กระสุนเศรษฐกิจยิงจากจีนไปไต้หวัน สรุปที่มา ที่ไป และแถมความแสบขอเจ๊เพโลซี
สดๆร้อนเมือคืนนี้หลังจากที่การเดินทางเยือนไต้หวันของ แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทริปเยือนเอเชียของเจ้าหน้าที่ระดับสูงอเมริกา หลังเคยจะจะมาตั้งแต่ต้นปี แต่ติดโควิด19 เลยมาไม่ได้ในเดือน เมย 65
เจ๊เพโลซีมาเยือน ไม่รู้มีใครไปเขียนในห้องน้ำไหม
จริงๆทางจีนเรียกร้องโดยตรงต่ออเมริกา ถึงกับโทรหาคุยกันระหว่างสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน กับโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เมื่อ 28 กค 2565 ผู้นำจีนได้เน้นว่า “ขอให้อเมริกาเคารพในอธิปไตยและหลักจีนเดียวของจีน โดยหยุดเข้าไปแทรกแซงและช่วยเหลือไต้หวันในการเรียกร้องเอกราช” แต่สุดท้ายก็หยุดไม่ได้ในรอบ 25 ปี
ปกติที่มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
เจ๊เพโลซีกับจีน
เธอเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรคนแรกที่เป็นสตรี และเป็นชาวแคลิฟอร์เนียคนแรกและชาวอิตาเลียน–อเมริกันคนแรกที่ได้รับตำแหน่ง ถือเป็นสตรีที่มีตำแหน่งสูงสุดในประวัติศาสตร์การปกครองของสหรัฐอเมริกา และเป็นสตรีคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐที่กลับมาเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้งได้
ความแสบขอเธอถ้าเราไปดูประวัติศาสตรย้อนหลังจะรู้สึกได้ว่านางเพโลซีมีการปฎิบัติต่อจีนและต้องการแสดงออกลักษณะนี้มาแล้ว เพื่อแสดงถึงจุดยื่นความเคลื่อนไหวด้านประชาธิปไตย ในปี 1991 หรือ 31 ปีก่อน หลังเกิดเหตุการณ์นองเลือดที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ซึ่งทางการจีนปราบปรามนักศึกษาประชาชน เจ๊เพโลซีฉลองตำแหน่งส.ส.ใหม่ให้เป็นตำนานโดยเข้าคณะ จัดทริปไปกับสมาชิกสภาผู้แทนสหรัฐ
ที่เด็ดคือเจ๊ลงไปถือป้ายสนับสนุนประชาธิปไตยที่เทียนอันเหมินจุดเดียวกับที่เกิดเหตุนองเลือด 2 ปีก่อนหน้านั้น ตอนนั้นรัฐบาลจีนพยายามต่อต้านแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะ 31 ปีที่แล้วไม่ได้แข็งแรงแบบวันนี้ ดังนั้นวันนี้ไม่ใช่วันนั้นมัน!
สุดๆไปเลย ตอนนั้นจีนไม่มีปากเสียงมากนักกระอักโลหิตไป
เจ๊ก็รู้ว่าเสี่ยงแต่ของมันต้องมีเลยพยายามไม่บอกรายละเอียดการเดินทางมากนักเพื่อความปลอดภัยของเธอและทีมงาน
ในแง่การทูตกระทรวงการต่างประเทศจีนเรียกการเยือนครั้งนี้ของเพโลซีว่าเป็น “การละเมิดหลักการจีนเดียวอย่างร้ายแรง” และยังเป็นการล่วงละเมิดอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของจีนอย่างรุนแรง ซึ่งจะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงความสัมพันธ์ของจีน และสหรัฐฯ คู่กรณีหลักอย่างทั้ง เกาหลีเหนือ และ รัสเซียก็รีบออกมาส่งเสียงสนับสนุนจีนทันทีโดยโฆษกของรัสเซียออกมาประกาศให้โลกรู้ว่าทุกอย่างเกี่ยวกับการเยือนเอเชียและไต้หวันครั้งนี้เป็นการจงใจยั่วยุ และจะยิ่งทำให้สหรัฐฯ เข้าสู่การเผชิญหน้ากับจีนมากยิ่งขึ้น
การตอบโต้เริ่มเมือวานทันที่ 2 เรื่องคือ
1. การประกาศว่ากองทัพปลดปล่อยประชาชนของจีน จะซ้อมรบด้วยกระสุนจริงเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่ 3 สค และยังประกาศห้ามเรือและเครื่องบินพลเรือนเข้าพื้นที่ซ้อมรบด้วย ถ้าบินผ่านคงจะเสียวๆแน่เจ๊
การซ้อมรบที่ชาวจีนให้ความสนใจ ผู้เขียนได้จาก wechat moment ของเพื่อนๆในจีนที่เต็มพื้นที่
2. เปลี่ยนสนามรบด้วยเลือดเป็นด้วยเงินแบบที่สหรัฐและพันธมิตรล้อมรัสเซีย จีนก็จัดให้ประกาศห้ามการนำเข้าสินค้าบ้างประเภทโดยไม่มีกำหนด รวมถึงพวกขนมปังประเภทบิสกิตและพวกผลิตภัณฑ์ขนมจากผู้ส่งออกของไต้หวัน 35 ราย ตั้งแต่เมือวานก่อนการเดินทางมาถึงไทเปของนางเพโลซี ขนมเหล่านี้เป็นสินค้าส่งออกสำคัญจากไต้หวันไปจีนและฮ่องกง
เรื่องซ้อมรบผมเฉยๆเป็นปกติที่ต้องแสดงแสนยานุภาพแต่ผมสนใจในเรื่องการแบนสินค้าผมมองว่าเป็นการแสดงออกที่ฉลาดและดีที่สุดสำหรับประเทศในเอเชียที่กังวลต่อสถานการณ์ความมั่นคงในของจีน และเราไม่ต้องการสงครามเพราะแค่รัสเซียกับยูเครนก็ทำให้ป่วนไปหมดแล้ว
มาตรการทางเศรษฐกิจสั่งแบนห้ามนำเข้าสินเข้าจาก ไต้หวันครั้งนี้ครอบคลุมสินค้า 35 ประเภท เช่น ปลาและอาหารทะเล น้ำมันปรุงอาหาร บิสกิตและเค้ก จำนวนมากกว่า 2,000 ชนิด จากทั้งหมด 3,200 ชนิดที่นำเข้า นั้นหมายความว่า 62% เงินที่จะหายไปจากการมาของเจ๊
แน่นอนรัฐบาลไทเปไม่โดนต่อยตรงๆแบบยิงกันต่อยกันแบบยูเครนแต่สะอึกกับผลระยะยาว และยังส่งผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ของไต้หวัน เช่น Ve Wong ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และ Chi Mei ผู้ผลิตอาหารแช่แข็งที่ตลาดหุ้นสะเทือน ปากท้องหนาวสั่นเพราะไม่ใช้แค่ยักษ์ แต่น้องๆผู้ผลิตต้นน้ำโดนเต็มๆ สร้างแรงกดดันกับมาที่ไทเปแน่ โดยเฉพาะนโยบายและการเลือกตั้งครั้งหน้า
สนใจรับมาม่า ยำยำไหมครับ!
ผมมองว่าการแบนสินค้าครั้งนี้มีนัยยะที่น่าสนใจเพราะจริงๆแล้วมูลค่าการนำเข้าสินค้าจากไต้หวันที่มีมากถึง1.89แสนล้านดอลลาร์ ส่วนมากมาจากอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ พลาสติก เคมีภัณฑ์มากกว่าสินค้า 35 ชนิดที่แบน นถ้าหมายถึงว่าไม่ได้กระทบไทเปเท่าไร
แต่แต่แต่
ผมมองว่าที่จีนพุ่งเป้าโจมตีไปยังอุตสาหกรรมเกษตรของไต้หวัน เนื่องจากภาคใต้ของไต้หวันเป็นแหล่งปลูกผลไม้ และมันคือฐานเสียงสำคัญของพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) และประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน ที่มีนโยบายสนับสนุนให้ไต้หวันประกาศเอกราชจากจีนอย่างเป็นทางการ
ตีฐานเสียงไปเลย เรียกว่าล๊อคเป้ายิง
จริงๆแล้วพี่จีนเล่นแผนนี้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยทางการจีนสั่งแบนสัปปะรดนำเข้าจากไต้หวัน ตามมาด้วยคำสั่งห้ามนำเข้าชมพู่และน้อยหน่าในเดือน ก.ย.ปี2564
ปีที่แล้ว ญี่ปุ่น อเมริกา และแคนาดาสั่งสับปะรดจนชาติอื่นร้องเลย จะสั่งแต่ไต้หวันไม่ได้นะ
ป้ายขับไล่เจ๊
ที่นี้จะทำยังไงละครับ ผมมองไปที่โอกาสของพี่ไทย ถึฃแม้ว่านโยบายไต้หวันตอนนี้จะพยายามช่วยบริษัทใหญ่ที่กล่าวมาเร่งการลงทะเบียนของตามเกณฑ์ใหม่ของรัฐบาลจีน แต่คิดเหรอกระตุกหนวดมังกรแล้วเขาตะยอมง่ายๆ ไม่มีทางที่สินค้าไต้หวันที่ถูกยกเลิกจะกลับตลาดในเร็วนี้แน่
แล้วโอกาสก็ตกมาถึงมือเราบ้านใกล้เรือนเคียงที่มีศักยภาพสามารถส่งออกทั้งหมดที่ประกาศแบนไปแบบพรุ่งนี้แทนได้เลยนะ ผมมองว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนรอบนี้ไทยต้องเร่งมือเสียบเพื่อชาติ เพราะการส่งออกอาหารและขนมจากไทยไม่เคยสามารถช่วงชิงพื้นที่ในจีนได้เลย ดังนั้นไม่ผลักดันตอนนี้พี่จะรอตอนไหนครับ จับตาเลยหุ้นกลุ่มนี้ดีดแน่ วันนี้ผู้เขียนก็กวาดไป 3 ตัวครับ 5555 เหมือนตอนมาเลยเซียหยุดส่งออกไก่
หวังว่าขนมจะไม่ขึ้นแบบไก่นะ!!
- 10
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
