6 ส.ค. 2022 เวลา 03:39 • ไลฟ์สไตล์
โลกพระศรีอาริยเมตไตรหรือที่ฝรั่งเรียกยูโทเปีย มันก็จะคล้ายๆกับความเชื่อในเรื่องนรก สวรรค์ ปรกติคนเรามีความทุกข์ ไม่เข้าใจเหตุแห่งทุกข์ ต้องการแสวงหาความสุข ที่ยึดติดในรูปแบบของมนุษย์ ก็จะนึกถึง ความสุขในรูปแบบแก้วแหวนเงินทอง ความอยากได้อะไรแบบนึกคิดหรือเนรมิตขึ้นมา ซึ่งความคิดเหล่านี้ได้สร้างสวรรค์ขึ้นมา เป็นดินแดนนางฟ้า เทวดา อยู่เต็มไปหมด เต็มไปด้วยดวงแก้ว สว่างไสว ทุกสิ่งมีแต่ความสวยงาม ไม่มีความทุกข์อยู่เลย อยากได้อะไรก็เนรมิตขึ้นมาได้ แต่โลกพระศรีอาริย์จะมีความแตกต่างจากสวรรค์
จะมีลักษณะคล้ายๆพรหมโลก มากกว่าที่ผู้คนยกระดับจิตใจสูงกว่าในระดับสวรรค์ คือไม่มีความยืดติดกับตัวตนหรืออัตตา พรหมโลกชั้นสูงๆจึงมีแต่ความว่างปล่าว ไม่มีตัวตนปรากฏเป็นรูปที่เรียกอรูปพรหม ส่วนพรหมในระดับล่าง ก็ยังยึดติดตัวตนอยู่บ้างแบบบางๆ จึงเรียกรูปพรหม
ในความเชื่อทางศาสนา โลกของพระศรีอาริย์หรือยูโทเปียจึงมีอยู่จริง แต่พระพุทธองค์ ได้สอนหลักธรรมเรื่องอนัตตา ปลดปล่อยความยึดมั่นถือมั่นในอัตตาทั้งปวง แม้กระทั้ง สวรรค์ พรหมโลก ยูโทเปีย ก็เป็นความยึดติดในรูปแบบหนึ่ง คือติดในความสุข ความสงบ ถึงจะสงบแค่ไหนยังเป็นภพภูมิที่ติดอยู่ในสังสารวัฏ เมื่อหมดเหตุปัจจัยก็จะย้ายภพภูมิไปมาได้ตลอดเวลา พระองค์จึงปรารถนาแต่ในนิพพาน ซึ่งอยู่นอกสังสารวัฏที่หมดเหตุปัจจัยที่ปรุงแต่ง มีสภาพเป็นอนัตตาที่แท้จริง
ในความเห็นของผมนั้น ไม่ต้องไปถึงนิพพานก็ได้ ไม่ต้องไปถึงยูโทเปียหรือโลกพระศรีอริยเมตไตรย์เลย หากเราได้ไปจริง ก็จะไปหลงยึดติดกับความสุข ความสงบ ซึ่งเป็นความยึดติดในขั้นละเอียดสุด เป็นอวิชชาที่อยู่ในระดับลึกที่ไม่ชอบสภาวะหนึ่ง แต่อยากจะไปอยู่ในอีกสภาวะหนึ่ง ดังนั้นก็ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น อยู่เป็นมนุษย์ปรกติธรรมดานี้แหละดีแล้ว ทุกข์ก็รู้เท่าทันมัน เฝ้าดูเห็นสภาวะไปเรื่อยๆสุดท้ายชีวิตมันจะไปอยู่ไหนก็ช่างมัน
ส่วนพระศรีอาริย์ที่เป็นปางหนึ่งของพระพุทธเจ้า ผมเห็นมีคนในกระทู้นี้เขียนอธิบายไว้แล้วด้านล่างๆ ส่วนของผมจะอธิบายคําว่าโลกของพระศรีอาริย์ในความเข้าใจของคนส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นสถานที่ในความคิดของคนเรา
โฆษณา