เงินทองเป็นของนอกกาย …
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าชีวิตนี้เราต้องใช้เงิน!
.
มาดู pattern การเงินของเรากันว่าเรา ใช้ หา เก็บ ลงทุนกับการเงินของเรายังไง ที่ทำให้เรามีสถานะการเงินแบบที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้
สังเคราะห์บทเรียนจากคลาส #Wisdomjourney ของ #ครูเงาะ
💙 ขอแบ่ง Pattern ของการเงิน (Unlock your finance pattern) ออกเป็น 2 หัวข้อใหญ่ๆให้พวกเราลองหาคำตอบกัน
✅ หัวข้อแรก คือ “สถานะ” ของ pattern ณ ตอนนี้ เราเป็นแบบไหนอยู่ ?
▶ เติบโต : คือ มีอิสรภาพทางการเงินละ อยู่ได้สบาย ๆ ไม่ต้องกังวลอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น
▶ อยู่ตัว : คือ พอมีพอกิน มีเงินเก็บบ้าง ใช้ชีวิตได้สบายประมาณนึง แต่ถ้ามีเรื่องอะไรฉุกเฉินที่ต้องใช้เงินเยอะกว่าปกติขึ้นมาก็อาจจะต้องคิดหนักอยู่เหมือนกัน
▶ ติดลบ : คือ อย่าว่าแต่เงินเก็บเลย มีหนี้ด้วยซ้ำ หาเงินมาให้พอใช้ในแต่ละวันแต่ละเดือนให้ได้ก็ดีมากแล้ว
พอเราเห็นแล้วว่า pattern ของสถานะการเงินของเราตอนนี้เป็นแบบไหน เราก็ไปต่อกันที่หัวข้อที่ 2
✅ หัวข้อที่ 2 คือ pattern ของ “วิธีการจัดการ” การเงิน
โดยวิธีการพิจารณานี้ เราก็ทำแบบเดิม คือ ดูว่าตอนที่เราทำแต่ละอย่าง เรารับรู้หรือตัดสินใจจากอะไร
- ตา : เห็นอะไร
- หู : ได้ยินอะไร หรือพูดอะไรกับตัวเอง
- สมอง : คิดอะไร
- การลงมือทำหรือความรู้สึก : ทำอะไร รู้สึกอะไร
- ถูกทำแบบไหน (ข้อนี้เพิ่มเติมขึ้นมา และถือว่าสำคัญมากในเรื่องของการเงิน)
และสิ่งที่เราต้องพิจารณา มี 4 เรื่อง คือ
▶ “ใช้เงิน” ยังไง :
- เครียด / หงุดหงิดแล้วต้องใช้เงิน (คนส่วนมากเป็นข้อนี้ เพราะเครียดกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ เลยไปลงที่การจ่ายเงิน เพราะรู้สึกว่าได้เป็นผู้ควบคุม)
- กลัวอะไรบางอย่างแล้วต้องใช้เงิน
- มีคนเชียร์ให้ซื้อก็ซื้อ
▶ “หาเงิน” ยังไง :
- หาเงินโดยใช้ตัวเองทำงาน หรือหาเงินโดยใช้เงินทำงาน
- ตัดสินใจทำงานเพราะอะไร เพราะโลภ (อยากได้เงิน) เพราะชอบทำ เพราะอยากลองทำ
▶ “เก็บเงิน” ยังไง :
- เก็บแบบไม่ยอมใช้เลยรึเปล่า เก็บด้วยความรู้สึกยังไง (เช่น ถ้าไม่กล้าใช้เพราะกลัวหมด แสดงว่าเป็นจิตที่ตระหนี่ แสดงว่ากำลังขาดแคลน ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ต่อให้หาเงินได้มาก เงินก็จะไม่ flow)
▶ “เอาเงินไปลงทุน” ยังไง :
- เอาอะไรไปลงทุน ลงทุนกับอะไร แล้วได้คำนวณกำไรขาดทุนจริงจังแค่ไหน (เช่น บางคนคิดว่าเอาตัวเองไปลงทุน แต่ไม่เคยคิดค่าแรงให้ตัวเอง)
ปล. พระพุทธเจ้าสอนว่า หาเงินมาได้แล้วให้เอาเงิน 2 ส่วนไปลงทุน 1 ส่วนใช้ 1 ส่วนทำบุญ แต่คนไทยส่วนมากไม่ค่อยถูกสอนเรื่องการลงทุน ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องทำงานใช้แรงตลอดเวลา แล้วก็อาจจะไม่ได้ไปถึงสถานะที่เติบโตจริงๆ
Pattern ทางการเงินก็เหมือนกับ pattern อื่น ๆ คือ มันขึ้นอยู่กับว่า เราโตมายังไง ถูกที่บ้านปลูกฝังมายังไง เคยชินกับ pattern แบบไหน เราก็จะมี pattern แบบนั้นแหละ
ตัวอย่างของครูเงาะ คือ ที่บ้านเป็นคนประหยัดมาก ไม่สนับสนุนการเป็นหนี้ เก็บเงินเก่ง ทำให้ pattern ของครูคือ
- ใช้เงินแบบประหยัด ชอบซื้อของถูก
- หาเงินโดยการใช้แรง และสติปัญญาในการหา ไม่อยากหยุดพัก เพราะไม่ได้เงิน
- เก็บเงินแบบเก็บจริงจัง ไม่ยอมเป็นหนี้
- ไม่มีการลงทุน เพราะที่บ้านไม่เคยปลูกฝังเรื่องนี้
ด้วย pattern แบบนั้นทำให้ สถานะของครู คือ “อยู่ตัว” มานาน จนวันนึงเห็น pattern ของตัวเองจึงปลดล็อค แล้วก็เริ่มไปศึกษาเรื่องการลงทุนเพิ่มเติม แล้วค่อย ๆ เริ่มให้เงินทำงานแทน
💙 คนไทยหลายคนทำงานหนัก (ทำงานดีด้วย) แต่หลายคนในจำนวนนั้นกลับหาเงินไม่ได้ตามสมควรที่ควรจะได้รับ เลยอยากชวนตั้งคำถาม “ทำไม”
❓ ทำไมถึงหาเงินไม่ได้คุ้มค่ากับสิ่งที่ทำ มันติดความเชื่ออะไรในใจรึเปล่า หรือขาดการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมรึเปล่า ?
❓ ทำไมยังทำแบบเดิมอยู่ ? สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้มั๊ย ?
ลองตั้งคำถามกับตัวเองดู เอาให้เห็นว่ามีล็อคอะไรในใจอยู่รึเปล่า แล้วถ้าเห็น pattern ตัวเองแล้ว อดใจรออีกหน่อย เดี๋ยวช่วงท้ายๆของ wisdom journey เราจะมาคุยกันเรื่อง wealth management กัน
แต่ถ้าปลดล็อคทางการเงินยังไม่ได้ … ไปเรียน weath management ก็อาจจะยังติดล็อคอยู่นะ 😁😁😁
ปล. คหสต. คิดว่า pattern ทางการกระทำเราพอจะสังเกตกันได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องของความรู้สึกมันอาจจะยากนิดนึง เพราะมันมีเรื่อง “ความจำเป็นในการหาเงิน” เข้ามาปน เพราะลองนึกย้อนไปสมัยที่ทำงานใหม่ๆ รายได้ไม่เยอะ ไม่มีเงินเก็บ มันก็อยากหาเงินก่อน ถ้ามีโอกาสอะไรที่ได้เงินดีขึ้นเข้ามาก็พร้อมจะคว้า ทำให้เราไม่แน่ใจว่าเส้นแบ่งระหว่าง ความต้องการความมั่นคง กับความโลภมันตัดกันที่ตรงไหนเหมือนกัน
แต่เรายังเชื่ออย่างนึงว่าการสังเกตตัวเองเป็นเรื่องของเวลา วันนี้เรายังไม่เห็น แต่หมั่นสังเกตตัวเองบ่อย ๆ เดี่ยววันนึงมันก็เห็นเองแหละ 🥰
#Wisdomjourney ของ #ครูเงาะ #ศรัทธา2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
