14 ส.ค. 2022 เวลา 05:38 • กีฬา
เกิดอะไรขึ้นกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำไมพวกเขากลายเป็นบ๊วยพรีเมียร์ลีก ณ เวลานี้ 2 นัดแพ้รวด โดนยิง 6 ลูก วิเคราะห์บอลจริงจังจะไปลำดับเรื่องราวตั้งแต่แรก
3
จากวันนี้ไป เสื้อสีเขียวสะท้อนแสงของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะถูกจดจำในฐานะ "เสื้อที่แพ้เบรนท์ฟอร์ด 4-0" คือเปิดฉากมาใช้งานวันแรกก็โดนเละตุ้มเป๊ะเลย
3
แกรี่ ลินิเกอร์ ทวีตว่า "นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ แมนฯ ยูไนเต็ด โดนนำ 4-0 ใน 35 นาที ไม่แน่ใจว่าเสื้อสีเขียวตัวนี้จะได้ออกมาเห็นแสงตะวันอีกตอนไหน"
6
นี่คือจุดตกต่ำที่สุดใน ในรอบ 30 ปีของสโมสร การเป็นบ๊วยของลีกหลังจากผ่านไป 2 เกม นักเตะในทีมยิงไม่ได้เลยสักลูก (เกมกับไบรท์ตันที่ยิงได้เป็น Own Goal) และเสียประตูรวมกันถึง 6 ลูก เป็นทีมที่เสียประตูเยอะสุดในพรีเมียร์ลีก ณ เวลานี้ ร่วมกับเลสเตอร์ และเซาธ์แฮมป์ตัน
3
แล้วที่น่าสยองก็คือ สองทีมที่ชนะแมนฯ ยูไนเต็ด คือ ไบรท์ตัน อันดับ 9 จากฤดูกาลที่แล้ว และ เบรนท์ฟอร์ด อันดับ 13 จากฤดูกาลที่แล้ว ลองคิดดูว่า ทีมอันดับกลางๆ ตารางแมนฯ ยูไนเต็ด ยังเละขนาดนี้ แล้วถ้าเจอ แมนฯ ซิตี้, อาร์เซน่อล, สเปอร์ส, เชลซี และ ลิเวอร์พูล ตอนนี้ล่ะก็ คุณจะรอดได้ยังไง
6
สกอร์ 4-0 ที่เกิดขึ้นในเกมเบรนท์ฟอร์ด นับว่าน่าเหลือเชื่อมากๆ เพราะในฤดูกาลที่แล้ว เบรนท์ฟอร์ด ไม่ชนะใครด้วยผลต่าง 4 ลูก แม้แต่เกมเดียว แต่พวกเขามาทำได้ในปีนี้ กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนี่แหละ
3
เช่นเดียวกับเรื่องมูลค่าทีม เมื่อเทียบกัน นักเตะทั้งหมดของแมนฯ ยูไนเต็ด มีราคารวม 599 ล้านปอนด์ ส่วนของเบรนท์ฟอร์ด มีมูลค่า 248 ล้านปอนด์ ห่างกันมากกว่าเท่าตัว แต่พอเล่นในสนาม ฝั่งที่นักเตะมีมูลค่าสูงกว่า กลับเล่นบอลแบบคนละเกรด โดนสอนบอลยับ
1
เกมรับไร้ความหวัง เกมรุกหมดหนทาง กองกลางช่วยไม่ได้ เป็นสถานการณ์ที่เรียกว่า จุดต่ำสุดอย่างแท้จริง และถ้าไม่นับสมัยทีมตกชั้นเมื่อปี 1974 หรือเมื่อ 48 ปีก่อน ทีมชุดนี้ต้องยอมรับว่าดูมืดมนที่สุดแล้ว
บรรยากาศในโลกออนไลน์นั้น ตอนที่เบรนท์ฟอร์ดนำ 1-0, 2-0 แฟนบอลเริ่มจากการแซวก่อนเช่น
1
- รู้ยังล่ะว่าทำไมเฟรงกี้ เดอ ยอง หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ย้ายมา ใครจะอยากย้ายจากแชมเปี้ยนส์ลีก มาแชมเปี้ยนชิพล่ะ!
9
- อย่าไปโกรธคริสเตียโน่ โรนัลโด้เลย ที่ไม่อยากอยู่ต่อ
14
- ลิซานโดร มาร์ติเนซ บอกว่า ไม่อยากเป็นเหมือนฟาน ไดค์ แต่ก็ไม่เห็นต้องแปลงร่างเป็นจอห์น โอเช หรือ เวส บราวน์นี่หว่า!
10
(Note : ลิซานโดร มาร์ติเนซ สูง 175 ซม. ซึ่งถือว่าน้อย สำหรับตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก แต่เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ว่า "ผมไม่ขอเลือกจะเป็นแบบเวอร์จิล ฟาน ไดค์ หรอกนะ ส่วนสูงของเขาเป็นข้อได้เปรียบก็จริง แต่ถ้าหากคุณไม่มีคุณภาพในด้านอื่นด้วย มันก็ไม่มีค่าอะไรเลย")
14
- แต่อย่างน้อยแมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้แชมป์ Bangkok Century Cup นะ ....
25
คำแซวเฮฮาสารพัดในช่วงแรก แต่พอสกอร์ไหลไปเรื่อยๆ เป็น 3-0 และ 4-0 แถมทรงเกมที่ควรโดนลูกที่ 5 และ 6 อีกด้วย ความเฮฮาตรงนั้นได้เปลี่ยนไป เป็นการวิเคราะห์อย่างซีเรียสมากขึ้น ว่าทีมปีศาจแดงมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร หนึ่งในทีมที่รวยที่สุดในโลก และมีแฟนบอลมากที่สุดในโลกเนี่ยนะ จะเละเทะได้ขนาดนี้
1
สิ่งที่น่าสนใจคือ ปีสุดท้ายของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่แมนฯ ยูไนเต็ด ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก คือฤดูกาล 2012-13 โดยในปีนั้น แชมป์ของ 5 ลีกใหญ่ ประกอบไปด้วย
3
พรีเมียร์ลีก - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
1
เซเรียอา - ยูเวนตุส
ลาลีกา - บาร์เซโลน่า
บุนเดสลีกา - บาเยิร์น มิวนิค
ลีกเอิง - เปแอสเช
เราจะเห็นว่า นอกจากแมนฯ ยูไนเต็ดแล้ว อีก 4 ทีมที่เหลือ พวกเขารักษามาตรฐานดีทั้งหมด บาเยิร์น และ เปแอสเช คือแชมป์ปีล่าสุด ส่วนยูเว่กับบาร์ซ่า ก็ยังเป็นทีมระดับยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แต่มีแค่แมนฯ ยูไนเต็ดเท่านั้น ไม่สามารถรักษาสเตตัสตรงนั้นเอาไว้ได้ และจมดิ่งลงมาเรื่อยๆ จนห่างชั้นกับ 4 ทีมที่ว่านั้นไปไกลมากแล้ว
2
----------------------------
1
ปัญหาระยะสั้นที่เห็นชัดๆ ตอนนี้ คือ เรื่องแท็กติกในสนาม สาเหตุเพราะเอริก เทน ฮาก เป็นโค้ชคนใหม่ ที่ยังไม่เคยสัมผัสกับเกมพรีเมียร์ลีกมาก่อน หลักการใดๆ ที่เขาใช้กับลีกดัตช์ มันใช้ไม่ได้เลย เมื่อต้องมาเจอกับฟุตบอลอังกฤษที่เล่นดุ เล่นหนัก มีการใช้ Physical ปะทะตลอดเวลา
2
ในเกมเจอเบรนท์ฟอร์ด แฮร์รี่ แม็กไกวร์ (194 ซม.) ยืนคู่กับลิซานโดร มาร์ติเนซ (175 ซม.) แค่นี้เบรนท์ฟอร์ดก็รู้แล้วว่า จะโจมตีอย่างไร ก็บอมบ์ยัดเข้าไปหาลิซานโดรเลยสิ
5
โทมัส แฟรงค์ ผู้จัดการทีมเบรนท์ฟอร์ด ให้สัมภาษณ์ว่า "ผมดูเกมที่ไบรท์ตันเจอแมนฯ ยูไนเต็ดแล้วทำได้ดี ก็เลยลองไปศึกษาดูและพบว่า ปกติไบรท์ตันจะชอบต่อบอลสั้นๆ จากกองหลังขึ้นมา แต่ในเกมเจอแมนฯ ยูไนเต็ด พวกเขาโยนบอมบ์ยาวทุกจังหวะที่มีโอกาส ดังนั้นเราก็จะเล่นแบบนั้นเช่นกัน"
8
เจมี่ เรดแนปป์ อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษ คอมเมนต์ว่า "ถ้าคุณจะใช้งานเซ็นเตอร์แบ็กสูง 5 ฟุต 9 นิ้ว (175 ซม.) คุณไม่สามารถต่อสู้ได้ในลีกนี้หรอก เขาอาจจะโอเคในลีกดัตช์ แต่ถ้าคุณต้องมาเล่นที่อังกฤษทุกสัปดาห์ และทุกทีมก็จะมองหาจุดอ่อนนี้ ทุกทีมจะเล่นงานเขาหนักแน่ๆ เพราะคนสูง 5 ฟุต 9 นิ้ว ถ้าเป็นกองกลางก็นับว่าตัวเล็กแล้วนะ ยิ่งเป็นเซ็นเตอร์แบ็กยิ่งแล้วใหญ่"
4
เช่นเดียวกับการวางมิดฟิลด์ นัดนี้ เทน ฮากใช้เฟร็ด ยืนคู่กับ คริสเตียน อีริคเซ่น ซึ่งทั้งสองคน ไม่มีใครที่เป็นผู้เล่นประเภท "กองกลางตัวรับธรรมชาติ" ถามว่าเล่นได้ไหม ก็ได้แหละ แต่มันก็เหนื่อยหน่อย ถ้าสังเกตดูทีมใหญ่ในพรีเมียร์ลีก ต้องมีตัวตัดเกมสักคนเอาไว้ตลอด
2
ลิเวอร์พูลมีฟาบินโญ่, แมนฯ ซิตี้มีโรดรี้, อาร์เซน่อล มีโทมัส ปาร์เตย์, เชลซี มีก็องเต้ คือเมื่อมีกลางรับ ก็จะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้
1
ในสมัยอยู่อาแจ๊กซ์ ถ้าเราจำทีมชุดเข้ารอบรองแชมเปี้ยนส์ลีกของเทน ฮากได้ เขาใช้ เฟรงกี้ เดอ ยอง กับ ลาสส์ โชเน่ ยืนเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง 2 คน ซึ่งทั้งคู่ไม่ใช่มิดฟิลด์ตัวรับ คือถ้าบอลลีกดัตช์มันเล่นแบบนั้นได้ เอามิดฟิลด์ตัวกลาง หมายเลข 8 มายืนคู่กันเลยก็พอไหว แต่ในอังกฤษ มันยากจริงๆ ที่จะรับมือคู่แข่ง
3
ยิ่งกับเคสของเอริคเซ่นนั้น เกมเจอไบรท์ตันเล่น False 9 เกมเจอเบรนท์ฟอร์ดเล่นกลางรับ คือต่อให้เก่งแค่ไหน ย้ายทีมใหม่ เจอสลับยืนตรงนี้ที ตรงนั้นที ก็ต้องมีมึนงงกันบ้างล่ะ
3
เอาล่ะ การแพ้ 2 นัดแรก อาจจะดูเป็นอะไรที่แย่มาก แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับ เทน ฮากด้วย ที่ต้องใช้เวลาศึกษาหน่อย ว่าใครเล่นได้ ใครเล่นไม่ได้ อย่างแบ็กซ้ายจำเป็นต้องใช้ลุค ชอว์จริงๆ หรือ? เกมรับก็ไม่ดี เกมรุกก็ไม่ไหว ทั้งเกมครอสบอลเข้าเป้า 0 ครั้งถ้วน
1
ดาบิด เด เกอา เล่นได้เลวร้ายที่สุดในอาชีพ ทำผิดพลาดแบบมือสมัครเล่น 2 ลูก ลูกแรกซองแตกแบบงงๆ ไม่เหลือเครดิตของนายทวารระดับท็อป ส่วนลูกสองก็เห็นชัดๆ ว่าเพื่อนโดนเพรสซิ่งมาแบบนั้น ก็ยังจ่ายยัดเข้าเท้าอีก จะไม่ให้โดนฉกยังไงไหว
7
ถ้าหากเขาไม่พลาด 2 ลูกแรก แมนฯ ยูไนเต็ดอาจไม่เละเทะขนาดนี้ ตอนนี้เทน ฮากก็ต้องคิดแล้วว่า ถ้าดีน เฮนเดอร์สัน หมดสัญญายืมตัวกับฟอร์เรสต์ เขาจะโละเด เกอา ทิ้งเลยดีหรือไม่
2
กองหน้าก็เช่นกัน เรารู้ตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่นว่า เขาอยากใช้อ็องโตนี่ มาร์กซียาล เป็นหัวหอกตัวหลัก แต่เมื่อมาร์กซียาลต้องเจ็บกะทันหัน เลยต้องพลิกแพลงสถานการณ์กันไป แล้วมาใช้โรนัลโด้ ที่แทบไม่ได้เก็บตัวร่วมกับเพื่อนในช่วงซัมเมอร์ จะให้เข้าขาอะไรกัน มันก็คงยาก
ในช่วงครึ่งแรก ในเกมเจอเบรนท์ฟอร์ด เทน ฮาก แก้เกมด้วยการเปลี่ยนผู้เล่น 3 คน (ชอว์, ลิซานโดร, เฟร็ด) แต่เขาบอกความรู้สึกในภายหลังว่า "ผมเปลี่ยนออกสามคนตอนพักครึ่งก็จริง แต่ในใจอยากจะเปลี่ยนออกทั้ง 11 ตัวเลยด้วยซ้ำ"
18
ปัญหาเรื่องแท็กติก และการเรียนรู้นักเตะในทีม นี่เป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องอดทนก่อน ให้เวลาเทน ฮากสักหน่อย ถ้าคิดในแง่ดีก็คือ 2 เกมแรกสุดของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในปี 1986 แมนฯ ยูไนเต็ดก็ไม่ชนะใครนะ (แพ้อ็อกซ์ฟอร์ด 2-0 , เสมอนอริช 0-0) ดังนั้นการไปตัดสินผู้จัดการทีมว่าไร้คุณภาพ จาก 2 เกมแรก ก็อาจจะไม่ยุติธรรมไปหน่อย
3
ถ้าคิดว่าเป็นคนที่ใช่ ก็ต้องยึดมั่นกันไป เหมือนอาร์เซน่อลที่ศรัทธาอาร์เตต้า หรือลิเวอร์พูลที่เชื่อมั่นคล็อปป์ คำถามคือ แล้วแฟนแมนฯ ยูไนเต็ด คิดว่าเทน ฮาก คือคนนั้นหรือเปล่า?
15
นอกจากเรื่องแท็กติกในสนามแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญมากๆ แต่แมนฯ ยูไนเต็ดทำไม่ได้ นั่นคือการรักษาบาลานซ์ของ "3 เสาหลัก" ของสโมสร
ผมเคยคุยกับจอห์น อัคเตอร์เบิร์ก โค้ชผู้รักษาประตูของลิเวอร์พูล เขาอธิบายเคล็ดลับความสำเร็จของสโมสรให้ฟังว่า ที่หงส์แดงจะมี "3 เสาหลัก" ที่ทำให้สโมสรเดินหน้าไปได้
3
นั่นคือ 1-ผู้จัดการทีม, 2-นักเตะ และ 3-แฟนบอล
2
ในยามที่เสาต้นหนึ่งเสาง่อนแง่น ถ้ามี 2 เสามาค้ำจุนไว้ ก็พอจะยืนหยัดได้ ไม่พังทลายลงมา
5
ตอนที่แฟนลิเวอร์พูลหมดศรัทธากับทีม คนอยู่ดูบอลไม่จบ 90 นาทีก็ออกจากสนาม "เสาแฟนบอล" กำลังง่อนแง่น อีกสองเสา คือผู้จัดการทีม (คล็อปป์) ก็ต้องเข้มแข็งเข้าไว้ และ กลุ่มนักเตะ ก็ต้องทุ่มเทเต็มที่ เพื่อช่วยประคอง "เสาแฟนบอล" ให้ไม่ล้ม
9
หรือตอนช่วงตอนที่นักเตะในทีมมีปัญหา ฟาน ไดค์, โกเมซ, มาติป เจ็บทั้งหมด ต้องไปเข็นเอารีส วิลเลียมส์ กับ แนท ฟิลลิปส์ มาเล่นเซ็นเตอร์แบ็ก "เสานักเตะ" กำลังง่อนแง่นมาก ลิเวอร์พูลก็เอาตัวรอดมาได้ เพราะโค้ชไม่ยอมแพ้ และแฟนบอลไม่สิ้นศรัทธา
9
แต่สิ่งเหล่านั้น ไม่เกิดกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะทั้ง 3 เสาตอนนี้ ง่อนแง่นหมดเลย ไม่มีใครเป็นหลักค้ำจุนให้คนอื่นทั้งสิ้น
3
โค้ชเทน ฮาก เพิ่งย้ายมาใหม่ ต้องใช้เวลาปรับตัว และศึกษาทุกอย่าง จะมาเป็นหลักค้ำจุนให้ใครก็คงยาก
2
นักเตะ เล่นได้น่าผิดหวัง แต่ละคนคือหมดคุณภาพไปแล้ว เหมือนที่ราล์ฟ รังนิก เคยบอกไว้ ว่าจะให้แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาลุ้นอะไรสักอย่างได้ ต้องซื้อผู้เล่นใหม่ 10 คน
6
แฟนบอล ก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ยังมีการประท้วงขับไล่เจ้าของทีมตลอดเวลา มีการจะทำ #EmptyOldTrafford ไม่เข้าไปดูบอลในสนาม ในเกมเจอลิเวอร์พูลวีกหน้าเพื่อประท้วง ทั้งๆ ที่ตอนนี้ ทีมต้องการกำลังใจมากที่สุดแท้ๆ
3
ไม่มีใครค้ำยันใครเลย 3 ด้าน ต่างง่อนแง่นสุดๆ ไม่แปลกที่ทุกอย่างมันจะพังทลายได้โดยง่ายขนาดนี้
1
ทีมใดจะประสบความสำเร็จได้ ทุกคนในองค์กรต้องเห็นเป้าหมายร่วมกัน เดินหน้าไปทางเดียวกัน แต่กับแมนฯ ยูไนเต็ดตอนนี้ มันอะไรก็ไม่รู้ มั่วซั่วไปหมด
2
ยังไม่นับเรื่องเจ้าของทีม ที่ไม่มี Passion กับสโมสรเท่าไหร่อีกนะ แต่ถึงยังไงเราก็ต้องยอมรับความจริงว่า ในทางกฎหมาย สโมสรเป็นของพวกเขา และตระกูลเกลเซอร์ส ก็ไม่มีทางที่จะขายทีมในเร็ววันนี้ ต่อให้โดนประท้วงหนักแค่ไหนก็ตาม
1
ตอนนี้ สิ่งที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องทำ คือยอมรับความจริงก่อน ว่าปัญหาที่ผ่านมา ในยุคของเอ็ด วู้ดเวิร์ด มันย้อนเวลากลับไปแก้อะไรไม่ได้แล้ว
1
ปัญหาเช่น การซื้อตัวที่ผิดพลาด ตั้งแต่เฟอร์กี้ลงจากตำแหน่ง ในรอบ 10 ปี พวกเขาเสียเงินไปกับกองหน้าที่อายุเยอะ เช่น เอดินสัน คาวานี่, ซลาตัน อิบราฮิโมวิช, ราดาเมล ฟัลเกา, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คือซื้อเข้ามาแบบที่ไม่ได้มองถึงอนาคตระยะยาวเลย
1
หรือการเสียค่าโง่ดีลป็อกบา มันน่าเจ็บใจก็จริง แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว ก็ได้แต่ต้องอดทนและมูฟออนกันไป
2
ในเมื่อตอนนี้เสาผู้จัดการทีม และเสานักเตะ กำลังระส่ำระสาย "เสาแฟนบอล" ก็จำเป็นต้องหนักแน่น และให้กำลังใจทีมอย่างที่สุด ยิ่งทีมวิกฤติเท่าไหร่ พลังใจก็ยิ่งจำเป็นมากขึ้นเท่านั้น
2
แต่ถ้าหากแพ้ 2 นัดด่าโค้ช 3 นัดไล่โค้ช ทุกอย่างก็จะวนลูปกลับไปเป็นเหมือนเดิม พอโค้ชโดนด่าเยอะๆ ก็ไล่ออกหาคนใหม่ แล้วมันจะต่างอะไรกับที่เคยเกิดขึ้นกับ เดวิด มอยส์, หลุยส์ ฟาน กัล ,โชเซ่ มูรินโญ่, โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และ ราล์ฟ รังนิก
3
ดังนั้นสิ่งที่แฟนปีศาจแดงสามารถทำได้ คือต้องอดทนไว้ก่อน ถ้าเลือกจะไว้ใจเทน ฮากแล้ว ก็จงเชื่อในกระบวนการ ว่าทุกๆ อย่างจะค่อยๆ พัฒนาไปในทางที่ดี
เป็นธรรมดาของโลกฟุตบอล ที่ทุกการเปลี่ยนผ่าน จำเป็นผ่านความเจ็บปวดทั้งนั้น
แม้จะไม่รู้ว่าความเจ็บปวดจะสิ้นสุดลงตรงไหน แต่ก็คงได้แค่ภาวนาว่าฟ้าหลังฝน มันคงจะสวยงามกว่าในวันนี้
1
#TRUSTTHEPROCESS
1
โฆษณา