กุมารทองคือใคร??? แล้วทำไมถึงชอบกินน้ำแดง
กุมารทองคือใคร???
ในสมัยโบราณที่ผู้คนมีความเชื่อเรื่องการใช้เวทมนต์ การทำคุณไสย์ และคาถาอาคมต่างๆ "การเลี้ยงผี" เพื่อไว้ใช้งาน ก็เป็นอย่างหนึ่งที่นิยมกัน และยังคงนิยมกันอยู่ถึงทุกวันนี้ จะเห็นได้จากที่วัด หรือสำนักต่างๆ ยังเสกกุมารทองมาวางให้เช่าบูชากันอยู่ บางรุ่นแพงเป็นแสน บางรุ่นก็แค่หลักร้อยหลักพัน
ครูบาอาจารย์ของ Pankaew เล่าว่า การทำกุมารทองในสมัยก่อนไม่ใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆ ต้องมีพิธีกรรม มีฤกษ์ยามในการทำ หากคิดจะทำกุมารทองขึ้นมาสักตนต้องไปหาผู้หญิงตายทั้งกลม คือ ผู้หญิงที่คลอดลูกไม่ออกแล้วลูกตายคาท้อง และจะต้องใช้เด็กผู้ชายเท่านั้น ในสมัยโบราณไม่นิยมใช้เด็กผู้หญิงในการทำกุมารทอง เมื่อได้ฤกษ์ยามที่กำหนดแล้วหมอทำพิธีจะผ่าเอาเด็กออกมาและย่างไฟ พร้อมกำกับคาถาอาคมเข้าไปปลุกเสกให้เป็นกุมารไว้ใช้งานในเรื่องต่างๆ อาจใช้เฝ้าบ้าน หรือใช้ในกิจการต่างๆ
แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไป การแพทย์มีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้น คนที่คลอดลูกตายทั้งกลมก็มีน้อยลง กอปรกับวัฒนธรรมทางสังคมที่เปลี่ยนไป การจะหาหญิงตายท้องกลมแล้วไปผ่าเอาทารกออกมาเป็นเรื่องผิดกฏหมายในสังคมปัจจุบัน หมอผี หรือผู้ทำพิธีจึงเปลี่ยนเป็นการอัญเชิญดวงวิญญาณของเด็กเข้าไปสถิตย์ในหุ่นปั้น หรือตุ๊กตาแทน เพื่อต้องการให้กุมารเหล่านั้นช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นช่วยดูแลบ้าน ช่วยค้าขาย ขอโชคลาภ หรือบางคนใช้หาที่จอดรถให้ เรียกว่าใช้ครอบจักรวาลกันทีเดียว
กุมาทองนั้นจำแนกได้เป็นหลักใหญ่ๆ 3 แบบด้วยกัน อันนี้ต้องบอกก่อนว่าเป็นการจำแนกที่ครูบาอาจารย์ของ Pankaew สอนมา สำหรับอาจารย์ท่านอื่นอาจจะเรียกแตกต่างกันไปได้ อันนี้เราไม่ว่ากันนะคะ
1. กุมารเทพ เป็นกุมารที่สะสมบุญคือด้านบุญฤทธิ์ จะไม่ค่อยแสดงอภินิหารอะไรออกมามากมาย เน้นการมาสร้างบารมีเพื่อสั่งสมบุญ กุมารสายนี้จะชอบการทำบุญ ไหว้พระ ควรสวดมนต์บ่อยๆ ถ้าให้ดีควรสวดทุกวัน แล้วเรียกกุมารให้มาร่วมสวดด้วย จะช่วยเพิ่มกำลังให้เค้าสามารถช่วยเหลือ คุ้มครองเราได้
2. กุมารพรายกึ่งเทพ คือ ดวงจิตที่สะสมบุญมามากพอควร เน้นช่วยเหลือผู้คนเพื่อสั่งสมบุญบารมี มีการแสดงอภินิหารให้เห็นบ้าง แต่จะเน้นช่วยไปในทางบวกเสียมากกว่า ดวงจิตนี้จะเป็นดวงจิตที่ดีเหมาะที่จะนำมาบูชา
3. กุมารพรายหรือผีเร่ร่อนต่างๆที่อยู่ทั่วๆไป ในบางครั้งคนทำพิธีแค่หาหุ่นมา 1ตัวจุดธูป 1 ดอกแล้วสวดคาถาเชิญวิญญาณเข้าหุ่นแล้วนำมาให้เราบูชาเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเราได้ดวงจิตแบบไหนมา ถ้าโชคดีก็ได้ดวงจิตที่ดีใฝ่ธรรมะ แต่หากโชคร้ายได้ดวงจิตที่ไม่ดีก็จะทำให้ควบคุมดูแลได้ยากและหากคุณไม่ใส่ใจให้ดีอาจเป็นโทษให้กับตัวเองได้ง่ายๆ และกุมารพรายนี่เองที่เราๆท่านๆมักจะชื่นชมเป็นพิเศษเพราะมักจะแสดงอิทธิฤทธิ์ให้ได้เห็นได้สัมผัส และรู้สึกถึงความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร
วิธีการจะเลี้ยงกุมารทอง ควรจุดธูปบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิในบ้านเสียก่อน และขออนุญาติเจ้าที่เจ้าทางว่าเราเป็นเจ้าของบ้านต้องการจะนำกุมารทองชื่อ (บอกชื่อไป) มาอยู่ด้วยเพื่อช่วยเหลือเจ้าของบ้าน การจัดวางกุมารทองก็สำคัญควรแยกออกมาจากหิ้งพระ และวางไว้ต่ำกว่าพระ ไม่ควรวางหันหน้าไปทางทิศตะวันตก ส่วนของถวายของไหว้ก็แล้วแต่ว่าเจ้าของจะบนบานเป็นสิ่งใด แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นขนมหวานและน้ำแดง
แล้วสงสัยกันไหมว่าทำมัยต้องเป็นน้ำแดง กุมารทองชอบกินน้ำแดงทุกตนหรือ เป็นน้ำสีอื่นได้หรือมั้ย
เนื่องจากในสมัยโบราณ ยังไม่มีน้ำอัดลมหรือน้ำหวานสีแดงๆ เหมือนในสมัยนี้ กุมารทองในสมัยก่อนมักเป็นเด็ก แน่นอนว่าต้องชอบกินขนมต่างๆ ซึ่งในสมัยก่อนมีให้เลือกไม่มากนัก อาจมีขนมต้มแดง ต้มขาว กล้วยหรือผลไม้ต่างๆ แต่น้ำหวานๆ สีสวยๆ นี่สิจะหาได้จากที่ไหน คนสมัยก่อนจะนำไม้ฝางมาต้มกับน้ำและใส่น้ำตาลลงไปด้วย เพื่อให้มีรสหวานคลายความร้อนของอากาศ ไม้ฝางที่ต้มจะมีสีแดงสวยทำให้น่าดื่ม
เมื่อเราเลี้ยงกุมารจึงนิยมให้กุมารได้ดื่มน้ำฝางนี้ด้วยเนื่องจากสีสันน่ารับประทานและไม้ฝางนี้เองได้เป็นส่วนหนึ่งในการทำน้ำยาอุทัยด้วย พอมาในสมัยปัจจุบันน้ำฝางกลับกลายเป็นสิ่งที่หายาก น้ำอัดลมหรือน้ำหวานมีหลากหลายสีมากขึ้น จึงมีขนมและน้ำสีต่างๆ ถวายกุมารกันมากขึ้น
โดยส่วนตัว Pankaew ก็เลี้ยงกุมารทองไว้ แต่ไม่ได้ถวายของเซ่นไหว้ใดๆ แต่จะเป็นการชวนเค้าทำบุญสร้างบารมี สวดมนต์ ไหว้พระ สั่งสมบุญเสียมากกว่า อย่างไรก็แล้วแต่เรื่องกุมารทองอยู่ที่ความของแต่ละบุคคล หากใครไม่เชื่อถือก็ปล่อยผ่านไปนะคะ แต่หากใครคิดจะเลี้ยงดูแล้วก็ควรจะทำให้ดี เลี้ยงดูเค้าเหมือนเด็กคนหนึ่งที่มีจิตใจ ขอให้ช่วยเหลือในสิ่งที่เหมาะสมและเป็นไปได้ หมั่นสวดมนต์ไหว้พระทำความดี ที่สำคัญอย่าคิดแต่พึ่งกุมารทองพอไม่ได้ก็โมโห โกรธ โทษแต่กุมารทอง จนลืมมองถึงความเป็นจริงที่เกิดนะคะ
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
