12 ส.ค. 2022 เวลา 08:27 • หนังสือ
📚 รีวิวหนังสือ Play Nice But Win (Part 1) จากเด็กช่างสงสัยสู่ผู้ก่อตั้งบริษัทคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่อย่าง Dell 📚
“Play Nice But Win” 🏆
A CEO’s Journey From Founder to Leader
เขียนโดย Michael Dell
🙏🏻 สวัสดีครับเพื่อน ๆ แฟนเพจสิงห์นักอ่าน ก่อนอื่นเลยต้องขออภัยที่ช่วงนี้ผมหายหน้าหายตาไปไม่ได้รีวิวหนังสือเล่มใหม่ไปพักใหญ่ ๆ เลย เพราะยุ่ง ๆ กับงานประจำในช่วงที่ผ่านมา 😆 แต่วันนี้ผมมีหนังสือเล่มล่าสุดที่เพิ่งอ่านจบไป “Play Nice But Win” ที่แค่ชื่อก็น่าสนใจแล้ว เลยอยากจะมารีวิวให้ได้อ่านกันครับ
👉🏻 หากเอ่ยถึงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของบริษัท Dell นั้นเชื่อว่าหลายคนเคยได้ผ่านการใช้งานอุปกรณ์ของ Dell มาบ้างแน่นอน โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ laptop ของบริษัท Dell รวมไปถึงจอคอมพิวเตอร์ที่หลายบริษัทนั้นใช้งานครับ
แน่นอนครับว่าผู้ก่อตั้งบริษัทคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่อย่าง Dell ก็คือ Michael Dell นั่นเอง (ดูนามสกุลก็รู้เลย 😅) โดยหนังสือเล่มนี้ “Play Nice But Win” เป็นหนังสือที่ Michael Dell เป็นคนเขียนเองเลยครับ ซึ่งหนังสือเล่มนี้จะเล่าเรื่องราวของ Michael Dell ตั้งแต่เด็กจนไปถึงที่มาที่ไปของการมาก่อตั้งบริษัท Dell ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
อีกทั้งยังรวมไปถึงเหตุการณ์สำคัญที่ Michael Dell ตัดสินใจนำบริษัทออกจากการเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ออกมานอกตลาดเพื่อทำการ transform องค์กร หนังสือเล่มนี้น่าจะถูกใจคอหนังสืออัตชีวประวัติเลยครับ 😁
แค่ฟังเรื่องราวที่เกริ่นให้ฟังก็น่าสนใจมากแล้วครับว่าด้วยเหตุผลใด ทำไม Michael Dell ถึงอยากจะเอาบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์ครับ? แต่ก่อนหน้าจะไปถึงตอนแรก ผมจะขอเล่าเนื้อหาในส่วนที่เป็นเรื่องราวของเจ้าตัวตั้งแต่เด็ก ๆ ให้ทราบกันก่อนครับว่า Michael Dell นั้นตั้งบริษัทขึ้นมาได้อย่างไรกันครับ 🤔
1
……………..
“Extremely Curious” 😕😕😕
Michael Dell นั้นเป็นเด็กที่มีนิสัยช่างสงสัยตั้งแต่เด็กเลยครับ เรียกว่ามีความสงสัยใคร่รู้อย่างมากครับ เค้าใช้คำว่า “extremely curious” เลยนะครับ ซึ่งเค้าเองเล่าว่าน่าจะได้นิสัยนี้มาจากการที่พ่อแม่เค้าสนับสนุนและปลูกฝังนิสัยเหล่านี้ให้เค้า ตัวอย่างเช่น เวลาที่เค้าลองทำอะไร พ่อแม่เค้าจะไม่ทำโทษแต่จะยิ้มให้แทน ซึ่งทำให้เค้าเป็นคนชอบทดลอง แกะโน่นแกะนี่ตั้งแต่เด็ก ๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ครับ
และด้วยความที่คุณแม่ของเค้าเป็น stockbroker และคุณพ่อเป็นทันตแพทย์ พ่อแม่เค้าชอบพูดคุยกันเรื่องของเศรษฐกิจแถมยังมีหนังสือหรือนิตยสารทางธุรกิจต่าง ๆ ในบ้านเต็มไปหมด ทำให้ตัวเค้าค่อย ๆ ซึมซับสิ่งเหล่านี้ จนทำให้ตัวเค้ารู้สึกชอบเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
งานอดิเรกของ Michael Dell ตอนเด็ก ๆ คือ การไปแวะไปเดินดูของที่ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์อย่าง “RadioShack” รวมถึงอ่านนิตยสารที่เกี่ยวกับเรื่องคอมพิวเตอร์อย่าง “Bytes” โดยอ่านซ้ำไปซ้ำมาตั้งแต่ปกหน้ายันปกหลังเลย (เค้าว่างั้นเลยครับ 😂)
1
และหลังจากยุคที่คอมพิวเตอร์เริ่มเฟื่องฟูขึ้นมาเค้าก็อดไม่ได้ที่จะอยากมีคอมพิวเตอร์เป็นของตัวเองสักเครื่อง ซึ่งในเวลานั้นมีคอมพิวเตอร์ของ Apple ที่ชื่อว่า “Apple II” ออกมาวางขาย ซึ่งมีราคาสูงถึง 1,298 เหรียญในขณะนั้น (เทียบเท่าประมาณ 5,000 เหรียญในปัจจุบัน) 🖥
Michael Dell เลยตั้งใจว่าจะซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ให้ได้ โดยเค้าได้ทำงานหลาย ๆ อย่างเก็บเงินเองตั้งแต่อายุ 13 ขวบ แล้วใช้เงินเก็บของตัวเองขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่เพื่อที่จะซื้อคอมพิวเตอร์ Apple II ได้สำเร็จ และด้วยความที่ชื่นชอบคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมากเค้าก็ได้ไปเข้าร่วมกับกลุ่มคนที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ Apple ใน Houston ซึ่งยิ่งทำให้เค้าได้พูดคุยศึกษาเรื่องคอมพิวเตอร์นี้กับคนอื่นที่ชื่นชอบเรื่องเดียวกันมากยิ่งขึ้นไปอีก จนกระทั่งศึกษาไปถึงการดัดแปลงเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยตัวเองครับ
1
มีเรื่องหนึ่งที่เค้าเล่าไว้ในบทแรก ๆ คือมีอยู่ตอนหนึ่งที่เค้าลงเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ที่ไฮสคูล และอาจารย์ที่สอนได้แสดงวิธีการเขียนโปรแกรมในภาษา BASIC ตัวเค้าซึ่งมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์มากพอสมควรได้แสดงความเห็นว่าทำไมเราไม่เขียนโดยใช้ machine language ที่จะให้ผลลัพธ์ที่เร็วกว่ามาก ทันใดนั้นอาจารย์ก็ได้บอกว่าให้เค้าลองเขียนมาดูแล้วเอามาเทียบกันในคลาสหน้าว่าแบบไหนจะเร็วกว่า
ซึ่งสุดท้ายการเขียนโปรแกรมแบบที่ Michael Dell เสนอนั้นเร็วกว่าจริง ๆ ครับ ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็ได้แสดงให้เห็นว่าเค้าเป็นคนที่กล้าแสดงออกและกล้าแสดงความคิดเห็น ซึ่งถึงแม้ว่าจะขัดแย้งกับอาจารย์ก็ตาม ซึ่งเค้าบอกว่าหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นอาจารย์ท่านนี้ก็เหมือนจะไม่ชอบเค้าเอาเลยครับ 🤣🤣🤣
1
นอกจากนี้มีอยู่ฤดูร้อนครั้งหนึ่งที่เค้าได้ทำสมัครทำงานพิเศษเป็นเด็กขายสมาชิกของหนังสือพิมพ์ Houston Post โดยทำการสุ่มโทรเพื่อขายทางโทรศัพท์ ซึ่งด้วยความช่างสังเกตทำให้เค้าสังเกตเห็นว่า คนที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองใหม่ ๆ มักจะมีแนวโน้มเป็นกลุ่มคนที่สมัครสมาชิกหนังสือพิมพ์มากกว่า เช่นเดียวกับคนที่เพิ่งแต่งงานใหม่ ๆ ซึ่งจากการช่างสังเกตของเค้าทำให้เค้าไปที่เขตเพื่อขอดูรายชื่อคนที่เพิ่งจดทะเบียนสมรสในปีที่ผ่านมาทั้งหมด ซึ่งปรากฎว่าในเวลานั้นนี่ขอข้อมูลพวกนี้ได้นะครับ
ช่วงแรกนั้นเค้าก็เข้าไปจดรายชื่อด้วยตัวเอง แต่หลังจากนั้นเค้าก็เริ่มนำเอาคอมพิวเตอร์ Apple II ที่เค้ามีนี่แหละครับมาเข้าไปพิมพ์รายชื่อเก็บไว้เลยครับ หลังจากที่เค้าเห็นว่ามันได้ผลจริง เค้าก็ขยายผลเดินทางไปเขต (county) อื่น ๆ กับเพื่อน ๆ ของเค้าเพื่อที่จะเข้าไปขอรายชื่อคู่สมรสใหม่ในลักษณะเดียวกัน หลังจากนั้นเค้าก็ใช้วิธีส่งจดหมายเชิญชวนให้สมัครสมาชิกหนังสือพิมพ์หารายชื่อเหล่านั้นที่ได้มา ทำให้เค้าหาเงินได้ถึง 18,000 เหรียญในช่วงนั้นเลยครับ! 😱
หลังจากนั้นบริษัทคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่อย่าง IBM ก็ได้ออกคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ออกมา และด้วยนิสัยที่อยากรู้อยากเห็นของเค้า ก็ทำให้เค้าได้ทดลองแกะเครื่องคอมพิวเตอร์ของ IBM ดู และพบว่าอุปกรณ์ภายในนั้นเป็นแบบ Open Source ที่เราสามารถดูและศึกษาการทำงานของมันได้ว่าแต่ละส่วนทำงานอย่างไร
นอกจากนั้นสิ่งที่เค้าเจอที่สำคัญอีกอย่างคือ ชิ้นส่วนหรือชิพภายในของเครื่องคอมพิวเตอร์ของ IBM นั้นไม่มีอะไรข้างในเป็นของ IBM เลย แถมระบบปฏิบัติการก็ไม่ใช่ของตัวเอง โดย IBM นั้นใช้ MS-DOS ซึ่งเป็นของบริษัท Microsoft ครับ (ใครทันบ้างยกมือขึ้น! 🙌)
ชิ้นส่วนแต่ละอย่างนั้นที่ล้วนมาจากบริษัทผู้ผลิตรายอื่นทั้งนั้น ซึ่ง Michael Dell ก็คิดว่าเค้าสามารถไปซื้อเองได้จากร้านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เหล่านี้อย่างร้าน RadioShack ซึ่งทำให้เค้าได้มองเห็นช่องทางของการดัดแปลงคอมพิวเตอร์เพื่อเอานำไปขายเองครับ
เผอิญมีพ่อของเด็กคนหนึ่งที่เค้าได้ไปสอนคอมพิวเตอร์ให้อยากให้ Michael Dell ดัดแปลงคอมพิวเตอร์ของตัวเค้าให้เหมือนกับของ Michael Dell ที่มีการดัดแปลงให้มีความเร็วมากกว่าและมีความจุมากกว่า ซึ่ง Michael Dell ใช้เวลาทำเพียงไม่นานเท่านั้นเอง ซึ่งได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจมาก ทำให้ทนายคนนั้นบอกต่อกับคนรู้จักคนอื่นรวมถึงคนในวงการแพทย์คนอื่นด้วย ทำให้ Michael Dell เริ่มมีคนมาจ้างให้ดัดแปลงคอมพิวเตอร์มากขึ้นจากการบอกต่อปากต่อปาก
หลังจากนั้นก็มีหมออีกคนหนึ่งอยากได้คอมพิวเตอร์ IBM สักเครื่องที่เหมาะสมโดยมาขอคำปรึกษาจาก Michael Dell ทำให้เค้ารับอาสาไปซื้อคอมพิวเตอร์และชิ้นส่วนต่าง ๆ มาประกอบเสียเอง โดยขายในราคาที่ไม่แพงนัก ซึ่ง Michael Dell นั้นมองเห็นความต้องการของผู้ใช้งานบางกลุ่มเช่น กลุ่มคนทำงานที่ต้องการคอมพิวเตอร์ที่เร็วมากขึ้นและมีประสิทธิภาพมากกว่ารุ่นมาตรฐานที่ขายในตลาด
และหลังจากนั้นก็มีคนอยากได้คอมพิวเตอร์แบบนี้เข้ามาอีก จนเป็นที่มาก็ธุรกิจที่ขยายตัวออกไปกว้างอย่างไม่น่าเชื่อครับ...👍🏻👍🏻👍🏻
……………..
“Start Me Up” 💻
หลังจากที่ Michael Dell เรียนจบไฮสคูลแล้วเค้าก็ได้สมัครเข้า University of Texas เพื่อที่จะศึกษาต่อทางด้านแพทยศาสตร์แบบที่พ่อเค้าอยากให้เรียน 😲 เค้าก็ได้ย้ายเข้าไปอยู่ที่อพาร์ตเมนท์ที่เมือง Austin
โดยเค้าก็ยังคงทำการดัดแปลงคอมพิวเตอร์ขายอยู่ ซึ่งขายดีมากจนทำให้เค้าสั่งซื้อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆในราคาส่งมาจำนวนมากและเก็บไว้ในที่อพาร์ตเมนท์จนกระทั่งไม่เหลือที่ในอพาร์ตเมนท์ที่เค้าเช่าอยู่กับเพื่อนอีกคนหนึ่ง จนกระทั่งเค้าต้องย้ายที่อพาร์ตเมนท์ไปอีกที่หนึ่งเพราะไม่มีที่เหลือให้เพื่อนร่วมห้องอีกคนอยู่เลยครับ 😅
นอกจากธุรกิจที่ทำอยู่นี้แล้ว ด้วยความที่เค้ามีความเป็น entrepreneurship สูงมาก ๆ และเค้ามองเห็นโอกาสจากการที่เค้าได้เดินทางไปเมืองต่าง ๆ และเห็นว่าในแต่ละเมืองนั้น บางเมืองก็หาซื้อคอมพิวเตอร์ได้ยาก บางเมืองในบางร้านก็มีของก็บ stock ไว้มากเกินไป เค้าบอกว่า ณ เวลานั้นเค้าไม่รู้จักคำว่า “Arbitrage” หรอกครับ
แต่เค้าก็ใช้โอกาสนี้ที่เค้าเห็น demand และ supply ในแต่ละเมืองไม่เท่ากัน โดยไปซื้อคอมพิวเตอร์ที่เหลือจากเมืองอื่นและจัดส่งไปยังที่ ๆ มีความต้องการครับ ซึ่งเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่เค้าทำเงินได้ดีทีเดียวครับในสมัยนั้น 💸
👉🏻 ธุรกิจคอมพิวเตอร์ของ Michael Dell เป็นที่รู้จักกันกว้างขวางมากขึ้นจนกระทั่งเรื่องนี้ไปเข้าหูพ่อแม่ของเค้า ซึ่งต้องบอกว่าตั้งแต่แรกที่เค้าทำธุรกิจนี้ เค้าก็ไม่ได้บอกพ่อแม่เค้า จนเรื่องเข้าหูแล้วพ่อแม่เค้าบินมาเซอร์ไพรส์เค้าที่ Austin และทราบว่าเค้าเอาเวลาไปทุ่มเทให้กับการขายคอมพิวเตอร์มากกว่าสนใจการเรียน จนกระทั่งเค้าต้องพยายามที่จะตั้งใจไปกับการเรียนอีกครั้งแต่ก็ทำได้ไม่นาน
ด้วยความที่หลงในคอมพิวเตอร์มาก ๆ ก็ทำให้เค้าหันกลับมาทำธุรกิจนี้ต่อไปอีก แถมกลับมาจริงจังมากขึ้นโดยที่ไม่ได้บอกพ่อแม่เพราะกลัวท่านจะเสียใจ จนสุดท้ายเค้าจำเป็นต้องบอกพ่อแม่ว่าจะทำธุรกิจนี้ต่อไป โดยอ้างว่าสามารถขอพักการเรียนไว้ก่อนได้โดยไม่โดนค่าปรับใด ๆ จากมหาวิทยาลัยและสามารถกลับไปลงทะเบียนได้ใหม่หากต้องการ ซึ่งเค้าเลยให้คำสัญญากับพ่อแม่ว่าหากธุรกิจที่เค้าทำนั้นไม่เวิร์ค เค้าจะกลับไปจริงจังกับการเรียนอีกครั้งครับ...
หลังจากนั้นเค้าก็เริ่มหาทางขยับขยายต่อ เมื่อเค้ามองว่าที่อพาร์ตเมนท์ที่เค้าอยู่นั้นไม่สามารถเก็บของได้เพียงพอกับที่เค้าต้องการอีกต่อไปแล้ว เค้าจึงย้ายออกไปเช่าห้องที่คอนโดแห่งหนึ่งที่มีเพดานสูงไว้สำหรับสามารถเก็บของได้เยอะ ๆ พอเริ่มขายเยอะ ๆ ขึ้น เค้าจึงเริ่มคิดทำเป็นธุรกิจแบบเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น โดยค่อย ๆ เรียนรู้เรื่องการจัดเก็บเอกสารต่าง ๆ โดยเริ่มทำธุรกิจในนาม “PC’s Limited”
หลังจากทำต่อไปได้สักพัก ก็มีลูกค้าเก่ารายหนึ่งที่ชื่อ Kelly Guest มาเสนอว่าทำไม Michael Dell ถึงไม่ทำการจดทะเบียนบริษัทอย่างเป็นเรื่องเป็นราวหละ
โดย Kelly Guest จะช่วยดำเนินการให้แลกกับการที่ให้เค้านั้นทำการอัพเกรดคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ให้ ซึ่งตัว Michael Dell นั้นสนใจเป็นอย่างมากและตอบตกลงโดยทันที ซึ่งในที่สุดแล้ว Michael Dell ก็ได้จดทะเบียนบริษัทของตัวเองเป็นครั้งแรกในชื่อ ”PC’s Limited” แต่เรียกชื่อบริษัทตัวเองในการทำธุรกิจว่า “Dell Computer Corporation” เพราะว่าชื่อ PC’s Limited นั้นเป็นชื่อที่ดูทั่วไปจนเกินไป (จากคำแนะนำของ Kelly Guest)
👉🏻 หลังจากนั้น Michael Dell ก็ไม่ได้กลับไปเรียนอีกเลยครับ...และที่สำคัญตอนนั้นเค้าอายุเพียง 19 ปีเท่านั้นเองครับ ลองนึกย้อนกลับไปเล่น ๆ ครับว่าตอนพวกเราอายุ 19 ปีเราทำอะไรกันอยู่ครับเวลานั้น
……………..
📌 ต้องอุทานว่า อื้อหืออออ กับเรื่องราวการตั้งต้นสร้างธุรกิจของ Michael Dell เลยนะครับว่าเป็นคนที่มีความเป็น entrepreneurship สูงมาก ๆ เลยครับ รวมถึงนิสัยที่ช่างสังเกตและอยากรู้อยากเห็นที่ต้องยกเครดิตให้คุณแม่คุณแม่ของเค้าด้วยเลยครับ 👍🏻
🌟 Michael Dell นั้นรักในสิ่งที่เค้าทำมากจริง ถึงขนาดยอมหยุดเรียนเพื่อที่จะมาตั้งบริษัทของตัวเอง ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่เราที่เป็นผู้อ่านหรือผู้ฟังต้องลองคิดดี ๆ นะครับ ต้องบอกว่าในยุคสมัยนั้นคอมพิวเตอร์ก็ยังไม่ได้มีขายกันแพร่หลายมากอย่างในทุกวันนี้ และการที่ Michael Dell คิดที่จะทำธุรกิจขายคอมพิวเตอร์นั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งใหม่มาก ๆ ในช่วงเวลานั้นเลยนะครับ
แน่นอนว่าการจะทำอะไรที่เป็นสิ่งใหม่ จำเป็นจะต้องมีความกล้าทดลอง และหลายครั้งก็ต้องมีเรื่องที่ขัดแย้งกับคนรอบตัวหรือมีคนที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เราทำเหมือนกับที่พ่อแม่ของเค้าก็ไม่เห็นด้วยในช่วงแรกครับ...แต่ก็ต้องผ่านมันมาให้ได้ครับ
👉🏻 ในตอนต่อไปเราจะมาเล่ากันต่อถึงบริษัท PC’s Limited ที่เติบโตเป็นอย่างมากจนกระทั่ง Michael Dell สามารถนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ขึ้นชื่อว่าเป็น Public Company ได้สำเร็จ แต่กว่าจะไปถึงจุด ๆ นั้นได้ Michael Dell ต้องเจอกับอะไรบ้าง มาติดตามกันในตอนต่อไปครับ...
ถ้าไม่อยากพลาดการติดตามการรีวิวหนังสือดี ๆ แบบละเอียดยิบ ฝากกด Like กดติดตามเพจ รวมถึงยังติดตามได้อีกหนึ่งช่องทางทาง facebook : สิงห์นักอ่าน
โฆษณา