11 ส.ค. 2022 เวลา 05:30 • ธุรกิจ
ส่องรายได้ 6 เดือนแรก BGC 7.4 พันล้าน โต 17% รับดีมานด์ฟื้น ครึ่งปีหลังมุ่งเพิ่มประสิทธิการผลิตและมูลค่าสินค้า ขยายส่งออก
7
ภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์แก้วและแพคเกจจิ้ง ช่วง 6 เดือนแรก เจอกับความท้าทายด้านต้นทุนการผลิตสูงขึ้น จากราคาพลังงานและราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
2
อย่างไรก็ตาม ในด้านดีมานด์ “บรรจุภัณฑ์แก้ว” และ “แพคเกจจิ้ง” ได้รับผลบวกจากการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์สำหรับเบียร์ อาหารและเครื่องดื่ม หลังจากเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางและมาตรการล็อกดาวน์ รวมถึงประชาชนเริ่มคลายความกังวลต่ออาการเจ็บป่วยของโรค COVID-19 ส่งผลดีต่อธุรกิจท่องเที่ยว ร้านอาหารและสถานบันเทิง ที่กลับมาคึกคักมากขึ้น
2
สะท้อนจากผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกปีนี้ของบริษัทมหาชน “บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส” หรือ “BGC” ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วและแพคเกจจิ้งรายใหญ่ในไทยและภูมิภาคอาเซียน ซึ่งมีบุญรอดบริวเวอรี่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ มีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 7,355 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิ 325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับของปีก่อน
4
เนื่องจากรายได้และปริมาณการขายสินค้ากลุ่มบรรจุภัณฑ์แก้วและแพคเกจจิ้งเพิ่มขึ้น ทั้งจากการขายในประเทศไทยและตลาดส่งออก โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 2 ของปีนี้ มีรายได้จากการขาย 3,388 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ 108 ล้านบาท ชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากถูกกดันจากราคาพลังงานและราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เช่น เศษแก้ว, เศษแก้ว, โซดาแอช และเม็ดพลาสติก
1
จากผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2565 ถือเป็นข่าวดีของผู้ถือหุ้น BGC เตรียมรับเงินปันผลระหว่างกาล โดยล่าสุดบอร์ดบริษัทฯ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2565 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันระหว่างกาล อัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 69.44 ล้านบาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 22 สิงหาคมนี้ และรับเงินปันผลเข้าบัญชีในวันที่ 9 กันยายนนี้
ด้านแนวโน้มดีมานด์บรรจุภัณฑ์แก้วและแพคเกจจิ้ง ในครึ่งปีหลัง แม่ทัพของ BGC “ศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร” ในฐานะซีอีโอ มองว่า “ภาพรวมการใช้บรรจุภัณฑ์มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการผ่อนคลายความกังวลต่อสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ที่มีระดับความรุนแรงของอาการเจ็บป่วยลดลง ทำให้ผู้คนออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน กินข้าวข้างนอก เดินทางไปทำงาน ท่องเที่ยวในวันหยุด พบปะสังสรรค์ ภายใต้วิถีชีวิตแบบ New normal สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยบวกต่อความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์”
3
อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาพลังงานครึ่งปีหลังมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงต่อไป หากสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ยังไม่คลี่คลาย และจะเป็นปัจจัยหลักที่กดดันกำไรของภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์
BGC จึงวางแผนมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพและลดการสูญเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก ทั้งการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาปรับใช้ เพื่อควบคุมหรือลดต้นทุนการผลิตภายใต้โรงงานและยกระดับสู่ “Smart Factory” หรือ “โรงงาน 4.0” ที่ขับเคลื่อนกระบวนการผลิตด้วยด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
1
พร้อมทั้งปรับสูตรการผลิตให้สอดคล้องกับราคาวัตถุดิบในแต่ละช่วงเวลา เพิ่มกำลังการผลิตโดยการปรับปรุงเตาหลอมแก้ว ควบคุมสต๊อกสินค้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม พัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มแก่สินค้า เจรจาขอปรับราคาหากต้นทุนยังปรับขึ้นต่อเนื่อง
ขณะที่กลยุทธ์การเติบโต จะมุ่งขยายตลาดส่งออกเพื่อรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรและมาร์จิ้นอยู่ในระดับที่ดี พร้อมกับนำเสนอสินค้าและบริการในรูปแบบ Total Packaging Solutions ที่มีความหลากหลายและบริการครบวงจร เพื่อยอดขายต่อรายและผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก
แม้ว่า BGC ได้ปรับตัวเพื่อลดผลกระทบบางส่วนจากราคาพลังงานและวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดการสูญเสียในระหว่างกระบวนการผลิต ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปรับใช้ เช่น การควบคุมอุณหภูมิเตาหลอมแก้วที่แม่นยำขึ้น เป็นต้น
1
ปรับสูตรการผลิตโดยไม่กระทบคุณภาพ เพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าที่มีอัตรากำไรที่ดี และสุดท้ายคือเจรจาขอปรับราคาสินค้าให้สอดคล้องกับต้นทุน เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่เหมาะสม
โฆษณา