแค่โครงเรื่องราวคราวๆของเรื่องเท่านั้น ไม่มีบทสนทนา ให้นักแสดงด้นสดๆไปตามที่พวกเค้าต้องการได้เลย
ด้วยยุคสมัยนั้น internet เพิ่งเริ่มมีบทบาทสำคัญในสังคมมากขึ้น แค่ก็ยังไม่มีข้อมูลครบถ้วนหรือรอบด้านเท่ายุคสมัยนี้ ทำให้คนจำนวนมากทั่วโลกสงสัยว่าเหตุการณ์ในหนังนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ (ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เชื่อแบบนั้น) ด้วยบรรยากาศที่น่ากลัว ที่ขยี้คนดูอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับกล้องที่ส่ายไปมาตลอด อาจจะทำให้เวียนหัวหรือท้องไส้ปั่นป่วนอีกด้วย มีรายงานว่ามีหลายคนเดินออกจากโรงและขอเงินคืนค่าตั๋วอีกด้วย
แต่ตัวหนังกลับทำเงินไปถึง 250 ล้านเหรียญทั่วโลก โลกใช้ต้นทุนแค่เพียง 300,000 เหรียญเท่านั้นเอง ซึ่งจุดนี้ทำให้เห็นว่าแม้ทุนจะต่ำขนาดไหน แต่ถ้าเรามีวิธีเล่าเรื่องที่สร้างสรรค์และแตกต่างกว่าคนอื่น ที่สามารถดึงความสนใจของคนมาดูไว้ได้และทำให้เค้าเชื่อสิ่งที่คุณเล่าว่าเรื่องราวเหล่านั้นที่เกิดขึ้นได้จริงๆ อารมณ์กลัวที่เกิดขึ้นจริง ทำให้เส้นแบ่งระหว่างหนังกับความจริงเลือนลางและจางจนคนดูแทนจะแยกมันออกจากกันไม่ออก วันนั้นละหนังของคุณก็จะประสบความสำเร็จไปพร้อมกัน
ทิ้งท้ายกันด้วย เกร็ดที่น่าสนใจเพิ่มเติมของหนังมาเล่าให้ฟัง
ชื่อแรกของหนังคือ The Blair Witch Tapes แต่มันฟังดูไม่สยองเท่าไร เลยเปลี่ยนคำว่า Tapes เป็น Project แทน
แม่มด Blair ไม่มีอยู่จริง แม้หลายๆคนจะเชื่อไปตามในหนังก็ตาม และที่แย่ไปกว่านั้นคือชาวบ้านเมือง Burkittsville Maryland ที่หนังไปถ่ายทำก็ออกมาบ่นเพราะมีคนมาตามรอยหนังและรบกวนชาวเมือง
the Wiccan community หรือ กลุ่มศาสตร์แห่งเวทมนตร์ ไม่ถูกใจหนังเรื่องนี้เท่าไร เพราะบอกว่าทำให้แม่มดดูแย่
หนังใช้เวลาถ่ายทำ 8 วันเท่านั้น โดยหนังแสดงได้ค่าตัวคนละ 1,000 เหรียญต่อวัน ก่อนที่พวกเค้าจะได้เงินเพิ่มเติมหลังหนังเข้าฉาย
ทางเพจ หลับ ต้น เรื่อง กำลังทำบทความอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับหนังแนว Found footage อย่างให้เพื่อนช่วยติดตามด้วย ถ้าชอบช่วยกด like กด share กันด้วยนะครับ
#Foundfootage
#หลับต้นเรื่อง
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
