30 ก.ค. 2022 เวลา 01:43 • บันเทิง
หากคุณมีความสามารถ จะเป็นนักกีฬาระดับคว้าเหรียญโอลิมปิกได้ แต่ส่วนลึกในใจ มีความฝันอยากเป็นศิลปิน คุณจะตัดสินใจอย่างไร? จะเลือกเก็บอะไรไว้ และทิ้งสิ่งใดไป นี่คือเรื่องราวจริงของแจ๊คสัน หวัง กับเส้นทางที่เขาต้องเลือก
2
แจ๊คสัน หวัง เกิดที่ฮ่องกงในปี 1994 ภายใต้บรรยากาศของครอบครัวนักกีฬา คุณพ่อของเขาชื่อ หวัง รุยจิ เป็นนักฟันดาบทีมชาติจีนที่มีชื่อเสียงมาก นี่คือเจ้าของเหรียญทองฟันดาบเซเบอร์ ในเอเชียนเกมส์ ที่กรุงเทพฯ ปี 1978
5
ความยิ่งใหญ่ของหวัง รุยจิ คือคนจีนคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้เหรียญทองเอเชียนเกมส์จากกีฬาฟันดาบ และไม่ใช่แค่ระดับเอเชีย แต่หวัง รุยจิ ได้ร่วมแข่งขันในโอลิมปิกปี 1984 ที่ลอสแองเจลิสด้วย
หลังจากรีไทร์จากการเป็นนักกีฬาทีมชาติ หวัง รุยจิ เป็นเฮดโค้ชให้ทีมฟันดาบจีนอยู่ 4 ปี (1984-1988) และย้ายไปเป็นโค้ชให้ทีมฟันดาบฮ่องกง ตั้งแต่ปี 1993 เป็นต้นไป
คุณพ่อมีดีกรีเจ้าของเหรียญทองเอเชียนเกมส์และเป็นนักกีฬาโอลิมปิก ส่วนคุณแม่ชื่อโซเฟีย โชว ก็ไม่ธรรมดา เธอเป็นนักยิมนาสติกเจ้าของเหรียญทองกีฬาแห่งชาติจีนในปี 1979
3
เราจะเห็นได้เลยว่า แจ๊คสัน หวัง เกิดมาในแบ็กกราวน์ของครอบครัวนักกีฬาแบบเข้มข้นมาก และมันไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ที่พ่อแม่จะปลูกฝังให้เขาเป็นนักกีฬาด้วย
ลักษณะเดียวกับ เดล เคอร์รี่ นักบาสเกตบอล NBA พอมีลูกชาย 2 คน สเตฟเฟ่น กับ เซ็ธ ก็ปลุกปั้นทั้งคู่เป็นนักบาส NBA ตามรอยตัวเอง หรือ อย่างเวย์น รูนี่ย์ กองหน้าทีมชาติอังกฤษ ปัจจุบันก็ปั้นลูกชายชื่อ ไค ให้กลายเป็นนักเตะเยาวชนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
2
ดังนั้นเมื่อหวัง รุยจิ มีลูกชาย เขาก็พร้อมจะปลุกปั้นลูก ให้เป็นนักกีฬาตามรอยตัวเอง โดยพร้อมถ่ายทอดวิชาทั้งหมดที่ตัวเองมี เพื่อให้ลูกก้าวไปถึงการคว้าเหรียญโอลิมปิกให้ได้
4
สิ่งที่คุณพ่อถ่ายทอดให้แจ๊คสัน ไม่ใช่อะไรที่หวือหวา แต่เน้นหนักไปที่เรื่องเบสิคพื้นฐาน การฝึกแบบเดิมซ้ำๆ อันน่าเบื่อตามรูทีน ซึ่งแจ๊คสันก็ยอมทำตาม แต่สิ่งนี้แหละ ที่เป็นรากฐานที่ดีมากเมื่อเขาโตขึ้น และเริ่มลงแข่งขันจริงๆ
3
แจ๊คสันกล่าวว่า "คุณพ่อยืนกรานให้ผมเรียนเรื่องเบสิค คือสร้างฐานให้แน่นก่อน ตอนนี้ผมถึงเข้าใจแล้วว่า พ่อเป็นโค้ชที่มีวิสัยทัศน์ยอดเยี่ยมมาก เพราะการมีพื้นฐานแน่น ทำให้ผมสามารถรับมือกับแรงกดดันมหาศาลเวลาลงแข่งขันได้"
2
แจ๊คสันลงแข่งขันฟันดาบประเภทเซเบอร์ บุคคลชาย และเป็นนักกีฬาที่มีพรสวรรค์สูงมาก ในปี 2010 ตอนเขาอายุ 16 ปี เขามี Ranking อันดับ 1 ของนักฟันดาบในฮ่องกง และทั้งทวีปเอเชีย
3
"ถ้าเป็นการแข่งเซเบอร์ ผมคือนักดาบอันดับหนึ่งของเอเชีย" แจ๊คสันอธิบาย
3
คำพูดของเขาไม่ใช่การโอ้อวดเกินจริง ในเดือนสิงหาคม 2010 ในการแข่งซัมเมอร์ ยูธ โอลิมปิกที่สิงคโปร์ ทวีปเอเชียได้โควต้าประเภทเซเบอร์แค่ 2 ที่นั่งเท่านั้น และแจ๊คสันคือหนึ่งในนั้น (ส่วนอีกคน คือ ซอง ยอง-ฮุน ของเกาหลีใต้) แม้จะไม่ได้เหรียญ เพราะไปตกรอบ 16 คนสุดท้าย แต่การได้โควต้าก็ไม่ธรรมดาแล้ว
1
ณ โมเมนต์นั้น ถ้าเขาไม่หยุดฟันดาบ พัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ การไปถึงเหรียญเอเชียนเกมส์ไม่มีปัญหาแน่นอน ขณะที่เรื่องการเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน ก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อมขนาดนั้น มันเป็นไปได้อยู่แล้ว
1
การได้เห็นลูกชายเอาดีทางฟันดาบตามรอยตัวเอง ทำให้คุณพ่อภูมิใจมาก เขากล่าวว่า "ผมมีลูกชายสองคน แต่ก็ไม่ได้บังคับให้พวกเขาเล่นฟันดาบหรอกนะ แต่ประเด็นคือพี่ชายของแจ๊คสัน เขาไม่มีทักษะเรื่องนี้ ดังนั้นผมก็เลยไม่ได้ให้เขาเล่น แต่แจ๊คสันมีพรสวรรค์ และชอบเล่นฟันดาบด้วย ผมก็เลยให้เขาลุยดู"
4
แจ๊คสันเองก็มีความสุข ที่ทำให้พ่อได้ภูมิใจ ตอนที่คว้าโควต้ายูธโอลิมปิกได้ แจ๊คสันเล่าว่า "คุณพ่อบอกว่าผมเล่นได้ยอดเยี่ยม และเขารู้สึกภูมิใจในตัวผมมาก เขากอดผม และผมคิดว่ามันเป็นโมเมนต์ที่ซึ้งใจมากๆ เลย"
1
การเป็นนักฟันดาบพรสวรรค์ดีกรียูธ โอลิมปิก ทำให้แจ๊คสันได้รับทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮ่องกง และ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดที่สหรัฐอเมริกา ให้มาเป็นนักฟันดาบของมหาวิทยาลัย คือดูไปแล้ว เส้นทางสายกีฬาโรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างมาก
1
สแตนฟอร์ด เป็นสถาบันชั้นนำที่สหรัฐฯ ในสายกีฬาฟันดาบ นักกีฬาดังๆ อย่างอเล็กซานเดอร์ มาสเซียลาส เจ้าของ 3 เหรียญโอลิมปิก ก็ได้ทุนการศึกษาจากสแตนฟอร์ด แบบเดียวกับที่ยื่นให้แจ๊คสัน หวังนี่ล่ะ
1
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของแจ๊คสันเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2010 เมื่อค่ายเพลงจากเกาหลีใต้ ชื่อ JYP Entertainment ต้นสังกัดของวงดังๆ เช่น 2PM และ Wonder Girls จัดงานโกลบอลออดิชั่น ที่ 3 ประเทศ ออสเตรเลีย, สิงคโปร์ และ ฮ่องกง จุดประสงค์เพื่อหาศิลปินหน้าใหม่นอกเกาหลี
2
แจ๊คสันถูกแมวมองของ JYP เห็นแววระหว่างเล่นบาสเกตบอลอยู่ที่โรงเรียน และเชิญให้เข้าประกวดออดิชั่น ในวันที่ 18 ธันวาคม 2010 ที่ศูนย์แสดงสินค้า HITEC
1
จริงๆ แจ๊คสัน เคยถูกแมวมองไอดอลทาบทามมาแล้วหนึ่งครั้งในปี 2008 แต่เขาปฏิเสธในคราวนั้น โดยแจ๊คสันเล่าว่า "ตอนนั้นผมยังเด็กเกินไป และคุณพ่อก็พูดประมาณว่า แบบก็สไตล์พ่อแม่คนจีนอะนะ เขาบอกว่า 'โอ๊ย มันเป็นพวกต้มตุ๋มหรือเปล่าก็ไม่รู้ อย่าไปเด็ดขาด เขาจะลักพาตัวแก ตัดอวัยวะภายในแล้วเอาไปขาย แถมสับเนื้อแกอย่าละเอียด เพราะฉะนั้น ไม่ดี ไม่ดี อย่าไป"
1
แจ๊คสันก็เลยไม่ได้เข้าวงการบันเทิง และลงแข่งฟันดาบต่อไป แต่เมื่อได้รับการทาบทามอีกครั้ง คราวนี้เขาตัดสินใจว่าจะ "ไป"
ทำไมถึงไป? แจ๊คสันเคยให้สัมภาษณ์กับ ดีเจเฟร์นันโด เวนตูร่าว่า "ความฝันของผมที่มีมาตลอดคือได้ร้องเพลง และได้เต้น" โอเค ฟันดาบเขาก็รักนั่นแหละ แต่แพสชั่นในใจจริงๆ คือการเป็นศิลปินต่างหาก ดังนั้นเมื่อมีโอกาสเขาก็ต้องลองดู
2
จากการประกวดที่ฮ่องกง ซึ่งมีคนเข้าร่วมออดิชั่นมากกว่า 2,000 คน ปรากฏว่า แจ๊คสันได้อันดับ 1 นั่นทำให้เขาได้รับข้อเสนอให้เข้าไปเป็นเด็กฝึกหัดของ JYP ทันที โอกาสในการเป็นไอดอลอยู่ตรงหน้าแล้ว
2
แต่คำถามที่น่าสนใจที่สุดก็มาถึง นั่นคือ เขาจะเลือกอะไร?
ทางแรก คือรับทุนการศึกษาจากสแตนฟอร์ด เพื่อพัฒนาสกิลฟันดาบให้กลายเป็นระดับโลก และได้เข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิก สานต่อความฝันของคุณพ่อ มันเป็นสิ่งที่เขาทำได้ดีมาตลอด และสามารถเก่งขึ้นกว่านี้ได้อีกอยู่แล้ว
1
กับทางเลือกที่สอง นั่นคือก้าวไปสู่ความท้าทายใหม่ที่เกาหลีใต้ กับเรื่องดนตรีที่เขาชอบ แม้จะต้องนับหนึ่งใหม่ แต่มันก็เป็นโอกาสทองแล้ว
และคำตอบจากแจ๊คสัน ก็คือ เขาอยากเลือกในสิ่งที่อยากทำจริงๆ มากกว่า นั่นคือการเป็นศิลปิน
1
แจ๊คสันเปิดเผยเรื่องนี้ในภายหลังทางรายการทีวี Youth Inn ว่า "ในสายตาของพ่อแม่แล้ว (หากรับทุนจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด) ลูกชายจะได้ประโยชน์จากทั้งการเรียนและการฟันดาบ แต่ผมตัดสินใจบอกพ่อแม่ไปตรงๆ ว่า จะบินไปเกาหลีเพื่อเป็นนักร้อง พอพวกท่านได้ยินก็พูดประมาณว่า นี่มันมุกตลกอะไรหรอ แกบ้าหรือเปล่า"
"เขาบอกว่า พักนี้แกเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า สภาพร่างกายมีปัญหาอะไรไหม พวกเขาคิดว่าผมล้อเล่น"
"แต่ตอนนั้นผมก็คิดว่า ผมจะต้องฟันดาบไปตลอดชีวิตจริงๆ หรือ ทำไมผมถึงไม่สามารถไปลองอะไรใหม่ๆ ที่อยากทำได้ล่ะ"
1
"ตอนผมอายุ 80 ไม่อยากบอกหลานๆ ว่าตัวเองยังไม่ได้ทำทุกสิ่งอย่างเต็มที่ ผมเลยตัดสินใจแบบนั้น เพราะไม่อยากเสียใจทีหลังกับอะไรเลย"
7
นั่นทำให้เขาตัดสินใจว่า จะยุติการฟันดาบ แล้วไปเริ่มต้นด้วยการเป็นเด็กฝึกที่ JYP อย่างไรก็ตาม เป็นคุณแม่ที่ขออย่างสุดท้ายว่า ถ้าแจ๊คสันอยากเป็นศิลปิน K-Pop ก็ได้ แต่ช่วยคว้าแชมป์เยาวชนเอเชียให้ดูหน่อยได้ไหม
1
ทำไมคุณแม่ถึงขอแบบนั้น มีการวิเคราะห์กันว่า พ่อแม่ก็อยากมั่นใจ ว่าที่ลูกตัดสินใจละทิ้งฟันดาบ ไม่ใช่เพราะท้อแท้ว่าตัวเองเล่นไม่เก่ง เลยอยากเลิกไปทำอย่างอื่น แต่ถ้าเกิดแจ๊คสันเป็นแชมป์เยาวชนเอเชียได้จริงๆ ก็จะยืนยันได้ว่า เขามั่นใจในฝีมือฟันดาบ แต่ที่ไปเป็นไอดอลเพราะตัดสินใจแน่วแน่แล้วจริงๆ
3
เว็บ Koreaboo อธิบายเรื่องนี้ว่า "วัยรุ่นหลายคน อาจจะไม่สนใจในสิ่งที่พ่อแม่ขอ แต่ไม่ใช่กับแจ๊คสัน หลังจากชนะออดิชั่น เขายังคงฟันดาบต่อไป เพื่อทำให้เห็นว่ามีความรักในกีฬามากแค่ไหน"
5
เดือนมีนาคม 2011 การแข่งขัน Asian Junior and Cadet Fencing Championships หรือศึกเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย จัดขึ้นที่ห้างแฟชั่นไอส์แลนด์ ที่ประเทศไทย
2
แจ๊คสันเดินทางมาแข่งฟันดาบเป็นอีเวนต์สุดท้าย เพื่อทำในสิ่งที่สัญญาไว้กับพ่อแม่ นั่นคือ "การเป็นอันดับหนึ่งในเอเชีย" และสามารถฝ่าฟันถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ ไปเจอกับ ฟาซิล ชิงกี้ จากคาซัคสถาน
2
ผลการแข่งขันคือ แจ๊คสัน ชนะด้วยคะแนนตัดสิน 15-14 คว้าเหรียญทองได้สำเร็จ ครองบัลลังก์นักฟันดาบเยาวชนอันดับหนึ่งของเอเชียอย่างเป็นทางการ เขาทำตามที่แม่ขอได้จริงๆ
7
และจุดนั้นเอง ก็ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ที่แจ๊คสันจะเปลี่ยนเส้นทาง ไปสู่สิ่งที่เขามีแพสชั่นจริงๆ นั่นคือการเป็นไอดอล
ถามว่าช่วงเวลาที่เล่นฟันดาบมาตลอดหลายปี มันเสียเปล่าไหม คำตอบคือ ก็ไม่ เพราะมีสิ่งที่เขาเรียนรู้มากมายในช่วงที่เป็นนักกีฬา โดยเฉพาะเรื่องความจริงจังในการทำงาน คุณจะทำเป็นเล่นไม่ได้เด็ดขาด
แจ๊คสันเล่าว่า "คุณพ่อของผมสอนว่า ถ้าเราชนะคู่แข่ง 15-0 ได้ ก็จงชนะด้วยสกอร์นั้นไปเลย อย่าทำเล่นๆ แล้วปล่อยให้สกอร์เป็น 15-1 คุณพ่อให้ความสำคัญกับเรื่องทัศนคติอย่างมาก ว่าคุณต้องจริงจังกับทุกแต้มในการแข่งขัน คือจะแพ้หรือชนะไม่สำคัญ แต่จะทำเป็นเล่นไม่ได้"
6
การจริงจังกับทุกสิ่งที่ทำ ไปให้สุดในทุกๆ ทาง เป็นสิ่งที่เขาโดนปลูกฝังมาตลอด และมันสะท้อนตัวตนของแจ๊คสัน ทั้งในช่วงที่เป็นนักกีฬา และช่วงที่เป็นศิลปินด้วย
1
เรื่องราวต่อจากนั้น แจ๊คสัน เดินทางไปเกาหลีใต้ในเดือนกรกฎาคม 2011 ในฐานะเด็กฝึกหัด และเส้นทางสายไอดอลของเขาก็เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ ก่อนจะก้าวไปสู่ศิลปินระดับนานาชาติได้สมความตั้งใจ
แต่จนถึงวันนี้ ยังมีการพูดถึงกันบ่อยๆ ว่าตัวแจ๊คสันจะรู้สึกเสียดายบ้างไหม เพราะถ้าไม่เลิกฟันดาบ แล้วไปอัพเลเวลที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดล่ะก็ เขาอาจไปถึงเหรียญโอลิมปิกได้อย่างไม่ยากเลย เพราะเขามีพรสวรรค์ของแท้ เคยถึงขนาดเป็นแชมป์เยาวชนเอเชียมาแล้ว
ในปี 2017 รายการเกมโชว์ของจีน ชื่อ Beat the Champions มีการทำกิจกรรม เอานักฟันดาบเหรียญทองโอลิมปิกของจีน มาแข่งขันกับไอดอล และได้เชิญแจ๊คสันมาร่วมรายการด้วย
1
ในรายการ พิธีกรถามแจ๊คสันว่า "การได้มาฟันดาบกับนักกีฬาโอลิมปิกทั้งสองคน พอจะชดเชยความเสียใจที่คุณไม่ได้ไปโอลิมปิกด้วยตัวเองได้ไหม"
2
แจ๊คสันตอบว่า "คิดไม่ถึงเลย ว่าวันนี้จะได้มาฟันดาบกับพี่ชาย ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากจริงๆ แต่สำหรับผม ไม่เคยเสียใจที่เลือกเส้นทางนี้"
1
สิ่งที่สะท้อนให้เห็นจากการตัดสินใจของแจ๊คสันก็คือ คุณจะเลือกทางไหนก็ได้ แต่เมื่อตัดสินใจแล้วก็ต้องไปให้มันสุดทางไปเลย อย่าทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ เด็ดขาด และอย่าเสียใจในทางเลือกของตัวเอง
10
ส่วนในเคสนี้ เราก็พอจะเห็นว่า เมื่อประตูบานหนึ่งปิดไป แต่ก็เป็นการไปเปิดประตูอีกบานหนึ่งขึ้นมา จริงอยู่ว่า โลกนี้อาจเสียนักฟันดาบระดับโอลิมปิกไปหนึ่งคน แต่เมื่อมันแลกมากับศิลปินที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนนับล้าน ก็คงพอจะบอกได้ว่า เป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่าแล้วจริงๆ
3
โฆษณา