3 ส.ค. 2022 เวลา 04:44 • ข่าวรอบโลก
สหรัฐฯเตรียมระดมฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ด้วยวัคซีนรุ่นใหม่หรือเจน 2 ในเดือนกันยายน 2565 นี้ โดยสั่งจองไว้แล้วทั้งของ Pfizer และ Moderna
3
จากที่ไวรัสก่อโรคโควิด มีการกลายพันธุ์มาโดยลำดับ และนับวันไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่กลายพันธุ์นั้น ก็จะมีลักษณะแตกต่างไปจากสายพันธุ์ดั้งเดิมหรืออู่ฮั่นมากขึ้นเป็นลำดับ
1
การกลายพันธุ์ที่แตกต่างไปจากเดิมเป็นอย่างมากนี่เอง ทำให้วัคซีนที่เราฉีดอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งได้วิจัยพัฒนามาเพื่อสู้กับไวรัสอู่ฮั่น หรืออาจเรียกว่าวัคซีนเจนเนอเรชั่นที่ 1 (เจน 1) นั้น มีประสิทธิผลลดลง ทั้งการป้องกันการติดเชื้อและการป้องกันอาการรุนแรง
1
ในปัจจุบันนี้ ไวรัสสายพันธุ์ BA.4/BA.5 เป็นสายพันธุ์หลักของโลก และได้มีการพัฒนาจนดื้อต่อวัคซีนเจน 1 หรือวัคซีนดั้งเดิมเป็นอย่างมาก
โดยการฉีด 2 เข็ม ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ต้องฉีดอย่างน้อย 3 เข็มขึ้นไป และแม้ฉีด 3 เข็มแล้ว ก็ยังป้องกันได้ไม่ดีนัก
1
วงการวิจัยพัฒนาวัคซีน จึงได้เร่งพัฒนาวัคซีนเจนเนอเรชั่นที่ 2 (เจน 2) เพื่อให้สามารถรับมือกับไวรัส BA.4/BA.5 ซึ่งขณะนี้มีอย่างน้อย 2 บริษัทคือ Pfizer และ Moderna ที่ผลิตวัคซีนด้วยเทคโนโลยี mRNA สามารถพัฒนาวัคซีนรุ่นที่ 2 หรือเจน 2 ได้แล้ว มีทั้งชนิดเป็นสายพันธุ์เดียวและ 2 สายพันธุ์ (Bivalent)
ทางการสหรัฐอเมริกา เมื่อได้รับการยืนยันความพร้อมจากทั้งสองบริษัทว่า จะสามารถส่งวัคซีนให้ได้ดังนี้
1) บริษัท Pfizer จะส่งให้ครั้งแรก 105 ล้านโดส แล้วจะส่งตามมาอีก 195 ล้านโดส รวม 300 ล้านโดส ที่ราคาเฉลี่ยประมาณโดสละ 1000 บาท
2
2) บริษัท Moderna จะส่งให้ครั้งแรก 66 ล้านโดส แล้วจะส่งตามมาอีก 234 ล้านโดส รวมเป็น 300 ล้านโดส
จึงทำให้ทางการสหรัฐฯ ตัดสินใจจะฉีดเข็ม 4 ด้วยวัคซีนเจน 1 ในปัจจุบัน ให้เฉพาะในกลุ่มเสี่ยงคือ อายุมากกว่า 50 ปี หรือมีภูมิคุ้มกันบกพร่องเท่านั้น
ส่วนคนที่อายุน้อยกว่า 50 ปี และแข็งแรงดี ให้ชะลอการฉีดเข็ม 4 ไว้ก่อน เพื่อรอการฉีดวัคซีนด้วยวัคซีนเจน 2
แต่ก็มีนักวิชาการบางส่วนเห็นต่างว่า ด้วยอัตราการติดเชื้อและเจ็บป่วยในปัจจุบันที่เพิ่มขึ้น ควรจะเร่งฉีดเข็ม 4 ให้กับทุกคนไปก่อน โดยไม่ต้องรอวัคซีนเจน 2
1
จึงพอจะคาดการณ์ได้ว่า วัคซีนเจน 2 จะฉีดให้กับทุกคนในสหรัฐฯได้ในเดือนกันยายน 2565 ซึ่งทันที่จะรับมือการระบาดในฤดูหนาว ซึ่งเป็นฤดูที่ไวรัสทางเดินหายใจจะแพร่ระบาดมาก
1
สถานการณ์ขณะนี้ สหรัฐฯ ฉีดวัคซีน
1 เข็ม 83.5%
2 เข็ม 71.5%
3 เข็ม 48%
4 เข็ม 31% (ที่อายุมากกว่า 50 ปี)
จากสถานการณ์วัคซีนดังกล่าว ยังผลให้มีผู้ติดเชื้อวันละ 1.33 แสนราย นอนโรงพยาบาล 44,000 ราย เข้าไอซียู 5000 ราย และเสียชีวิตวันละ 440 ราย
5
ก็คงจะต้องติดตามกันต่อไปว่า กระบวนการรับรองให้ใช้วัคซีนเจนเนอเรชั่นที่ 2 ในสหรัฐฯนั้น จะสามารถฉีดได้ตามกำหนดเวลาหรือไม่
ซึ่งก็จะส่งผล ทำให้ประเทศต่างๆรวมทั้งประเทศไทย มีโอกาสได้ใช้วัคซีนรุ่นที่ 2 ที่จะรับมือ BA.4/BA.5 ได้ดีขึ้น ในปลายปี 2565 หรืออย่างช้าต้นปี 2566
2
Reference
1
โฆษณา