6 ส.ค. 2022 เวลา 12:15 • ประวัติศาสตร์
• ยิ่งกว่าปาฏิหาริย์
ซึโตมุ ยามากูชิ ชายผู้รอดชีวิตจากระเบิดปรมาณูทั้งที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิ
สงคราม... คือสิ่งที่เลวร้ายมากที่สุดของมนุษยชาติ ทว่าในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมานั้น มันได้แสดงให้เห็นแล้วว่า มนุษย์อย่างเรา ๆ ไม่เคยสำนึกและรู้จักกับความเลวร้ายของสงครามจริง ๆ ...
โดยหนึ่งในความเลวร้ายสำคัญที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์นั้น ก็คืออาวุธนิวเคลียร์หรือระเบิดปรมาณูนั้นเอง อาวุธทรงอานุภาพร้ายแรงนี้ได้ถูกนำไปใช้ครั้งแรกในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยสหรัฐอเมริกาเพื่อใช้โจมตีเมืองฮิโรชิมา (Hiroshima) และนางาซากิ (Nagasaki) เมืองอุตสาหกรรมสำคัญของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 6 และ 9 สิงหาคม ค.ศ.1945
ระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิม่า (ซ้าย) และระเบิดปรมาณูที่นางาซากิ (ขวา)
ผลของการทิ้งระเบิดในครั้งนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันมากกว่า 2 แสนคน และบาดเจ็บนับหมื่นคน นับเป็นเหตุการณ์โศกนาฏกรรมอย่างแท้จริง ที่แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของสงคราม
สำหรับบทความนี้ จะขอนำเสนอเรื่องราวของชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดปรมาณูทั้งสองครั้งนี้ ชื่อของเขาคือ ซึโตมุ ยามากูชิ
1
ในปี ค.ศ.1945 ซึโตมุ ยามากูชิ วิศวกรหนุ่มวัย 29 ปี ทำงานเป็นวิศวกรอยู่ที่อู่ต่อเรือของบริษัทมิตซูบิชิ ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองฮิโรชิมา เมืองอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในขณะนั้น
ซึโตมุ ยามากูชิ
วันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ.1945 เช้าวันนี้ก็เหมือนกับเช้าของวันอื่นๆ ยามากูชิและเพื่อนๆ วิศวกรของเขา ได้เดินทางมาทำงานที่อู่ต่อเรือตามปกติอย่างเช่นทุกวัน แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ เช้าวันนี้จะเกิดเหตุการณ์ที่พลิกโฉมหน้าของประวัติศาสตร์ไปอีกนาน...
เวลา 8.15 น.
3
ขณะที่ยามากูชิกำลังทำงานอยู่ที่อู่ต่อเรืออยู่นั้น ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ เครื่องบินทิ้งระเบิด B-29 ของสหรัฐอเมริกา ทำการทิ้งระเบิดปรมาณู "ลิตเติ้ลบอย" (Little Boy) ในน่านฟ้าของเมืองฮิโรชิมา มัจจุราชกำลังลงมาที่พื้นแล้ว...
วินาทีนั้นเอง เกิดแสงสว่างวาบไปทั้งเมือง พร้อมกับความร้อนดังดวงอาทิตย์ เมืองทั้งเมืองระเบิดราบเป็นหน้ากลอง...
ณ วินาทีนั้น ยามากูชิกูถูกแรงระเบิดเช่นกัน แสงสว่างวาบไปยังดวงตาของเขา และทุกสิ่งทุกอย่างก็มืดลง...
อู่ต่อเรือบริเวณนั้นพังถล่มพินาศ ปรากฏว่ายามากูชิยังไม่ตาย เขาลุกขึ้นมาและมองเห็นความเสียหายรอบๆ ตัวเขา บริเวณแขน และใบหน้าของเขาเป็นแผลไฟไหม้ รวมทั้งแก้วหูของเขาที่เกิดอาการร้าว
ยามากูชิประคับประคองร่างกายที่บาดเจ็บนั้นเดินดูรอบๆ โชคยังดีที่เพื่อนของเขาบางคนยังรอดชีวิต และคอยช่วยเหลือเขาอยู่ ยามากูชิตัดสินใจเดินทางไปยังหลุมหลบภัยทางอากาศที่ตั้งอยู่ในเมืองฮิโรชิมา เพื่อพักผ่อนและวางแผนที่จะเดินทางกลับไปรักษาตัวที่บ้านเกิดของเขา
เช้าวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ.1945 ยามากูชิเดินทางไปถึงสถานีรถไฟที่อยู่ใกล้เคียงแถวนั้น โชคยังดีที่ระเบิดไม่ได้ส่งผลกระทบต่อที่นี้ ยามากูชิพร้อมกับผู้รอดชีวิตนับร้อยคน ได้เดินทางโดยรถไฟไปยังเมืองบ้านเกิดของยามากูชิ
1
... เมืองนั้นก็คือ นางาซากิ
1
วันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ.1945 ยามากูชิเดินทางถึงเมืองนางาซากิ เมืองบ้านเกิดของเขา ยามากูชิได้เดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลภายในตัวเมือง ก่อนที่จะเดินทางกลับบ้าน ซึ่งอาศัยอยู่กับฮิซาโกะ (Hisako) และคัตสึโตชิ (Katsutoshi) ซึ่งเป็นภรรยาและลูกชายของเขา
จนกระทั่งในเช้าวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1945 ยามากูชิได้เดินทางไปรายงานตัวที่สำนักงานของมิตซูบิชิในนางาซากิ เพื่อรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นกับอู่ต่อเรือในฮิโรชิมา และวันนั้นเองยามากูชิกำลังจะเผชิญกับสิ่งเลวร้ายที่พบเจอมาแล้วที่ฮิโรชิมา...
เวลา 11.02 น.
1
ในขณะที่ยามากูชิอยู่ในสำนักงานของมิตซูบิชิ ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่น B-29 ได้ทิ้งระเบิดปรมาณู "แฟตแมน" ลงที่น่านฟ้าเมืองนางาซากิ
1
แรงระเบิดทำลายล้างเมืองนางาซากิราบเป็นหน้ากลอง สิ่งก่อสร้างบริเวณนั้นพังทลายราบ ยามากูชิถูกแรงระเบิดจนสลบลง และเป็นอีกครั้งที่เขารอดชีวิตขึ้นมาได้อีกครั้ง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยแผลไฟไหม้
ยามากูชิประคับประคองร่างกายของเขา รีบไปยังบ้านของเขาเพื่อดูว่าภรรยาและลูกของเขาปลอดภัยดีหรือไม่ ซึ่งโชคดีที่ภรรยาและลูกของเขาสามารถเขาไปหลบในหลุมหลบภัยได้ทันเวลา
2
เมืองนางาซากิหลังจากถูกระเบิดปรมาณู
หลังเหตุการณ์ระเบิดปรมาณูทั้งที่ฮิโรชิมาและนางาซากิ ในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ.1945 ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้ต่อสงครามอย่างไม่มีเงื่อนไข อำนาจของจักรวรรดิญี่ปุ่นที่เคยยิ่งใหญ่ ถึงจุดสิ้นสดลงแล้ว...
1
ยามากูชิถูกนำตัวไปรักษาอีกครั้ง เขาถูกตรวจพบว่ามีสารกัมมันตรังสีอยู่ในร่างกายเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจทำให้เขาเป็นโรคมะเร็ง และอาจจะเสียชีวิตในอีกไม่นานหลังจากนั้น
แต่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องของปาฏิหาริย์ เพราะร่างกายของยามากูชิมีการฟื้นฟูที่รวดเร็ว และสารกัมมันตรังสีในร่างกายของเขาก็ค่อยๆ หมดลงไป และในท้ายที่สุด ยามากูชิก็มีร่างกายที่แข็งแรงและสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
1
นับแต่นั้นมา ยามากูชิก็ได้ใช้ชีวิตของเขาสืบต่อมา เขาได้เป็นบุคคลสำคัญที่บอกเล่าเรื่องราวของความโหดร้ายของสงคราม และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากระเบิดปรมาณูให้แก่ชนรุ่นหลัง เพื่อให้ตระหนักถึงความเลวร้ายของสงคราม ที่ยังคงเกิดขึ้นมาจนถึงวันนี้...
1
ยามากูชิในวัยชรา
ซึโตมุ ยามากูชิ เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 4 มกราคม ค.ศ.2010 ที่เมืองนางาซากิบ้านเกิดของเขา ด้วยวัย 93 ปี ปิดฉากตำนานชายผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมาและนางาซากิ...
2
*** Reference
#HistofunDeluxe
โฆษณา