4 ส.ค. 2022 เวลา 09:24 • หนังสือ
เมื่อพูดถึง "วีรพร นิติประภา" หรือ "พี่แหม่ม" ของลูกๆ นักอ่าน หลายคนคงนึกถึงนักเขียนหัวฟู สวมแว่นดำ ปากแดง การแต่งตัวสุดพังก์อันมีเอกลักษณ์ยากหาใครเหมือน ร่วมด้วยลีลาการเขียนหนังสือยากหาตัวจับ ประกอบกับความเห็นเชิงมนุษย์ สังคม ความเปราะบาง การโอบกอด และอีกมากมาย
.
ตัวตนอันโดดเด่นของนักเขียนหญิงผู้นี้ฉายชัดในทุกงานของเธอ ทุกคำที่พูด สิ่งเหล่านี้มีที่มาจากตัวตนหลากหลายช่วงวัยและการอ่านประกอบกัน
วีรพรเกิดในครอบครัวชนชั้นกลางย่านราชวงศ์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2505 มีคุณแม่เป็นครูสอนเปียโน และมีพี่ชายหนึ่งคน ความฝันวัยเด็กคืออยากเป็นนักร้องลูกทุ่ง เพราะได้แต่งตัวสวย ได้ซอยเท้า หมุนตัว
เธอเติบโตมากับหนังสือของสุวรรณี สุคนธา, 'รงค์ วงศ์สรรค์, พิบูลศักดิ์ ละครพล ฯลฯ ร่วมด้วยวรรณกรรมชิ้นเอกของไทยและของโลกอย่างต้นส้มแสนรัก, วิถีแห่งเต๋า ปราชญ์เหลาจื่อ, ขุนช้างขุนแผน, น้ำหอม และอีกมาก
เข้าสู่วัยศึกษา พี่แหม่มเรียนด้านเลขานุการ และไปเรียนด้าน Communication Arts ที่กรุงเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี พ.ศ.2525 จบจากนั้นจึงกลับมาทำงานนิตยสารฉบับหนึ่ง ก่อนผันตัวไปเป็นครีเอทีฟเอเจนซีโฆษณา ด้วยความโหยหางานสื่อสารมวลชนจึงเปิดนิตยสารแฟชันชื่อ ‘Hyper’ ก่อนหันเหมาเปิดร้านขายสร้อยอยู่ช่วงหนึ่ง
จุดเริ่มต้นการเขียนหนังสือของวีรพรถือว่าช้ากว่านักเขียนผู้อื่นอยู่พอสมควร อันที่จริงเธออยากเป็นนักเขียนตั้งแต่อายุราว 17-18 แต่ทำแล้วก็ไม่ชอบ กลับมาเขียนใหม่ราว 22-23 แล้วก็ไม่ใช่เช่นกัน แม้จะรู้สึกว่ามีความสุขดีแต่อาจยังไม่ถึงเวลา เธอเริ่มมันอีกครั้งในวันวัยหย่อน 47 จนค้นพบกับความจริงที่ว่า เธอไม่ใช่สายเรื่องสั้น เป็นคนชอบเรื่องยาว พร้อมๆ กับว่าในยุคสมัยที่เธอยังรุ่นนั้น ตลาดการอ่านของเมืองไทยยังไม่พร้อมรองรับเรื่องเล่าและวิธีการในแบบที่เธอสนใจนัก
ผลงานเล่มแรกในชีวิตอย่าง #ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต พ่วงพาหลายสิ่งสู่ชีวิตในปัจจุบันของนักเขียนผู้นี้ ไม่นาน #พุทธศักราชอัสดงกับทรงจำของทรงจำของแมวกุหลาบดำ (ปัจจุบันจัดพิมพ์โดย แพรวสำนักพิมพ์) ก็ตามมา ทั้งสองเล่มที่ว่าได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) นอกจากนี้เธอยังเป็นเจ้าของผลงานอย่าง #ทะเลสาบน้ำตา และ #โปรดโอบกอดมนุษย์ลูก อีกด้วย
งานเขียนของวีรพร เธอให้นิยามมันว่างาน Collage (ตัดแปะ) อันเกิดจากส่วนผสมทางเทคนิกและส่วนผสมของก้อนเรื่องเล่า วีรพรให้ความเห็นว่าในประเทศที่ไร้ทรงจำ ประวัติศาสตร์มีเรื่องเล่าเยอะมาก ทุกคนล้วนบอกว่าสิ่งนี้สิ่งนั้นจริง แต่ใครจะรู้ว่าสิ่งใดจริง
อย่างในหนังสือ ครึ่งหนึ่งของเรื่องเล่าเราแต่งเอง อีกครึ่งหนึ่งได้ยินมาอย่างนั้น ซึ่งก็ไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะอ้างเอามาเป็นตัวประวัติศาสตร์หลักได้ เธอผสมทุกสิ่งจากการอ่าน การพบพานผู้คน กอบเก็บมาฉายแสดงในฐานะนักเขียน ด้วยหวังเพียงเรื่องราวที่เธอเล่านั้นจะเป็นส่วนหนึ่งของกระบอกเสียงให้คนตัวเล็กตัวน้อยได้มีที่ทางบอกเล่าแม้เป็นเพียงเรื่องแต่ง กระนั้นก็ยังดีกว่าไม่มี
ผ่าน 60 ปีแห่งชีวิต วีรพรยังคงทำงานเรื่องเล่าผ่านงานเขียนหนังสือเล่มและช่องทางสื่อสารส่วนตัว ร่วมด้วยการโอบรัดคนรุ่นใหม่ ทั้งยังผลักดันขับเคลื่อนในสิ่งที่ตรงกับความเชื่อและความหวังส่วนตนอย่างไม่หยุดยั้ง
สุขสันต์วันเกิดครบรอบ 60 ปีวีรพร
4 สิงหาคม 2565
.
#NakScoops #amaribooks
โฆษณา