Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Phuerich Phue Petchpichai
•
ติดตาม
13 ส.ค. 2022 เวลา 13:18 • นิยาย เรื่องสั้น
พรานล่าคน ตอนที่ 128 (ภาคนายพรานผู้ทรนง 5)
“ เจ้าเป็นใคร ทำไมถึงไปยืนบนแท่นอาสน์ท่านผู้เฒ่าพวกข้า “ เสียงนั้นดังมา
“ เจ้าก็เพ่งพิจารณาดีๆ สิ ว่าข้าคือใคร กะสุระ “ เจมส์พูดออกไปพร้อมชี้ไม้ไปยังวิญญาณนั้น
“ อ่า...ท่านผู้เฒ่ามังสินทยา ผู้ถืออาญาสิทธิ์ ข้าขอคารวะท่าน “ เสียงวิญญาณนั้นดังขึ้นพร้อมนั่งลง
1
“ ทำไมพวกเจ้าไม่ไปผุดไปเกิดเสียที ทั้งที่ข้าจากพวกเจ้าไปตั้งนานแล้ว “ เสียงเจมส์ถามขึ้นมา
“ พวกข้ารอข่าวจากองค์พ่อเจ้าอยู่หัวและตัวท่านผู้เฒ่าอยู่จึงไม่สามารถไปไหนได้ “ เสียงวิญญาณนั้นตอบมา
“ พวกเจ้าห่วงอันใดและอยากรู้สิ่งใดอีกหรือ “ เจมส์ถามไป
“ พวกข้าห่วงเพราะที่นี่คือแดนดินที่พวกข้ารอท่าน สิ่งที่พวกข้าอยากรู้คือองค์พ่อเจ้าอยู่หัวของพวกข้าเป็นเช่นไร หากท่านผู้เฒ่ารู้โปรดบอกพวกข้าด้วยเถิด “ เสียงวิญญาณนั้นถามมา
“ พวกเจ้าจงฟังให้ดี นี่คือคำโองการขององค์พ่อเจ้าอยู่หัว ทรงสั่งมาว่าให้พวกเจ้าจงไปผุดไปเกิดในภพภูมิที่พวกเจ้าได้กระทำมาเพราะที่ผ่านมา องค์พ่อเจ้าอยู่หัวได้ทำการตีเมืองอโยธยาและปราบหัวเมืองได้ทุกแค้วนทั่วทั้งสิบทิศแล้ว และองค์พ่อเจ้าอยู่หัวได้อยู่รอพวกเจ้า ณ.ดินแดนทางทิศตะวันตกนั่นแล้ว “ เจมส์พูดออกไป
“ ท่านไม่ได้พูดเพื่อให้พวกข้าหลงดีใจ เพื่อพวกข้าจะหลุดพ้นห่วงนี้นะ ท่านผู้เฒ่า “ เสียงวิญญาณนั้นถามมา
“ พวกเจ้าก็น่าจะรู้และมองเห็นทุกอย่างแล้ว กะสุระ “ เสียงเจมส์ตอบไป
“ พวกข้ารู้ว่าท่านไม่ได้โกหกพวกข้า ท่านพูดความจริงมิเช่นนั้นภาพของผู้เฒ่ามังสินทยาจะจางหายไป พวกข้าขอฟังคำสั่งจากท่านเพื่อพวกข้าจะได้หลุดพ้นเสียที “ เสียงวิญญาณนั้นดังมา
เจมส์ยกไม้ขึ้นมาและกระแทกลงดินเสียงดังสนั่นอีกครั้ง พร้อมพูดออกไปดังๆ
“ พวกเจ้าจงฟังให้ดี ข้าคือมังสินทยา ผู้ถืออาญาสิทธิ์จากองค์พ่อเจ้าอยู่หัว มาบอกกล่าวให้พวกเจ้าไปผุดไปเกิดเสีย อย่าได้ห่วงอาวรณ์ใดๆ อีกเลย “ เจมส์เอ่ยออกไป
เจมส์พูดจบพร้อมยกไม้กระแทกพื้นดินอีกครั้ง ครั้งนี้มีเสียงดังกึกก้องมากกว่าเดิมและยังเกิดหมอกควันทั่วทั้งไม้เท้าพุ่งไปยังกลุ่มวิญญาณเหล่านั้น วิญญาณเหล่านั้นนั่งคุกเข่าพนมมือ หมอกควันนั้นก็ห่อหุ้มเอาดวงวิญญาณเหล่านั้นไปในทางทิศตะวันตกไปจนหมด เมื่อวิญญาณเหล่านั้นจางหายไปแล้ว ท้องฟ้าที่มืดมัวก็สว่างขึ้นมาทันที เสียงสรรพสัตว์ต่างๆ ร้องดังไปทั่ว
“ นาย..นายคือมังสินทยากลับชาติมาเกิดหรือ “ ส่างทูลถามขึ้นมา
“ ไม่รู้สิ ผมจำเรื่องราวอดีตไม่ได้ “ เจมส์พูดไป
“ แต่ผมว่านายคือมังสินทยาจริงๆ ถ้าไม่ใช่วิญญาณเหล่านั้นคงไม่เชื่อยอมไปผุดไปเกิดหรอก “ ส่างคำพูดมา
“ ถ้าคิดว่าใช่ มันก็คือใช่ ส่วนตอนนี้ผมก็คือตัวผม เพราะผมไม่รู้เรื่องราวอดีตชาติเก่าก่อน ของผม ตอนนี้ผมชื่อเจมส์ “ เจมส์พูดไปพร้อมเอาไม้พิงไว้ที่โคนต้นไม้และเดินออกไป
“ นาย ส่างทูลขอไม้เท้านั่นได้ไหม “ ส่างทูลพูดพร้อมหยิบไม้ขึ้นมา
“ ส่างทูลขอให้ข้าเถอะ เพราะนายอยู่กับแกอยู่แล้ว “ ส่างคำพูดไป
“ ให้ส่างคำไปเหอะ ถ้ามันมีประโยชน์กับเขา ส่วนส่างทูลมีดีกว่าผมเยอะจะเอาไปทำอะไร กับไม้เท้าคนแก่ เดี๋ยวผมให้อย่างอื่นกับส่างทูลละกัน “ เจมส์พูดมา
“ ครับนาย เอ้า....ส่างคำรักษาไว้ให้ดีนะ ของนายให้เอ็งแล้ว “ ส่างทูลพูดพร้อมยื่นไม้ให้
“ ขอบใจส่างทูล ข้าจะเอาไปแกะเป็นไม้เท้าประจำบ้านข้า ข้าจะเอาไว้ใต้หิ้งพระบ้านข้า เพื่อลูกหลานข้าจะได้กราบไหว้ ลำรึกถึงท่านมังสินทยา และ ตัวของนายตลอดไป “ ส่างคำพูดพร้อมยกไม้นั้นขึ้นเหนือหัว
“ เก็บไว้ดีๆ นะส่างคำ แต่ตอนนี้เราจะทำอย่างไรกับเหล่าวัวแดงเหล่านี้ “ เจมส์ถาม
“ ไม่ยาก เดี๋ยวชำแหละแบ่งๆกันขนกลับบ้าน “ ส่างคำพูดมา
“ งั้นเรานอนที่นี่อีกคืน พรุงนี้ค่อยกลับ ไม่ล่าต่อแล้วเนื้อวัวพวกนี้หามกลับกันหลังอานแน่ๆ “ ชาวบ้านพูดมา
“ งั้นมาสร้างปางพักกันเถอะ ว่าแต่จะไม่มีพวกนั้นมาหาเราอีกนะนาย ผมกลัว “ ชาวบ้านอีกคนพูด
“ ชื่อเดิมที่นี่ชื่อโป่งอะไรหรือส่างทูล “ เจมส์ถามไป
“ ที่นี่ชาวบ้านเรียกว่าโป่งผีหลอก “ ชาวบ้านตอบแทนส่างทูล
“ งั้นเปลี่ยนชื่อใหม่เสีย ตั้งแต่นี้ไปโป่งนี้ชื่อโป่งวัวแดง “ เจมส์บอกไป
“ ดีเหมือนกัน เพราะโป่งนี้ส่วนมากพวกวัวจะเข้ามากินเป็นประจำ “ ส่างทูลพูด
“ พวกเราต่อไปนี้ห้ามเรียกโป่งผีหลอกนะให้เรียกโป่งวัวแดง วิญญาณทั้งหลายจะไม่ได้มาหา “ ชาวบ้านพูด
“ ได้ กลับไปจะได้ไปบอกคนอื่นๆรู้ “ ชาวบ้านอีกสองสามคนตอบมา
จากนั้นก็แบ่งกำลังคนบางส่วนได้สร้างปางพักตรงใกล้ๆ กับเนินดินนั้น บางส่วนก็ไปชำแหละเนื้อวัว เมื่อสร้างปางพักเสร็จก็เอาเนื้อวัวที่ชำแหละ รวมถึงกระดูก หนัง มาย่างรมควันไว้ คนที่ชำแหละก็ชำแหละไป คนเอามาย่างก็ช่วยกันพลิกเนื้อที่ย่างรมควันหลังจากทานข้าวกลางวันแล้ว เจมส์ ส่างทูล ส่างคำ และชาวบ้านอีก 2 คน พากันไปบริเวณท้ายโป่งที่มีแอ่งน้ำอยู่เพื่อไปนั่งดักยิงสัตว์ปีก อย่างไก่ป่า นกเปล้า แต่เมื่อนกกับไก่ป่าลงมากินน้ำกลับไม่มีใครยิงเพราะปืนที่เอาไปทั้งหมดเป็นปืน
ไรเฟิลขนาดใหญ่ทั้งนั้น
เจมส์จึงยิงหมูป่าตัวไม่ใหญ่ 2 ตัวเพื่อจะเอาไปย่างกินค่ำนี้
“ อยากกินแกงนก ดันได้หมูไม่รู้ว่านายจะยิงหมูตัวเล็กทำไม ตัวใหญ่ก็มี “ ส่างทูลบ่น
“ เอาน่าเดี๋ยวเย็นนี้ทำให้กิน แล้วจะบอกว่าอร่อย “ เจมส์พูด
“ ไอ้ส่างเอ็งอย่าบ่นเลย มาช่วยกันหามกลับปางก่อน “ ส่างคำพูด
จากนั้นทั้งหมดก็พากันกลับปางพัก เมื่อไปถึงเจมส์จัดการเรื่องหมูที่จะเอาย่าง แต่ชาวบ้านบอกว่าเดี๋ยวทำให้จนเสร็จก่อนแล้วค่อยจัดการต่อ เจมส์ก็ปล่อยชาวบ้าน
ทำหมูทั้งสองตัวจนเสร็จ จากนั้นเจมส์เอาผงปรุงรส เกลือ มาทาตามตัวหมูจนทั่ว จากนั้นก็ให้ชาวบ้านเอาใส่ไม้หนีบที่เป็นไม้ไผ่ผ่าครึ่งหนีบย่างบนถ่านไฟแดงๆ
เจมส์ค่อยๆพลิกไป มา อยู่อย่างนั้นนานจนเกือบบ่าย 4 น้ำมันของหมูที่ย่างหยดลงบนถ่านไฟส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว
“ นายไอ้หมูที่ย่างนี่น่าอร่อยจริงๆ ห้อม..หอม... “ ส่างทูลมากระซิบบอก
“ เดี๋ยวก็รู้ว่าอร่อยไหม เพราะผมก็พึ่งทำครั้งนี้ครั้งแรกเหมือนกัน “ เจมส์บอกไป
“ นายกลิ่นแบบนี้ไม่อร่อยก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว “ ส่างทูลพูด
“ นายเมื่อไหร่จะได้กินครับ ส่างคำทนท้องร้องจ๊อกๆ มานานแล้วนะ “ ส่างคำพูดมา
“ สักครู่เดี๋ยวก็สุกทั่วแล้ว “ เจมส์พูดไป
“ นายไอ้พวกนั้นขอกินกับน้ำใสๆได้ไหม “ ส่างคำถาม
“ ก็แล้วแต่สิ จะกินกับอะไรก็แล้วแต่ แต่ตอนนี้ต้องย่างให้สุกก่อนก็แล้วกัน “ เจมส์พูดไป
“ ครับนาย “ ส่างคำพูดมา
เจมส์ย่างหมูจนได้ที่จึงให้ชาวบ้านยกมาวางไว้บนแคร่ที่ทำขึ้นมา จากนั้นก็ใช้มีดแซะผ่านหนังที่กรอบ หั่นผ่าหนังออกมาส่างคำรีบเอาหนังนั้นใส่กระทงใบตองเอาไปสับๆ ให้เป็นชิ้นเล็กๆ เจมส์จึงสั่งให้เอาใส่กระทงเล็กอีกสามใบ เพื่อเอาไปถวายเจ้าที่ เจ้าป่า และวิญญาณที่ยังหลงเหลืออยู่ที่นั่น ส่างคำก็ทำตาม จากนั้นไม่ถึง 3 ชั่วโมง หมูทั้งสองตัวก็เหลือแต่กระดูก ชาวบ้านที่ดื่มเหล้าก็เริ่มหน้าตึงๆ
“ นายคราวหน้าทำอย่างนี้อีกนะ อร่อยจริงๆ “ ส่างทูลพูด
“ นานๆ ถึงจะเจอหมูขนาดนี้ ถ้ามีโอกาสก็จะทำให้กินอีก “ เจมส์พูด
“ ข้าว่านะไอ้ส่าง ต่อไปนี้หมูรุ่นนี้คงตายอีกเยอะ เพิ่งรู้ว่ารสชาติมันอร่อยได้ใจจริงๆ “ ส่างคำเสริมมา
“ ข้าก็ว่างั้นแหละ ว่าแต่นายจะทำอย่างไรต่อในคืนนี้ “ ส่างทูลพูดมา
“ คืนนี้เราพักกันก่อน พรุ่งนี้เช้าก็ค่อยแยกทางกัน เรากลับไปตองจี พวกนี้ก็กลับเมืองลา “ เจมส์พูด
“ ได้ครับนาย ถ้าจะให้ไอ้พวกนั้นไปส่องสัตว์ มีหวังได้นอนในป่านั่นแหละ เมาแอ๋ซะขนาดนั้น “ ส่างคำพูด
“ แล้วมีใครไม่สบายไหม “ เจมส์ถาม
“ มีไอ้ใสกับไอ้หมาย ตอนนี้เข่ามันปวดและเริ่มบวมแล้ว สงสัยจะแพ้เหล้า “ ส่างคำพูด
“ ส่างคำ...ถ้าเขาปวดมากให้เขาทายาที่ผมทำขึ้นมานะ เขาจะหายไม่เช่นนั้นเขาจะทรมาณจนตาย “ เจมส์บอก
“ ครับ.. แต่ไอ้ใสมันรั้น ผมก็จะพยายามพูดให้มันฟังบ่อยๆ แล้วแต่มันก็บอกว่ามันรักษาได้ “ ส่างคำบอก
“ รู้ไหมว่าเขาเป็นอะไร “ ส่างทูลถาม
“ ถูกพิษโป่งแน่นอน “ ส่างคำพูด
“ มันถูกเสี้ยนตำ ถูกไม้บาดด้วยไหม “ ส่างทูลถาม
“ ไม่มี แต่มันบอกว่าก่อนลงมาเข่าของมันขัดๆ อย่างไรไม่รู้ จนมาถึงตอนค่ำๆ มันเจ็บและบวม “ ส่างคำบอก
“ เมื่อคืนก่อนผมกึ่งหลับกึ่งตื่นเห็นว่าเขานั่งบนห้างแต่เข่าของเขายื่นล้ำออกมาจากลูกห้าง เลยถูกวิญญาณเอามือไปสัมผัสตรงเข่า “ เจมส์บอกไป
“ นั่นแหละครับเขาเรียกถูกพิษโป่ง หรือเรียกอีกอย่างคือ ผีใส่พิษโป่ง ถ้าแก้ไม่ได้ แก้ไม่ทัน ตายอย่างเดียว และตายอย่างทรมาณด้วยเพราะมันจะปวดทั่วไปหมด “ ส่างคำพูดมา
จากนั้นทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปนอนตามที่ตนเองได้จับจองไว้ เจมส์ ส่างทูลผูกเปลนอนใกล้ๆกัน โดยอยู่ที่ริมต้นไม้ที่เจมส์เคยนั่งห้าง คนที่ไม่มีเปลก็นอนบนแคร่ หรือใบตอง จะไม่มีใครนอนกับพื้นโดยตรงเพราะทุกคนกลัวพิษโป่ง คนนอนก็นอนไป คนเป็นเวรยามก็คอยพลิกเนื้อที่ย่างไปด้วย เนื้อบางส่วนที่แล่ออกมาเอาไว้ปิ้งกินเล่นๆ ยามเฝ้าเวรก็กองอยู่หน้ากองไฟ จวบจนเกือบตีสอง ใสกับหมาย ที่ป่วยเริ่มมีอาการกระสับกระส่าย ร้องครางด้วยความเจ็บปวด ทุกคนรีบตื่นมาดูอาการ ก็พบว่าเข่าของทั้งสองคนนั้นบวมใหญ่มากและมีสีม่วงคล้ำ
และไม่ใช่บวมที่เข่าอย่างเดียวตอนนี้เริ่มแผ่ออกไปยังน่องและขาแล้ว ส่วนที่น่ากลัวที่สุดคือตรงข้างๆสบ้าหัวเข่าของใส เพราะดูแล้วเหมือนจะมีหัวฝีปูดออกมาอย่างชัดเจน
“ ไอ้ใส ไอ้หมายเป็นไงบ้าง “ ส่างคำถาม
“ ข้าปวด ปวดมาก “ หมายบอกไป
“ ของข้าปวดเข้ากระดูกเหมือนมีอะไรมากัดกินกระดูก ขยับเหมือนจะหลุดเป็นท่อนๆ “ ใสบอกไป
1
“ เอ็งกินยาแก้ปวดไปหรือยัง มีเหลืออีกไหม “ ชาวบ้านอีกคนถาม
“ ไม่มีแล้วข้ากินไปหมดแล้ว พอหมดฤทธิ์ยามันก็ปวดมากกว่าเดิม “ หมายบอก
“ ใครมียาแก้ปวดไหม ขอให้ไอ้หมายมันหน่อย “ ชาวบ้านอีกคนถามมา
“ ข้ามีนี่ซอง เอ้า..เอาไปกินซะ “ ชาวบ้านอีกคนตอบมาและยื่นซองยาให้
“ ที่ข้ามีอีกซอง “ ส่างทูลบอกไป
“ ของเอ็งเก็บไว้ก่อนไอ้ส่าง เอ็งยังต้องเดินทางอีกไกล “ ส่างคำพูดมา
“ เอาไงดี ส่างคำ ดูท่าไอ้หมายแล้วอาการหนักนะเนี่ย “ ส่างทูลถามมา
“ ไอ้ใสก็ทำท่าไม่รอด นอนเป็นท่อนไม้ครางฮือๆ.. “ ชาวบ้านบอกมา
“ เดี๋ยวจะลองพูดให้มันฟังอีกที ยาของนายทำให้เอามารักษา “ ส่างคำตอบไป
“ ไอ้ใส แกปวกอยู่ไหมตอนนี้ “ ส่างคำถาม
“ ปวดมาก กินยาไปเมื่อกี้แทบไม่มีอะไรดีขึ้นเลย “ ใสบอกมา
“ เอายาของนายทาเถอะนะ เพราะตอนนี้เหลือยาคือของนายอย่างเดียวแล้ว “ ส่างคำพูดไป
“ ข้าไม่เอาหรอก ยาอะไรก็ไม่รู้ รักษาได้จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ดีไม่ดีเอาพิษมาใส่ข้าเพิ่มเข้าไปอีก “ ใสพูด
“ เฮ้อ....แล้วแต่กรรมแต่เวรเอ็งก็แล้วกันนะ พรุ่งนี้เช้าก็จะกลับกันแล้ว “ ส่างคำพูดไป
“ ส่างคำ ข้าขอยาของนายเถอะ ข้าทนไม่ไหวแล้ว “ หมายพูดไป
“ ได้ รอแป๊บข้าไปเอามาให้และจะบอกนายด้วย “ ส่างคำพูดพร้อมเดินออกไป
“ ไอ้หมาย เอ็งไม่กลัวเหรอนายเป็นใครไม่รู้ยังเป็นเด็กอยู่เลยจะแก้พิษโป่งได้เหรอ “ ใสบอกไป
“ ข้าไม่สนแล้ว พ่อปู่แก้วไม่ได้มาด้วยนี่ ข้าขอพึ่งนายละกัน “ หมายบอกไป
“ หมายเป็นไงเหรอ “ เจมส์ถามมา
“ มันปวดครับนาย นายรักษาผมด้วยนะ “ หมายพูดพร้อมยกมือไหว้
“ หมายต้องบอกผมตามจริงก่อนนะ “ เจมส์พูด
“ ครับนาย ผมจะบอกหมดทุกอย่าง “ หมายบอกไป
“ วันนี้ไปทำอะไรมาบ้าง “ เจมส์ถาม
“ ตอนเช้า ผมกับใสอยู่นอกวงอาณาเขตที่นายบอก บ่ายมาผมแอบไปนอนที่ใต่ต้นไม้โน่น ตอนเย็นผมกับหมายไปฉี่ใส่ของเครื่องเซ่นไหว้ นายผมขอโทษนะ ผมกลัว ผมสำนึกแล้ว “ หมายพูดไป
“ คราวหน้าอย่าทำแบบนี้นะ สิ่งที่เราไม่เชื่อหรือคิดว่าไม่มีหรือคิดว่าเราเก่งกว่าก็อย่าไปดูถูกเขาหรือทำร้ายเขา ให้ต่างคนต่างอยู่ หรือถ้าจะให้ดีควรเคารพเขาเพราะเขาอยู่มาก่อนเรา “ เจมส์พูด
“ ครับนายผมจะไม่ทำอีกแล้ว นายรักษาผมด้วยนะ ผมยังไม่อยากตาย “ หมายพูดพร้อมร้องให้
“ ได้เดี๋ยวผมรักษาให้ แต่ไม่ได้หายทันทีทันใดนะ นานกว่าจะหายขาด เมื่อหายดีแล้วก็จงรักษาคำพูดที่พูดมาเมื่อกี้ไว้ “ เจมส์พูด
“ ครับนาย ขอไม่ให้ผมตาย จะรักษานานสักเดือนผมก็ยอม “ หมายพูดมา
“ ไอ้หมายถ้าเอ็งให้นายรักษาแล้ว เอ็งจะไปรักษากับพ่อปู่แก้วไม่ได้แล้วนะ “ ใสตะโกนบอกมา
“ ทำไมเหรอใส “ เจมส์ถาม
“ มันจะผิดครูนะสิ พ่อปู่แก้วบอกว่าพิษที่นี่พ่อปู่รักษาได้คนเดียว ใครจะรักษาพิษต้องไปบอกพ่อปู่แก้วก่อน ไม่เช่นนั้นพ่อปู่แก้วจะไม่รักษาให้อีก “ ใสบอกไป
“ ทำไมเป็นแบบนั้นส่างคำ “ เจมส์หันไปถามเบาๆ
“ เวลารักษาพิษโป่งพ่อปู่แก้วจะมีค่าครูที่แพงมาก แต่จะว่าไปรักษาหายไปไม่กี่คน ส่วนมากตาย “ ส่างคำพูด
“ อ๋อ...แบบนี้นี่เอง ใสเคยรักษาแล้วใช่ไหม “ เจมส์ถาม
“ ใช่ ไอ้ใสเคยรักษาและหายมันเลยเชื่อพ่อปู่แก้วมาก “ ส่างคำบอก
“ หมายถ้าผมรักษาให้แล้ว หมายจะไปรักษากับพ่อปู่แก้วไม่ได้แล้ว ถ้าเกิดเป็นขึ้นมาอีกจะทำอย่างไร ผมก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ “ เจมส์ถาม
“ นายผมขอตอนนี้ผมหายปวดก่อน ต่อไปผมอาจจะเลิกล่าสัตว์ ไปทำสวนทำไร่เหมือนคนอื่นๆ “ หมายบอก
“ งั้นเอาแบบนี้นะ ถ้ารักษาหายแล้วให้เลิกเข้าป่าเพื่อล่าสัตว์แต่หาของป่าอย่างอื่นได้เช่นเห็ด หน่อไม้ สมุนไพร ถ้าสัตว์ที่เขาหมดกรรมหมดเวรแล้วเขาก็จะมาขอตายกับเราเอง “ เจมส์พูดไป
“ ครับนายถ้าผมหายแล้วผมจะเลิกเป็นพราน “ หมายตอบมา
“ ให้สัจจะกับผมแล้วนะ “ เจมส์ถามย้ำไป
“ ครับนาย ผมจะถือสัจจะนี้ไว้ อีกอย่างพ่อ แม่ ลูก เมีย ผมก็ขอร้องไว้เหมือนกัน “ หมายบอกไป
“ งั้นจงรักษาสัจจะนี้ไว้ให้ดี ตอนนี้เหยียดขามาหาผม เดี๋ยวจะใส่ยารักษาให้ “ เจมส์พูด
นายหมายเหยียดขามาหาเจมส์ ขณะที่เหยียดปากก็ร้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อเจมส์จัดท่าทางขาของหมายได้ที่แล้วจึงเอายาที่ทำไว้จากส่างคำมาทาตามหัวเข่า และค่อยๆขยายออกไปตามขาและน่องที่บวม เจมส์ทายาและนวดเบาๆร่วมไปด้วย หมายก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด นวดไปสักพักเจมส์สั่งให้เอายาแก้ปวดของส่างทูลที่เหลืออีกซองให้หมายกิน เจมส์ทายาให้หมายนานจนหมายเคลิ้มหลับเพราะฤทธิ์ยาหรือเพราะความเพลียก็ไม่อาจเดาได้ จนเจมส์ละมือจากหมาย ส่างคำรีบเอากระบอกน้ำมาล้างมือให้เจมส์
“ ขอบคุณนายมากๆที่รักษาไอ้หมายมัน ขอน้ำนี้ล้างพิษภัยที่ติดมากับมือออกไปให้หมด “ ส่างคำพูด
“ ขอบคุณครับ ส่างคำ น่าสงสารใสมัน ถ้าเขาเปิดใจเขาก็จะไม่ต้องเจ็บปวด ทรมาณ “ เจมส์พูด
“ ตามเวร ตามกรรมของมันเถอะนาย เราจะช่วยแล้วแต่เขาไม่อยากให้ช่วยก็หมดปัญญา “ ส่างคำพูด
“ เก็บยาที่เหลือนี่ไว้ด้วยนะ แบ่งให้หมายเก็บไว้บ้าง คงใช้ได้อีกนาน คนในครอบครัวเจ็บป่วยก็จงไปรักษาเขานะ “ เจมส์บอก
“ ครับนาย เดี๋ยวผมจะแบ่งให้หมายเอาไว้ใช้ ถ้ามันหมดจะทำอย่างไร “ ส่างคำถาม
“ เดี๋ยวผมจะบอกวิธีการทำให้ส่างทูล ถ้าหมดก็ไปหาส่างทูลนะ “ เจมส์พูด
“ ทำไมนายไม่สอนส่างคำบ้าง “ ส่างทูลถามมา
“ สอนส่างคำไม่ได้หรอก เพราะที่หมู่บ้านส่างคำมีพ่อปู่แก้วอยู่แล้ว ถ้าสอนส่างคำไปก็เท่ากับว่าหาศัตรูให้กับส่างคำนะสิ ยานี้เอาไว้ใช้กับตัว ครอบครัวญาติของส่างคำก็พอ “ เจมส์บอกไป
“ ครับนาย ส่างคำจะเก็บไว้ให้ดี “ ส่างคำบอกไป
สักพักก็แยกย้ายกันไปนอนเพราะตอนนี้คนป่วยทั้งสองคนก็หลับไปแล้ว เจมส์มาถึงที่นอนและกำลังจะนอนในเปลที่ผูกไว้ ส่างทูลก็เดินมาหา
“ นายผมคิดไปๆมาๆ แล้วที่นายบอกว่า ให้รักษาคนในครอบครัวและญาติ เท่ากับว่าไอ้ส่างคำมันก็ต้องรักษาคนทั้งหมู่บ้านนะสิ เพราะคนทั้งหมู่บ้านเป็นเครื่อญาติกันหมด ที่นายพูดมานายไม่ตั้งใจหรือไม่รู้ “ ส่างทูลถาม
“ ผมรู้ว่าทั้งหมดในหมู่บ้านเป็นเครื่อญาติกันหมด แต่คนทั้งหมดไม่ได้ยึดส่างคำเป็นญาติทั้งหมดนี่ ใครยอมรับส่างคำเป็นญาติก็เป็นญาติกัน ไม่ยอมรับก็ไม่ใช่ญาติ ก็เท่านั้นเอง “ เจมส์บอกไป
“ อ๋อ... งั้นผมเข้าใจแล้วครับนาย ที่จริงมันก็ง่ายๆแบบนี้นี่เอง ผมไปนอนละ “ ส่างทูลพูดและเดินออกไป
เจมส์เดินไปที่เปลและนอนเจมส์นึกไปถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกดขึ้นในที่แห่งนี้ทั้งในอดีตและปัจจุนัน มันทำให้เขาเริ่มเข้าใจบางอย่างขึ้นมาและเหมือนว่าเหตุการณ์ต่างๆ มันจะวนเวียนไปมาแบบนี้ แม้จะไม่เหมือนกันแต่ลักษณะเหตุการณ์คล้ายๆ กัน เจมส์นอนคิดไปก็คิดถึง หนิง เต้ ยัน อ้อย โป้ง ดุ๋ย พลอย ป๊อป สอง และต่อด้วยคนอื่นๆอีกหลายคน ที่เคยร่วมเรียน ร่วมฝึกด้วยกัน ตลอดจนถึงนางตะเคียนและภูติตนอื่นๆ ที่เคยช่วยเหลือเขา มโนสติของเขาเข้าสู่ภวังค์ฝัน
“ ผู้เฒ่า คิดอะไรมากมายขนาดนั้น “ เสียงที่เขาคุ้นเคยทักมา
งานเขียนนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย
ช่ออักษรา
Cr. เจ้าของภาพจากอินเตอร์เน็ต
เรื่องเล่าข้างกองไฟ
2 บันทึก
31
19
2
31
19
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย