8 ส.ค. 2022 เวลา 04:21 • หนังสือ
ด้วยความที่ติดละครมาก จนต้องไปตามหาหนังสือมาอ่านเทียบดูค่ะ และจะบอกว่าเล่มนี้หายากพอสมควร แต่ก็ไม่ถึงกับขาดตลาดเลยเสียทีเดียว อีกทั้งได้รับการช่วยเหลือจากพี่ที่น่ารักที่คอยส่งข่าวให้ เลยทำให้คุณไอซ์ได้มาอ่านในที่สุดค่ะ
“ปดิวรัดา” โดยสราญจิตต์
เรื่องนี้ท่านผู้แต่งเขียนเอาไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 ซึ่งปีนี้ก็อายุ 69 ปีพอดิบพอดีค่ะ อาจจะไม่ต้องสปอยล์เรื่องย่อมากเพราะทุกท่านอาจผ่านตากับละครในเวอร์ชั่น “เจมส์จิ - เบลลา” มาแล้ว ยิ่งช่วงนี้ช่อง 3 นำกลับมารีรันด้วย คุณไอซ์ก็เลยดูเพลินเลยค่ะ และด้วยความที่ละครทำไว้น่ารักมาก เคมีของพระ - นางที่เข้ากั๊นเข้ากัน ทำให้คุณไอซ์ต้อง #ไปหาอ่าน บทประพันธ์ต้นฉบับให้ได้ และเมื่อวานเมื่อได้รับหนังสือมาก็เริ่มอ่านตั้งแต่ช่วงค่ำ มาจบบริบูรณ์เอาเมื่อบ่ายวันนี้นี่เองค่ะ
ความรู้สึกเมื่ออ่านจบ: จะบอกว่าเส้นเรื่องหลักก็เหมือนกับที่เราได้ชมทางโทรทัศน์เลยค่ะ แต่ท่านผู้แต่งจะเน้นบทบรรยายความรู้สึกนึกคิดของตัวละครเป็นส่วนใหญ่ ทำให้สายที่ชอบนิยายที่มีบทสนทนามากๆ อาจจะไม่อิน อีกทั้งบทหวานระหว่าง “คุณปลัดศรัณย์กับริน” มีน้อยเหลือเกินในช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันในฐานะสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายราว 2 ปี พูดได้ว่า “แทบจะไม่ปรากฏในเนื้อเรื่องเลยก็ว่าได้”
แต่ต้องนับถือใจของนางเอกอย่างหนึ่งในแง่ของความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณจนยอมปลอมตัวมาแต่งงานแทนลูกสาวตัวจริง และเป็นคนที่มีความอดทนสูงอย่างยิ่ง ที่สามารถอยู่ในบ้านกับสามีในนามได้ถึง 2 ปี โดยที่มีคนรักเก่าของเขาเข้ามาวุ่ยวายโดยตลอด ซึ่งเป็นแนวนิยมของนิยายในสมัยก่อนที่ผู้มักเขียนถึงคุณงามความดีที่มนุษย์พึงถือปฏิบัติ (แต่ตัวร้ายนี่ก็ร้ายจนน่ารำคาญทีเดียวค่ะ คุณไอซ์นี่อยากจะกรี๊ดแทนนางเอกเสียหลายที)
ถามว่าเล่มนี้ควรค่าแก่การ #ไปหาอ่าน ไหม? คุณไอซ์ก็ยังขอแนะนำอยู่นะคะ ท่านเขียนไว้ดีมาก ภาษาสวยงาม บทบรรยายก็ละเมียดละไมเหลือเกินค่ะ
แต่ถ้าให้เปรียบเทียบกับละครแล้ว คุณไอซ์ว่า .. ละครทำไว้ค่อนข้างกลมกล่อม เพิ่มบทให้พระ - นางมากขึ้น คนดูเลยฟินมากพอสมควร อีกอย่าง .. ตัวละครในละครทุกคนแสดงไว้ดีลงตัว บทพอดี และมีความโดดเด่นในตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่แม่สาย นายเสนอ และเด็กเสริม เลยล่ะค่ะ
สปอยล์เรื่องโดยบุรณีในช่วงหนึ่งของเรื่อง:
“จะเล่าประวัติของเด็กให้คุณชรัตน์ฟังสักคนหนึ่งนะคะ” หล่อนเริ่ม “คือเมื่อ 18-19 ปีมาแล้ว มีผู้หญิงคนหนึ่งนำลูกอายุในราวเดือนหนึ่งมาให้คุณแม่ คุณแม่จะไม่เอาเพราะตอนนั้นท่านมีลูกสาวถึง 2 คนแล้ว คือราลีกับบุนี่แหละค่ะ แต่หญิงคนนั้นอ้อนวอนขอให้รับลูกของตนไว้ด้วยเถิด เพราะเขายากจนไม่มีหนทางหาเลี้ยงลูกได้ เขาให้เฉยๆ ไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนเลย และให้ขาดจริงๆ สุดแท้แต่คุณแม่จะเลี้ยงดูอย่างไร”
“คุณแม่ทนอ้อนวอนไม่ได้ ก็รับทารกนั้นไว้ หญิงคนนั้นไม่ขอสิ่งใด และไม่ได้บอกอะไรไว้เลย นอกจากชื่อและนามสกุลของเด็กเท่านั้น” บุรณีเว้นระยะหายใจ ชรัตน์ซักว่า
“เด็กคนนั้นชื่ออะไรล่ะคุณบุ”
บุรณีสั่นศีรษะเมื่อว่า “อย่าเพิ่งถามซี ฟังต่อไปก่อนนะคะ เมื่อให้ลูกแล้ว ตัวเองก็หายสาบสูญไปเลย คุณแม่ก็เลี้ยงเด็กหญิงคนนั้นมาอย่างกับลูกหลาน ให้การศึกษาเท่ากับราลี นอกจากนั้นยังสอนวิชาแม่บ้านแม่เรือนให้จนครบครัน ซึ่งลูกๆ ของท่านเองยังไม่มีใครได้จากท่านเลย ประกอบกับเด็กคนนั้นเป็นคนขยัน เอาการเอางาน เมื่อโตขึ้นคุณแม่ก็ให้ดูแลบ้านเรือนแทนหูแทนตาของท่าน และเด็กคนนั้นก็ทำได้ดี คุณแม่ท่านก็รักใคร่ไม่ผิดลูกหลาน”
“ต่อมามีคนมาสู่ขอราลี คุณแม่ท่านเห็นว่า ราลียังไม่เป็นภาษาเรื่องบ้านช่อง จึงได้ยกเด็กคนนั้นให้แทนด้วยถือว่าท่านเป็นผู้ปกครองโดยขั้นสิทธิขาดของเด็กคนนั้น เพราะตั้งแต่ให้ลูกไว้แล้ว แม่ก็ไม่เคยมาเยี่ยมกรายมาเกี่ยวข้องเลย ท่านจึงถือว่า เด็กคนนั้นเป็นของท่านคนเดียว”
บุรณีหยุดพูด คิดทวนเสียก่อนกล่าวต่อไปว่า
“คุณรัตน์ต้องรู้เรื่องต้นๆ ของครอบครัวเสียหน่อยก่อนนะคะ คือว่าเมื่อสมัยที่พวกเราเป็นเด็ก คุณพ่อมีเพื่อนคนหนึ่ง เป็นผู้มั่งคั่งมาก เพื่อนคนนั้นมีลูกชายเด็กๆ คนหนึ่ง จึงได้ขอลูกสาวของคุณพ่อให้ลูกชายตัว ตกลงกันไว้ด้วยวาจา ฝ่ายคุณพ่อก็ไม่ขัดข้อง เพราะถือเป็นเพื่อนรักกัน ต่อมาเพื่อนของท่านถูกฟ้องล้มละลาย ตัวตาย ภรรยาได้หอบลูกชายไปอยู่หัวเมือง ตลอดเวลานั้น ไม่ติดต่อกันเลยกับครอบครัวของเรา จนพวกเราลืม”
“แล้ววันหนึ่งเราก็ได้รับจดหมายเตือนเรื่องการหมั้นด้วยปากที่เลิกร้างกันมานานแล้วนั้น คุณแม่เห็นว่าราลียังไม่ได้เรื่องราวเกี่ยวกับแม่บ้าน ส่งไปให้เขาก็ขายหน้า แล้วก็เห็นว่า เด็กคนนั้นโตพอจะมีครอบครัวได้แล้ว ประการหนึ่งฝ่ายผู้ชายก็เป็นผู้ดีมีสกุล คุณแม่จึงอยากให้เด็กของท่านได้เป็นหลักฐาน และเมื่อสอบถามเจ้าตัวผู้หญิงดูว่าจะช่วยเหลือปลอมตัวเป็นราลีไปแต่งงานแทนได้ไหม เด็กคนนั้นรักคุณแม่และกตัญญูมาก จึงไม่ขัดข้อง”
#ปดิวรัดา หน้า 232 - 233
#ไปหาอ่าน กันต่อนะคะ
โฆษณา