31 ก.ค. 2022 เวลา 04:42 • ข่าวรอบโลก
ค่อนข้างแปลก !! ประธานาธิบดีไบเดนตรวจพบโควิดเป็นครั้งที่ 2 ห่างจากตรวจพบครั้งแรกเพียง 10 วัน
3
มีข่าวล่าสุดจาก Dr. O’Conner แพทย์ประจำตัวประธานาธิบดี Biden ได้แจ้งอย่างเป็นทางการว่า
ประธานาธิบดี Biden กลับมามีผลตรวจโควิดเป็นบวกอีกครั้งหนึ่งในวันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม 2565
หลังจากที่ท่านประธานาธิบดี เคยมีผลตรวจโควิดเป็นบวกครั้งแรก เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2565
ในครั้งนั้น ท่านประธานาธิบดีมีอาการเล็กน้อย แต่เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยง อายุมากถึง 79 ปี จึงได้รับยาต้านไวรัสที่ถือว่ามีประสิทธิภาพสูงคือแพคโลวิด (Paxlovid) ของบริษัทไฟเซอร์ ติดต่อกัน 5 วัน
โดยท่านประธานาธิบดีได้กักตัวเองเป็นเวลา 5 วัน หลังจากได้รับยาครบแล้ว มีอาการดีขึ้น และเมื่อทำการตรวจก็มีผลเป็นลบ จึงเลิกกักตัวและทำงานตามปกติ
1
โดยแพทย์ประจำตัวยังคงทำการตรวจโควิดท่านประธานาธิบดี แล้วก็พบผลเป็นลบติดต่อกัน 4 วัน ตั้งแต่ 26-29 กรกฎาคม 2565
แต่แล้วในวันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม 2565 ผลการตรวจหาไวรัส (Antigen Test) ของประธานาธิบดีก็ออกมาเป็นบวกอีกครั้งหนึ่ง โดยไม่มีอาการเจ็บป่วยแต่อย่างใด
ทำให้แพทย์ต้องสั่งให้ท่านประธานาธิบดีกักตัวอีกเป็นรอบที่ 2 หลังจากที่ได้กักตัวรอบที่ 1 มาแล้ว 5 วัน เมื่อมีผลตรวจเป็นลบจึงออกมาทำงานไปแล้ว
กรณีดังกล่าวนี้ สอดคล้องกับการรายงานเมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 ที่พบผู้ป่วยเป็นโควิดและได้รับยา Paxlovid ติดต่อกัน 5 วัน จนผลตรวจเป็นลบ
แล้วต่อมาเกิดมีไวรัสเพิ่มจำนวน จนผลตรวจเป็นบวกใหม่อีกครั้งหนึ่ง ที่เรียกว่า “Rebound infection “
1
เชื่อว่าเกิดจากยาต้านไวรัส ทำงานกำจัดไวรัสได้ไม่ครบ 100% ประกอบกับภูมิคุ้มกันของร่างกายยังขึ้นไม่เต็มที่ ที่จะจัดการไวรัสได้ทั้งหมด จึงทำให้มีการเพิ่มจำนวนขึ้นใหม่
2
เป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในกรณีนี้ แม้จะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก เพราะยา Paxlovid ต้องถือว่าเป็นยาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพสูงมาก (88%) สูงมากกว่ายาต้านไวรัส Molnupiravir เสียด้วยซ้ำ
2
จึงเป็นกรณีเตือนใจใครหลายคน เรื่องการกักตัว 5 วัน โดยได้รับยาต้านไวรัส แล้วออกมาทำงาน คงจะต้องระมัดระวังป้องกัน ไม่ให้ตนเองแพร่เชื้อให้ผู้อื่นต่อไปจนครบ 14 วัน ก็จะเป็นความปลอดภัยสูงสุด
4
Reference
โฆษณา