8 ส.ค. 2022 เวลา 08:46 • การตลาด
CBDC หรือเงินบาทดิจิตอลเรื่องสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อคนไทย อาจจะไม่ได้นำมาใช้จริงหรือเลื่อนออกไปแบบไม่มีกำหนด
ที่มา  Siam Bitcoin
เงินในสกุลดิจิตอลที่มีการใช้แพร่หลายก็คือ คริปโตเคอร์เรนซี (cryptocurrency) โดยการใช้เทคโนโลยีระบบ Block chain ในการเก็บรักษาข้อมูล ด้วยการจัดเก็บข้อมูลในบล็อกที่เชื่อมโยงกันเป็นลูกโซ่ ที่ต้องสอดคล้องกับลำดับเวลา เพื่อไม่ให้เกิดการแทรกแซงหรือเปลี่ยนแปลงจากใครคนใดคนหนึ่งได้หากไม่ได้รับฉันทามติจากเครือข่าย
สกุลเงินที่เรารู้จักก็เช่น Bitcoin, Ethereum, Tether, USD Coin, Binance USD เป็นต้น
ด้วยรูปแบบของการดำเนินการของสกุลเงินดิจิตอล ที่มีความปลอดภัยสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้งาน ทั้งยังช่วยลดตัวกลางอย่างสถาบันการเงิน ส่งผลให้มีต้นทุนค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการที่ต่ำ จึงทำให้ธนาคารทั่วโลกต่างหันมาศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง
โครงการอินทนนท์ กับหมุดหมายแรกของการโอนเงินดิจิทัลในประเทศไทย - salika
ประเทศไทยเราก็เป็นหนึ่งในประเทศลำดับต้นๆของโลกที่มีการศึกษาในเรื่องนี้ ในปี พ.ศ. 2560 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับธนาคารพาณิชย์ 8 แห่ง ได้ทำ "โครงการอินทนนท์" เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของสกุลเงินดิจิตอลที่ออกโดยธนาคารกลาง หรือ Central Bank Digital Currency (CBDC)
โดยนำข้อจำกัดของสกุลเงินดิจิตอลมาปรับปรุง ทำให้สามารถลดความเสี่ยงจากค่าเงินที่ผันผวนจากการเกร็งกำไรได้ ที่เราเห็นหลายต่อหลายครั้งว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้มีชื่อเสียงระดับโลกมาให้ความเห็น สกุลเงินดิจิตอลจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทันที ทั้งแข็งค่าขึ้นและอ่อนค่าลง
ทำให้สามารถลดความเสี่ยงจากค่าเงินที่ผันผวนจากการเกร็งกำไรได้
Central Bank Digital Currency (CBDC) มี 2 รูปแบบคือ รูปแบบการทำธุรกรรมระหว่างสถาบันการเงิน (wholesale CBDC) และรูปแบบการทำธุรกรรมรายย่อยของภาคธุรกิจและประชาชน (retail CBDC)
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย
เป็นสกุลเงินที่รับรองโดยธนาคาร ที่มีการอ้างอิงค่าเงินจากสินทรัพย์ที่ถือครองอยู่ ณ เวลานี้ก็คือทองคำที่ได้ซื้อสะสมไว้ ถือได้ว่าน่าเชื่อถือกว่าเงินดอลลาร์สหรัฐด้วยซ้ำ
ผลประโยชน์ที่คนไทยจะได้ก็คือความสะดวกในการใช้จ่าย ไม่มีค่าธรรมเนียมในการฝากและการโอน มีความปลอดภัยสูง สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย โอนเงินข้ามประเทศได้สะดวกและง่ายขึ้น (ไม่มั่นใจว่ามีค่าธรรมเนียมข้ามประเทศหรือไม่)
คนไทยจะได้ก็คือความสะดวกในการใช้จ่าย ไม่มีค่าธรรมเนียมในการฝากและการโอน มีความปลอดภัยสูง
ธนาคารแห่งประเทศไทยได้วางแผนไว้ว่าจะนำมาทดลองใช้ในไตรมาสที่ 2 ของปี พ.ศ. 2565 นี้ คาดว่าจะสามารถนำมาใช้จริงได้ภายในไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 นี้
บาทดิจิตอล ทำให้ผู้ใช้งานทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ว่าเงินที่ใช้ไปเป็นของใคร ใช้ไปเพื่ออะไรบ้าง การที่จะถูกล่อลวงให้โอนเงินแบบเดิมๆก็จะลดโอกาสลงไปมาก ไม่สามารถนำเงินไปใช้ซื้อสินค้าที่ผิดกฎหมายได้โดยเฉพาะยาเสพติด
ที่มา: Finnomena
ที่สำคัญคือเงินนี้ไม่สามารถนำไปใช้จ่ายแบบไม่มีที่มาที่ไปได้ อย่างเช่นการเลี่ยงภาษี การนำเงินไปให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนให้ตนเอง หรือเรียกสั้นๆว่าซื้อเสียง อีกเรื่องที่สำคัญก็คือความมั่นคงของประเทศ เพราะคนที่ได้รับเงินมาสนับสนุนในการทำร้ายประเทศไทย จะไม่สามารถทำได้เลย
เรื่องเหล่านี้อาจจะได้รับการต่อต้านจากทั้งฝั่งรัฐบาลและฝ่ายค้าน รวมถึงมูลนิธิ สมาคมต่างๆ ที่รับเงินช่วยเหลือแบบหาที่มาที่ไปไม่ได้ชัดเจน รวมถึงคนที่เลี่ยงภาษี เพราะไม่สามารถทำบัญชีบิดเบือนหรือแจ้งไม่ตรงไม่ได้แล้ว
กลุ่มเหล่านี้อาจจะหาข้ออ้างที่สรรหามาสนับสนุนความชอบธรรมของตนเอง แต่หากดูที่เจตนาเราจะเห็นว่ายังไงก็ดูออกว่าไม่อยากให้ตนเองถูกตรวจสอบ คำสั้นๆที่ใช้เรียกวิธีที่คนเหล่านี้จะทำคือคำว่า “แถ” นั่นเอง
ที่มา: แนวหน้า
ลองจับตาดูนะครับว่าจะเป็นอย่าง “ยุคใหม่ฯ” คาดการณ์ไว้หรือไม่
โดยส่วนตัวอยากให้โครงการนี้เกิดขึ้นมากๆ เพราะจะทำให้เศรษฐกิจไทยมั่นคงมากยิ่งขึ้น รวมถึงความสงบในสังคมที่มากขึ้น เพราะคนที่บอกว่ารักประเทศแต่ปากมันจากรายได้พิเศษหลายคนที่ก่อความวุ่นวายอยู่ในปัจจุบัน จะไม่สามารถใช้วิธีการเดิมได้ต่อไปแล้ว ยกเว้นจะไปใช้เงินในประเทศที่ไม่มีความเชื่อมโยงของระบบ CBDC ที่คาดว่าคงมีเหลืออยู่ไม่กี่ประเทศในโลกแล้ว
คนที่บอกว่ารักประเทศแต่ปากมันจากรายได้พิเศษหลายคนที่ก่อความวุ่นวายอยู่ในปัจจุบัน จะไม่สามารถใช้วิธีการเดิมได้ต่อไปแล้ว
อ้างอิง
ธนาคารแห่งประเทศไทย
หอสมุดรัฐสภา
สามารถติดตามข้อมูลแนวคิดทางการตลาดยุคใหม่ได้ที่
Instagram: Modernization Marketing (ยุคใหม่การตลาดของไทย)
1
Face Book Page: Modernization Marketing
YouTube Channel: Modernization marketing (ยุคใหม่การตลาดของไทย)
โฆษณา