9 ส.ค. 2022 เวลา 13:07 • ดนตรี เพลง
[รีวิวอัลบั้ม] FATE Part 2 : Ωmega - Cocktail
[รีวิวอัลบั้ม] FATE Part 2 : Ωmega - Cocktail
-รีวิวต่อเนื่องจากพาร์ทแรก alpha ที่ผมให้คำนิยามว่า เปรียบเสมือนเพลง Side A แหล่งรวมซิงเกิ้ลฮิตที่ซาวน์ดเสียงเพื่อแฟนเพลงกลุ่มมหาชนได้เข้าถึงง่าย สาสน์เพลงไม่ลึกไม่ซับซ้อน เน้นความบันเทิงแบบวาไรตี้ที่มีทั้งร็อคไทย ร็อคญี่ปุ่น ร็อคฝรั่งผสมปนเปกัน แต่ลงตัวในความหนักแน่นที่น่าไว้วางใจเสมอมา สมเกียรติวงร็อคแถวหน้าของเมืองไทย >>> https://www.blockdit.com/posts/62ecf3a3b82f8103c5bc730a
-แต่สำหรับ Ωmega พาร์ทจุดสิ้นสุด นี่แหละ Side B ของจริง เริ่มเล่นหลักสัจธรรมที่จริงจังขึ้น ถ้าในมุมมอง listener อย่างผมจะชอบพาร์ทนี้มากเป็นพิเศษเลยครับ มีเพลงที่สุดทุกทาง ลุ่มลึกเกินกว่าจะแมส บางเพลงก็แตะความเป็นเพื่อชีวิตเลย
-ถ้าหากลองจินตนาการตามหน้าปกอัลบั้มโทนแห้งแล้ง ไม่ต่างจากที่เราเคยเห็นในหนัง Blade Runner 2049 ผิดแผกไปจากปกอัลบั้มพาร์ทแรกโดยสิ้นเชิงที่เต็มมาในตีมงานเลี้ยงที่แขกบ้านต่างเมืองเบิกบานไปกับงานเลี้ยงของเจ้าภาพซึ่งเป็นวงร็อคแถวหน้าของเมืองไทย
-สำหรับการเข้าสู่พาร์ทจุดสิ้นสุด พวกเขาก็อยากให้พวกคุณทำใจในงานเลี้ยงที่เลิกรา ไม่มีภาพความเบิกบานสนุกสนานนั้นอีกแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกเพลงจะมามู้ดดาร์คจัด ซัดความ tense จนตึงรับไม่ไหว ด้วยความที่พี่โอมศึกษาหลักธรรมมาเยอะพอสมควร สาสน์เพลงเลยไม่หนักด้วยดราม่าเชิงเรียกร้อง แต่ก้มหน้ายอมรับในชะตากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
#ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร เกริ่นนำด้วยหลักสัจธรรมเน้นๆ พร้อมกับภาคดนตรีอลังการขนลุกซู่ของจริงประหนึ่ง score ประกอบเกมส์ Final Fantasy ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ บางคนรักกันมากในตอนแรก แต่เกลียดขี้หน้ากันทีหลัง ในขณะเดียวกันบางคนไม่กินเส้นตั้งแต่แรก แต่ดันมาเป็นมิตรรักก็มี ความสัมพันธ์อาจจะไม่แปรผกผันตามกาลเวลาที่เปลี่ยนผัน แต่มันจะมีค่ากลางของความไม่ถาวรทำให้ความเป็นมิตรและความเป็นศัตรูเจือจางลงไปก็เป็นได้
#ส่งเธอออกไป เพลงตัดใจที่ตรงไปตรงมากับความสัมพันธ์ที่ไม่น่าไปต่อได้ อาจด้วยความไม่พร้อม ความไม่คู่ควร อยู่ด้วยกันแล้วอาจจะทำให้แย่ ฉุดรั้งไว้ก็ไม่ช่วยทำให้เขาดีขึ้น อีกหนึ่งเพลงรักรสขมที่เดินเครื่องบัลลาดร็อคได้เข้มข้นขับเคลื่อนนิยามของ “รักคือการเสียสละ” ได้ดีมากๆ ฟังดูไม่เชย ไม่เป็นการฝืนโชว์หล่อจนเลี่ยน เค้นอารมณ์ได้เนียนมากๆ ความหนักแน่นในจุดนี้แหละที่น่าจะทัชคนฟังให้เรียนรู้นิยามความรักที่อาจจะไม่ตรงกับชะตาที่เราต้องการ แต่นี่คือชะตาที่จำเป็นต้องแยกทางกับคนรักได้เช่นกัน
#คนจริงใจ เป็นความตั้งใจเสี่ยวที่ไม่คิดว่าจะลงล็อคมากขนาดนี้ เป็นความตัดพ้อถึงโชคชะตาไม่เป็นใจให้ได้เป็นเนื้อคู่ แต่ฟังแล้วโคตรแฮปปี้เลย เป็นไทยร็อคแต้ๆที่ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาวัดความไม่แท้ เพราะฟีทเจอร์เป็นตัวแทนคนภาคต่างๆอาทิเช่น ปู่จ๋าน ลองไมค์ (ภาคเหนือ) พงศ์ พัทลุง (ภาคใต้) ลำไย ไหทองคำ (ภาคอีสาน) และเจ้าของเพลงเป็นตัวแทนของคนภาคกลาง
-เป็น combination ที่สมควรจะถูกเอาไปโปรโมทแคมเปญสืบสานวัฒนธรรมไทยเลยด้วยซ้ำ มันเป็นความไพเราะที่มีความหนักแน่นเป็นแก่น ติดหูที่สุดและมู้ดเบาที่สุดในพาร์ทนี้ หลงรักได้ง่ายตั้งแต่แรกฟัง ยกให้เป็นเพลงไทยที่ฟีทเจอร์ยอดเยี่ยมที่สุดประจำปีเลย
#เสียชีพอย่าเสียสัตย์ เดือดและดุดันที่สุดในบรรดาทุกเพลงของซีรี่ย์ FATE ที่บอกผู้ฟังอย่าได้หลีกหนีความจริง ควรรักษาสัจจะ อย่าได้หลอกลวงตนเองพอๆกับหลอกคนอื่น เป็นอีกหนึ่งชะตากรรมที่พิสูจน์ความเป็นยอดคนว่า เราจะถูกจดจำว่าเป็นคนจริงหรือจอมปลอมกันแน่
-นานๆทีจะได้เห็นวงเมนสตรีมเปล่งคำแดกดันว่า “ตอแหล” ลงบนท่อนฮุกได้อย่าง explicit เยี่ยงนี้ ร็อคร้อนแรงเดือดปุดๆ แถมเหยาะ element ของ synthesizer ให้ได้เนื้อเต้นไปกับความล้ำที่ไม่ดีมีแค่มู้ดร็อคอย่างเดียว วลีเจ็บๆที่มาทั้ง ตอแหล เศษคน รวมไปถึงวลีทอง “ไอ้สัตว์” ของน้าค่อม ชวนชื่นผู้ล่วงลับ ที่มาได้ตรงจังหวะ ไม่ได้แทรกมาพร่ำเพรื่อ เป็นการใช้วลีทองของตำนานตลกที่ไม่เสียของ เป็นการตีเหล็กตอนร้อนด้วย เจ็บยิ่งกว่าเพลง #อภิสิทธิ์ชน อย่างเปรียบเทียบไม่ได้
#ต่างคน ขมขื่นที่สุด ผมให้นิยามว่าเป็นเพลงขั้วตรงข้าม #เธอ ในเวอร์ชั่นอคลูสติคที่โคตรแห้งเหือด nothing was the same ไม่มีความโรแมนติกหลงเหลือเลย มีแค่การต้องยอมรับความเป็นไปในความสัมพันธ์ที่ไปต่อไม่ได้ ความเห็นไม่ตรงกัน แทบจะรู้ซึ้งถึงคำว่า รักคงยังไม่พอ การทำดีต่อกันก็ยังไม่พอเช่นกัน มันคือชะตาที่ไม่ให้เราได้ไปต่อจนถึงปลายทางก็แค่นั้นเอง ขมขื่นก็จริง แต่ไลน์อคลูสติคกลับงดงามเสียจนมันเป็นเพลงชะล้างเพื่อให้คนฟังมองโลกในความเป็นจริงไปเลย
#ไร้ญาติขาดมิตร เป็นเพลงที่ดันชอบน้อยที่สุดในทุกเพลงของซีรี่ย์ FATE ด้วยเหตุผลที่ว่า การนำเสนอประเด็นเพื่อนทรยศ ชอบแทงข้างหลังกลับไม่เข้มข้นพอที่จะคล้อยตามความรู้สึกทางใดทางนึง อยากจะตัดพ้อก็ไม่สุดจริงๆ จะมาเวย์กระแทกกระทั้นก็ไม่ใช่ โชคร้ายที่พาร์ทที่ผมชอบที่สุดจะเจอเพลงที่เจือจางที่สุด ในขณะเดียวกันก็โชคดีที่เพลงนี้เป็นแค่เพลงเดียวที่ผมมองข้าม
พื้นที่ตรงนี้สามารถ Tie-In โฆษณาได้ สินค้า บริการ ครีมได้หมด (ยกเว้นของผิดกฏหมาย)
สนใจโฆษณาลงบนโพสต์ของเพจที่มีผู้ติดตามมากกว่า 16,000 คน
ติดต่อได้ที่ inbox เพจ และอีเมล์ 💌 iamistyle.4real@gmail.com
#นักดนตรี โหมดเพลงเพื่อชีวิตโฟล์คซองที่ดันปล่อยออกมาในช่วง post-covid พอดี ประเด็นเพลงไม่ได้กล่าวถึงผลกระทบความยากลำบากในช่วงสองปีที่ผ่านมา แต่เป็นการบอกเล่าศักดิ์ศรีของอาชีพนี้ด้วยความซึ้งใจในมุมมองของแต่ละคน ตัวเจ้าของเพลงก็ถ่ายทอดออกมาได้คมคายถึงการเลือกเส้นทางนี้ว่า เลือกเดินแล้วก็อย่าเอาแต่พร่ำบ่น แม้ถูกเหยียดหยาม ตราบใดที่แสดงความท้อใจมากมายจนเกินไปก็คงไม่มีใครหันมาฟัง ต้องพิสูจน์ด้วยการทำให้ทุกคนเห็น
-โฟรโมสและจ๋าย ฟรอนต์แมนไททศมิตรก็มาแบบแพ็คคู่เลย ถ่ายทอดมุมมองนักดนตรีรุ่นน้องที่สุดในเพลงที่ใช้ความใจรักและการเดิมพันมาเป็นแรงขับเคลื่อน ราวกับเอาเพลง #เพื่อชีวิตกู มาขยายความในสโคปของนักดนตรีแยกเป็นอาชีพไปเลย แต่ลดกลิ่นดราม่าลงด้วยการพรรณนาด้วยการเอื้อนเอ่ยสบายๆแทน
-แน่นอนว่าพี่เสือ ธนพล เป็นฟีทเจอร์อาวุโสที่สุดโผล่มาเป็นคนสุดท้ายในการถ่ายทอดสาสน์ที่หนักแน่นด้วยมุมมองของร็อคเกอร์18ฝน ที่ทำให้คนฟังซาบซึ้งโดยอัตโนมัติ ชอบการร้องโฮในท่อนฮุกมากๆ มันเป็นคำอุทานพิเศษที่ช่วยให้เพลงนี้มีภาพนักดนตรีร่วมอาชีพกอดคอลอยขึ้นมาทันที
-ปิดท้ายทวิภาค Fate ด้วยเพลงบัลลาดเปียโน อาลัยอาวรณ์ที่สุดอย่าง #ฉันเดินทางเพื่อมาพบเธอ เป็นเพลงแรกเลยที่ตอกย้ำภาพอัลบั้มพาร์ทสิ้นสุดนี้ได้ชัดเจนที่สุด เป็นการถวิลหาคนที่เราอยากรับรู้ความเป็นไปมากที่สุดในแบบที่ตะโกนไปไม่มีใครได้ยิน การแยกทางของโชคชะตากลับทำให้เราคิดถึงคนๆนั้น แต่ก็ใช่ว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกต่อไป เหลือไว้ซึ่งความคิดถึงก็เท่านั้น นี่คือสิ่งที่เพลงนี้มันทำงานเป็นตัวปิดสาสน์แห่งการเดินทางของโชคชะตาที่สมบูรณ์แบบในตัวมัน
-จะว่าไปซีรี่ย์ทวิภาค FATE เป็นงานอัลบั้มที่เยอะด้วยปริมาณก็จริง แต่เป็นอัลบั้มที่จารย์โอมแอนด์เดอะแก๊งค์วางแผนมาอย่างดีมากๆ ทั้งแพลนการปล่อยอัลบั้มที่แบ่งพาร์ทให้ทุกคนค่อยๆรับรู้ ถ้าปล่อยมารวดเดียวอาจจะดูเร็วไปหน่อย ด้วยความฟิตของคนฟังที่ไม่เท่ากันพอจะตะลุยทั้ง 17 แทร็คเลยทีเดียว ความแตกต่างในสองพาร์ทที่ชัดเจนว่าเป็น Side A และ B ที่น้ำหนักทางบริบทไม่เท่ากัน
-พาร์ท alpha ย่อยง่าย คนฟังส่วนใหญ่เก็ต แต่พาร์ท Ωmega จารย์โอมอยากพูดเกี่ยวกับสัจธรรมข้อไหน แกก็ซัดเต็มที่เลย มันไม่ใช่รูปแบบเพลงร็อคสายแมสที่ชูเรื่องความรักที่คนส่วนใหญ่เข้าใจง่าย บางทีพาร์ทนี้อาจจะฟังยากสำหรับใครบางคนเลยก็ได้ ด้วยสาสน์ที่ไม่มีแนวโน้มจะตบด้วยความบันเทิงแบบพาร์ท alpha ได้
-พูดในมุมคิดแทนคนอื่นแล้ว ขอพูดในมุมของตัวเองบ้าง ถ้าจะให้ฟังรวมกัน 17 แทร็คต่อกัน ไม่เป็นปัญหาสำหรับผมเลยนะ ชอบตรงที่ตัวเพลงไม่ได้ยืดจนเกินไป การที่อัลบั้มมีจำนวนแทร็คเยอะๆ ความยาวของเพลงจำเป็นต้องอยู่ในช่วง 3-4 นาที เกินกว่านั้นคนฟังน่าจะล้าเสียก่อน ความหนักแน่นภาคดนตรีไว้ใจได้ บรรยายระหว่างทางบ่อยแล้ว ความเนี๊ยบในการจัดเรียงที่อยากยกนิ้วให้ มีแค่ไม่กี่เพลงเท่านั้นที่รู้สึกเฉยๆ
-พาร์ทจุดเริ่มต้นซื้อใจผมได้แล้ว พาร์ทจุดสิ้นสุดนี่อยากให้ chef kiss เลย ความลุ่มลึกทางความคิดของจารย์โอมถูกแปลงด้วยภาษาเบสิคเข้าใจง่าย ด้วยความที่เก็บประสบการณ์การฟังที่หลากหลายของผม สิ่งที่ผมประสบพบเจอเอามาจับอารมณ์ร่วม มันเลยเข้าถึงสาสน์เพลงได้ไม่ยากเย็นเกินไป ผมเลยชอบพาร์ท Ωmega เป็นพิเศษเลย
-ยอมรับอย่างหน้าไม่อายเลยว่า ติดตามพวกพี่ช้าไปมาก แต่ก็ยังดีที่ผมได้สัมผัสถึงความคิดความอ่านที่เป็นรูปเป็นร่างจากวงร็อคแถวหน้าของเมืองไทยว่า เค้าคิดยังไงกับการคงสถานะการเป็นวงร็อคขวัญใจมหาชนไปพร้อมๆกับคงความเป็นศิลปะที่เข้าถึงได้ไม่ยากไปพร้อมๆกัน
เอาให้สุดเมื่อโชคชะตานำพา
Give 8/10
Thx 4 Readin’
See Y’all
โฆษณา