29 ก.ค. 2022 เวลา 14:02 • กีฬา
นิยายบทใหม่ของจิ้งจอกสยาม
By #มิสมาต้า
จนถึงตอนนี้ เลสเตอร์​ ซิ​ตี​ กลายเป็นเพียงสโมสรเดียวจาก 5 ลีกชั้นนำของยุโรป​ ที่ยังไม่ได้เสริมทัพด้วยการซื้อนักเตะใหม่เข้ามาแม้แต่รายเดียว
ซึ่งแน่นอนว่านี่ย่อมไม่ใช่ข่าวดีรับอรุณ​แห่งฤดูกาล​ใหม่อย่างแน่นอน แม้ว่าเราอาจจะมองได้ว่า จิ้งจอกสยามทีมนี้ มีจำนวนผู้เล่นที่เพียงพอสำหรับฤดูกาล​แข่งขันที่กำลังจะเปิดในอีก 8 วันนี้ ซึ่งคำว่าเพียงพอนั้นก็ตรงความหมายอยู่แล้วในแง่ของจำนวน
แต่ถ้าจะมองไปในเรื่องคุณภาพ​ของขุมกำลังเชิงลึกของทีม เป้าหมายอันดับที่ 6-8 ตามที่ประธานสโมสรเป็นคนบอกเองว่า เลสเตอร์​ จะจบในอันดับ​ที่​เก้าขึ้นไปย่อมเป็นเรื่องที่มีทางเป็นไปได้ และ อาจเป็นไปไม่ได้ในอัตราส่วน​ที่เท่าๆ กัน
แน่นอนว่า แมนเชสเตอร์​ ซิตี, ลิเวอร์พูล, เชลซี, สเปอร์ส, อาร์เซนอล​ และ แมนเชสเตอร์​ ยู​ไนเต็ด​ ยังคงเป็นหกยักษ์​ใหญ่​ที่จองพื้นที่​อันดับ​ที่​ 1-6 ได้แน่ๆ เพียงแต่ทีมใดจะได้ลำดับที่เท่าไรหลังจบแมตช์​ที่ 38 ของฤดูกาล​ คงต้องรอจนถึงวันนั้น
ส่วนในอันดับ​ที่ 7-10 สโมสรอย่าง เลสเตอร์​ ย่อมต้องไปถาม เวสต์แฮม​ ยู​ไนเต็ด​, นิวคาสเซิล​ ย​ูไนเต็ด และ แอสตัน​ วิลลา​ เสียก่อนว่าจะยินดีแบ่งปัน​พื้นที่ใดให้
อดีตแชมป์​พรีเมียร์​ ลีก​ ที่เคยสร้างเทพนิยายแห่งเลสเตอร์​เมื่อฤดูกาล​ 2015/16 คงไม่สามารถมองไปที่แชมป์​ หรือ ท็อปโฟร์​ได้อีกต่อไป
เมื่อพวกเขายังคงใช้นโยบาย สแกน, สร้าง และ ขายไป เป็นเข็มทิศ​นำทางในระยะเวลา 15 ปีแรก อันเป็นนโยบายที่เน้นการยืนระยะอยู่แถวๆ อันดับที่ 6-8 แล้วมุ่งเน้นไปที่แชมป์​ฟุตบอล​ถ้วยภายใน รวมทั้งเล็งโควต้ายุโรปทุกปีตามประสาสโมสรนอก Big 6
::
1
เพราะหลังจากคว้าแชมป์​แห่งเทพนิยาย​เป็นต้นมา เลสเตอร์​ ไม่สามารถรั้งตัวนักเตะตัวหลักของทีมไว้ได้เลย
ไล่ตั้งแต่ เอ็นโกโล ก็องเต, เจฟฟรีย์​ ชลุป, แดนนี ดริงก์​วอเตอร์, ริยาด​ มาห์เรซ, แฮร์รี แมค​ไก​วร์, เบน ชิลเวลล์ ฯลฯ
พวกเขาได้เงินจำนวนมหาศาลเข้ามาเต็มคลังก็จริง แต่ก็ต้องใช้เวลาในการตามหาผู้เล่นเข้ามาปั้น รวมทั้งเสียเงินไปกับผู้เล่นที่มีราคาสูงไปเช่นกัน จนทำให้ขนาดทีมขาดคุณสมบัติ​ของทีมใหญ่อย่างต่อเนื่องไปด้วย
แต่ก็อย่างที่ทราบกันว่าด้วยนโยบายแบบนี้ได้ทำให้ เลสเตอร์​ สามารถสร้างรายได้เพื่อนำไปพัฒนา​ทั้งสโมสรในระยะยาว ทั้งโครงสร้างนักเตะ และ โครงสร้างเกี่ยวกับ​การพัฒนาสโมสร, แบ่งปันช่วยเหลือ​ชุมชน และ ยังนำงบบางส่วนมาช่วยเหลือแผ่นดินเกิดของท่านประธาน​สโมสรตามแนวคิดของอดีตท่านประธานสโมสรผู้ล่วงลับ
แน่นอนว่าแฟนบอลบางส่วนโดยเฉพาะ​แฟนบอลรุ่นใหม่ ย่อมอยากเห็นทีมติดอันดับท็อป​โฟร์ ส่วนแฟนบอลที่เข้าใจดีสามารถยอมรับความเป็นจริงที่กำลังเป็นไปได้
ใน 3 ฤดูกาล​ล่าสุด เบรนแดน ร็อดเจอร์ส​ พาทีมจบในอันดับ​ 5 , 5 และ 8 โดยเฉพาะ 2 ปีแรกของอดีต​กุนซือ​ที่เคยทำ ลิเวอร์พูล​ เฉียดแชมป์​พรีเมียร์​ ลีก​ มาก่อน เลสเตอร์​ มีลุ้นอันดับ 3-4 มาจนถึงโค้งสุดท้ายก่อนที่จะเบียดสู้กับทีมใหญ่ไม่ได้ในที่สุด
อย่างในฤดูกาล​ล่าสุด ด้วยอาการเสริมทัพด้วยผู้เล่นมีคุณภาพ​ไม่เพียงพอกับที่เสียไป รวมถึงผู้เล่นประสบกับ​ปัญหา​อาการ​บาดเจ็บ​ จิ้งจอก​สยามจึงออกอาการเป๋จนทำให้ ร็อดเจอร์ส​ ไม่สามารถทำผลงานแบบสองปีแรกได้
ในฤดูกาล​นี้ปัญหา​ที่น่าขบคิดของพวกเขาก็คือ ร็อดเจอร์ส​ จะทำอย่างไรในการต้องเสียตัว แคสเปอร์ ชไมเคิล​ มือหนึ่งชั้นดี, เจมี วาร์ด​ี จะยังคมกริบจนยิงได้ 15 ลูกเช่นเดิมอยู่ไหมในวัย 35 ย่่าง 36 ปี
เจมส์​ แมดดิสัน กับ ฮาร์​วีย์ บาร์นส์ สองมิดฟิลด์​ตัวหลักจะยังคงรักษาฟอร์ม​การเล่นชั้นเลิศเอาไว้ได้ตลอดหรือไม่ และ จะยังอยู่ต่ออีกนานเท่าใด
และ ในขณะเดียวกัน​กับที่ยังไม่ได้ผู้เล่นใหม่เข้ามา นอกจาก ชไมเคิล​ ที่ใกล้ย้ายเต็มที ยูริ​ ติ​เล​อม​องส์​ จะยังอยู่จนถึงวันปิดตลาด​ซื้อขายหรือเปล่า นี่จึงเป็นเรื่องที่ยังน่าเป็นห่วงทั้งสิ้น
แต่ที่สำคัญ​ที่สุดก็คือ ผู้เล่นทุกคนที่ยังอยู่จะสามารถยกระดับ​ตัวเองขึ้นมาจนช่วยให้ เลสเตอร์​ มีคุณภาพ​เพียงใดท่ามกลางคู่แข่งขนาดเดียวกัน​ที่เสริมทัพกันอย่างสนุกมือ
นี่คือโจทย์​ใหญ่ที่ ท่านประธาน​ และ ผู้จัดการทีมคู่ใจที่ช่วยกันปั้นแชมป์​เอฟเอ คัพ กับ เอฟเอ คอมมูนิตี ชิลด์​ รวมทั้งเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ​ถ้วยยูฟา ยูโร​ปา​ คอน​เฟอร์เรนซ์​ ลีก​ กำลังรอบทพิสูจน์​อยู่เช่นกัน
#PlayNowThailand #khelnow #football
โฆษณา