8 ส.ค. 2022 เวลา 11:59 • ท่องเที่ยว
อุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี นราธิวาส
“อุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี” .. อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด ด้วยอยู่ในคำขวัญของนราธิวาส ตั้งอยู่ในอำเภอบาเจาะ ไม่ไกลจากมัสยิด 300 ปี
“อุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี” .. ได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 116 ตอนที่ 48 ก วันที่ 17 มิถุนายน 2542 เป็นลำดับที่ 95 ของประเทศ
“อุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี” .. มีเนื้อที่ประมาณ 213,125 ไร่ หรือ 341 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมอยู่ในพื้นที่อำเภอบาเจาะ อำเภอรือเสาะ อำเภอยี่งอ อำเภอเจาะไอร้อง อำเภอระแงะ อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส อำเภอรามัน จังหวัดยะลา และอำเภอกะพ้อ จังหวัดปัตตานี
เมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จไปเยี่ยมเยือนประชาชน ในเขตพื้นที่อำเภอสุไหงปาดี และอำเภอระแงะ ทรงพระราชดำรัส เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2524 ว่า .. “เทือกเขาสุไหงปาดีมีความสูง 1,800 ฟุต เป็นเทือกเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดนราธิวาส มีไอน้ำเกาะทำให้เกิดความชุ่มชื้นและเป็นแหล่งน้ำมีลำธารไหล 3 สาย ควรมีการรักษาแหล่งน้ำอย่างจริงจัง” …
กองอนุรักษ์ต้นน้ำได้ตรวจสอบแล้วรายงานว่า พื้นที่ป่าบริเวณเทือกเขาสุไหงปาดีมีสภาพดีมาก และมีธรรมชาติที่สวยงาม เห็นควรจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ
บริเวณอุทยาน .. มีสภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร มีพันธุ์ไม้ที่มีค่านานาชนิด โดยเฉพาะปาล์มบังสูรย์และใบไม้สีทอง มีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง เช่น น้ำตกต่าง ๆ
ด้วยสภาพของป่าทั้งสองมีความอุดมสมบูรณ์ และสวยงามตามธรรมชาติ ในปี พ.ศ. 2517 กรมป่าไม้ได้ดำเนินการจัดตั้ง “วนอุทยานน้ำตกปาโจ” ซึ่งอยู่บริเวณป่าเทือกเขาบูโด และในปี พ.ศ. 2519 ได้จัดตั้ง “วนอุทยานน้ำตกฉัตรวาริน” ซึ่งอยู่ในบริเวณป่าเทือกเขาสุไหงปาดีให้อยู่ในความควบคุมดูแลของสำนักงานป่าไม้เขตปัตตานี
เมื่อมาถึงที่ทำการอุทยาน มีเส้นทางเดินไปยัง “น้ำตกปาโจ” ประมาณ 300 เมตร .. เป็นเส้นทางเดินปูนที่ร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้เขียวขจี
สภาพป่า เป็นป่าดิบชื้นที่สมบูรณ์ มีพันธุ์ไม้หลายชนิด เช่น กะลอ หลุมพอ ฯลฯ ตามพื้นป่ามีหวาย ปาล์ม หลากหลายชนิด สัตว์ที่พบเห็นง่ายได้แก่ ค่างแว่นถิ่นใต้ นกกาฝากท้องสีส้ม เป็นต้น
“น้ำตกปาโจ” .. เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ของผืนป่าบูโด มีน้ำไหลตลอดปี มีน้ำตก ๔ ชั้น ชั้นแรกมีขนาดใหญ่และสวยที่สุด สายน้ำไหลตกจากลานผาหินกว้าง สูง ๖๐ เมตร ลงสู่แอ่งน้ำใหญ่ ในช่วงฤดูฝนน้ำตกปาโจจะยิ่งสวยงามมาก
เมื่อใกล้ถึงตัวน้ำตกมีการจัดทำสะพานเป็นทางเดินทอดยาว ระหว่างทางมีจุดพักชมวิว ที่สามารถยืนมองน้ำตกได้ในอีกมุมหนึ่ง แต่ละชั้นจะมีกระแสน้ำไหลลัดเลาะมาตามก้อนหินเล็กใหญ่ และมีแอ่งน้ำขังขนาดใหญ่ให้ได้เลือกเล่นน้ำตามใจชอบ
“น้ำตกปาโจ” .. เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ของผืนป่าบูโดที่มีน้ำตลอดปี แต่ในหน้าแล้งน้ำค่อนข้างน้อย ตัวน้ำตกมี 4 ชั้น ชั้นแรกมีขนาดใหญ่และสวยที่สุด มีสายน้ำไหลตกจากลานผาหินกว้าง สูง 60 เมตร ลงสู่แอ่งน้ำใหญ่
น้ำตกชั้นที่ 1 ได้รับความนิยมและสวยงามที่สุด มีสายน้ำที่ไหลจากผาสูงประมาณ 60 เมตร เรามาเที่ยวในช่วงฤดูฤดูฝน น้ำต่อนข้างเยอะ ทำให้ภาพที่น้ำกระโจนลงมาจากผาสูงจึงสวยมาก
บริเวณตัวน้ำตกมีก้อนหินขนาดใหญ่ที่จารึกลายพระหัตถ์พระปรมาภิไธยย่อ ภปร. และพระนามาภิไธยสิริกิติ์ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เก็บไว้เป็นที่ระลึกว่า ครั้งหนึ่งเคยเสด็จมาเที่ยวน้ำตกปาโจ
Credit ภาพ Niyada K Augsulee
จุดสนใจอีกอย่างหนึ่งของน้ำตกแห่งนี้คือ ใบไม้สีทอง พันธุ์ไม้ชนิดนี้ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกในโลกที่นี่ เมื่อปี พ.ศ. 2531 ใบไม้สีทองเป็นไม้เลื้อย มีลักษณะใบคล้ายใบชงโคหรือใบเสี้ยว แต่มีขนาดใหญ่กว่ามาก บางใบใหญ่กว่าฝ่ามือเสียอีก มีขอบหยักเว้าเข้าทั้งที่โคนใบ และปลายใบ ลักษณะคล้ายวงรีสองอันอยู่ติดกัน ทุกส่วนของใบจะปกคลุมด้วยขนกำมะหยี่เนียนนุ่ม มีสีทองหรือสีทองแดงเหลือบรุ้งเป็นประกายงดงามยามต้องแสงอาทิตย์ สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล สามารถพบเห็นได้บริเวณด้านหน้าของน้ำตก
โฆษณา